เลือดบริสุทธ์ิจากความขัดแย้ง


การสูญเสียครั้งนี้ เป็นอีกครั้งหนึ่งที่ชีวิตของประชาชนผู้บริสุทธิ์จะต้องมาสังเวยความขัดแย้งของคนในชาติ ผมไม่ทราบว่าเราจะต้องทนอยู่กับความขัดแย้งนี้อีกนานเท่าใด แต่อยากจะภาวนาว่า ขอให้การสูญเสียครั้งนี้เป็นการสูญเสียเลือดผู้บริสุทธิ์หยดสุดท้ายจากความขัดแย้งทางการเมือง หรือเราจะต้องรอต่อไปอีก

(ที่มาภาพ : Al menos siete muertos y 90 heridos deja represión a 'camisas rojas' en Tailandia)


ไม่มีอีกแล้วชื่อนี้ “ลุงคิม” ขอไว้อาลัยแก่การจากไปอย่างไม่มีวันหวนกลับของ คุณพ่อลูกสองและสามีผู้มานะในการทำมาหาเลี้ยงครอบครัว เหยื่อกระสุนปืนจากเหตุการณ์ความรุนแรงเดือนพฤษภาคม 2553 นายฐานุทัศน์ อัศวศิริมั่นคง (ฌาปณิกจศพในวันพุธที่  29 กุมภาพันธ์ 2555)

เสียงปืนดังขึ้นในบ่ายวันที่ 14 พฤษภาคม 2553 ใครไหนเลยจะทราบว่านี่เป็นจุดเริ่มต้นของการต่อสู้เพียงลำพังของผู้หญิงคนหนึ่งที่ไม่เคยแม้แต่จะคิดที่จะออกมากล่าวหาใครหรือเรียกร้องเอาอะไรจากใคร

ผมไม่ได้รู้จักคุณฐานุทัศน์ (ลุงคิม) และคุณวรานิษฐ์ อัศวสิริมั่นคง หรือคุณอ้อ ภรรยาคุณฐานุทัศน์เป็นการส่วนตัว แต่จากการทำงานได้มีโอกาสพบปะกันเป็นครั้งคราว เธอเล่าให้ฟังถึงเหตุการณ์ในวันเกิดเหตุว่า เมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 14 พฤษภาคม 2553 ณ ถนนซอยแฟลตชุมชนบ่อนไก่ ลุงคิมและครอบครัวชวนกันออกไปทำธุระและทานสุกี้ที่ห้างสรรพสินค้าเพราะไม่ได้มีเวลาครอบครัวกันมานาน เหตุจากการที่ลุงคิมต้องเข้ารับการบำบัดรักษาอาการป่วยด้วยโรคมะเร็ง วันนั้นก็ดูเป็นวันปกติเหมือนทุกวันที่ผ่านมาแม้จะมีการชุมนุมประท้วงของกลุ่มคนเสื้อแดง แต่ผู้คนก็ยังเดินขวักไขว่ใช้ชีวิตตามปกติ รถเมล์ยังวิ่งผ่าน พ่อค้าแม่ค้ายังขายของไม่ต่างจากวันวาน แต่นี่คงเป็นหนึ่งในครอบครัวที่ไม่ทราบแถลงการณ์ขอความร่วมมือจาก ศอฉ. ในการปฏิบัติการขอคืนพื้นที่  [ตามประกาศลงวันที่ 13 พฤษภาคม 2553 “ศอฉ. แถลงข่าวภายหลังการประชุม ช่วงเช้า... ขอความร่วมมือไปยังผู้ประกอบการเอกชนในพื้นที่รอบการชุมนุมได้ให้ลูกจ้าง หยุดงานตั้งแต่วันพรุ่งนี้ (14 พ.ค.) เป็นต้นไป จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย”]

จากเวลานั้น 1 ชั่วโมงโดยประมาณ ในขณะที่ลุงคิมและครอบครัวยืนรอรถเมล์อยู่ ทหารเริ่มขว้างแก๊สน้ำตาเข้าใส่กลุ่มผู้ชุมนุม ลุงคิมเห็นท่าไม่ปลอดภัยจึงสั่งให้ภรรยาและลูกทั้งสองคนเข้าไปหลบในร้านสะดวกซื้อบริเวณใกล้เคียงแล้วตนก็เดินตามไป แต่เนื่องจากตนเองป่วยและเพิ่งออกจากโรงพยาบาลจึงทำให้เดินช้า ไม่นานนักปรากฏเสียงปืนดังขึ้นชุดใหญ่ ลุงคิมรู้สึกปวดที่กลางหลังแล้วล้มลงแต่ยังรู้สึกตัว ก่อนมีชาวบ้านสามสี่คนวิ่งเข้ามาลากออกจากจุดเกิดเหตุและนําขึ้นรถตู้ส่งโรงพยาบาลกล้วยน้ำไท ด้านคุณอ้อภายหลังจากผละออกจากสามีได้ตัดสินใจพาลูกๆ วิ่งเข้าไปในซอยเพื่อเข้าบ้านโดยไม่ได้หันหลังกลับมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น ทันทีที่ถึงบ้านภายในเวลาเพียง 20 นาที คุณอ้อได้รับโทรศัพท์จากโรงพยาบาลว่าสามีของเธอถูกยิงได้รับบาดเจ็บสาหัสให้ คุณอ้อมาที่โรงพยาบาลด่วน

ภายหลังที่ผู้คนทราบข่าว มีผู้ใจบุญจากหลายฝ่ายเสนอให้ความช่วยเหลือบ้าง เธอก็รับไว้และขอบคุณด้วยความซาบซึ้งใจ แต่ไม่เคยที่จะเรียกร้องอะไรเพิ่มเติมจากสิ่งที่เกิดขึ้น กลับกัน เธอพยายามต่อสู้หางานทำเพื่อหารายได้เลี้ยงครอบครัวด้วยตัวของเธอเองพร้อม กับการแวะเวียนมาดูแลสามีที่เริ่มจะช่วยเหลือตัวเองไม่ได้เพราะลูกคนโตเรียน อยู่ต่างจังหวัด ส่วนลูกคนเล็กก็ยังอยู่ในระดับมัธยมเท่านั้นช่วยได้แต่ก็ไม่มาก คุณอ้อได้รับเงินช่วยเหลือจากกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) 200,000 บาท และจากสำนักพระราชวัง 50,000 บาท แต่ทั้งหมดเป็นการแบ่งจ่าย ทั้งสองจำนวนรวมเป็นเงินเดือนละไม่กี่พันบาท จากเดิมที่ลุงคิมเคยหารายได้เข้าครอบครัวได้วันละไม่ต่ำกว่าวันละ 700 บาท ไม่รวมรายได้จากการขายขนมจีบซาลาเปาของคุณอ้อเอง

เมื่อเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวรายได้ของครอบครัวไม่มีเข้ามาเลยเพราะลุงคิมไม่สามารถทำงานได้อีกต่อไป อีกทั้งคุณอ้อก็ต้องหยุดงานมาดูแลสามีเพราะต้องพลิกตัวทุกสองชั่วโมงเนื่องจากแผลกดทับ ความหวังเดียวคือรายได้จาก พม. ที่จะต้องไปติดต่อครั้งแล้วครั้งเล่ากว่าจะได้เงินที่ทยอยจ่ายเดือนละไม่กี่พันบาทซึ่งลูกสองคนต้องกินอยู่และเล่าเรียน สามีจะต้องมีค่ารักษาพยาบาล ไหนจะค่าเดินทางและค่ากินอยู่ของเธอเองอีก

จากคำพูดของเธอเมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาเมื่อครั้งได้มีโอกาสพบอดีตเลขาธิการสหประชาชาติ นายโคฟี อันนัน และอดีตประธานาธิบดีฟินแลนด์ นายมาร์ตติ อาห์ติซารี คุณอ้อได้เล่าถึงอาการของสามีของเธอว่าทรุดลงอย่างเห็นได้ชัด พูดและสื่อสารไม่ได้แล้ว ทั้งยังมีหนองขึ้นตามศรีษะ พยาบาลบอกเธอว่าเป็นอาการสืบเนื่องจากที่ของเสียคั่งค้างในร่างกาย “ดิฉันไม่ทราบว่าโรงพยาบาลดูแลอย่างไร แล้วไม่ทราบว่าแล้วข้างในจะแย่แค่ไหน เพราะเราไม่มีโอกาสได้เห็น ถ้าเรามีเงินดิฉันอยากจะย้ายโรงพยาบาลเพื่อให้สามีได้รับการดูแลที่ดีขึ้น” เธอกล่าวออกมาด้วยความรักและเวทนาต่อสามีผู้เป็นที่รัก และด้วยความหวังที่ว่าหากเงินเยียวยาที่รัฐบาลประกาศนั้นจะเป็นจริงจะขอใช้ เงินทั้งหมดเพื่อใช้ในการรักษาลุงคิมสามีให้หายเป็นปกติให้จงได้ “ดิฉันได้บอกลูกๆ แล้วว่า ถ้าได้เงินจำนวนนั้นมาจะย้ายพ่อไปโรงพยาบาลที่สามารถดูแลพ่อได้ดีกว่านี้ แม้จะหมดเงินเท่าไรแม่ไม่เสียดาย เพราะนั่นเป็นเงินของพ่อไม่ใช่เงินของเรา” เป็นคำพูดของผู้หญิงซึ่งไม่ทราบเลยว่ากำลังจะสูญเสียคนที่รักไปในเวลาอันใกล้นี้ เพราะลุงคิมได้ลาจากไปเพียง 6 วันให้หลังเท่านั้น สำหรับวันนี้ก็คงบอกได้แต่เพียงว่า หากแม้ได้เงินมาก็คงจะสายไปเสียแล้ว

สำหรับคุณอ้อแล้ว การได้มีโอกาสพบกับนายโคฟี อันนัน ไม่ได้มีความสำคัญอะไรต่อเธอมากนัก หากแต่เธอมาเพื่อสอบถามความคืบหน้าของเงินตามที่รัฐบาลได้้สัญญาไว้แต่ก็ต้องผิดหวังกลับไป เพราะไม่ได้พบเจ้าหน้าที่รัฐที่รับผิดชอบแม้แต่คนเดียว

จากการเสียชีวิตของลุงคิมในวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา 22.30 โดยประมาณ แพทย์ระบุในใบมรณะบัตรว่า นายฐานุทัศน์ เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง ซึ่งอาจจะถูกใช้เป็นข้ออ้างไม่จ่ายเงินเยียวยาได้ นี่ยังไม่นับรวมถึงความเป็นธรรมในทางคดีอาญา ดูเหมือนฟ้าจะไม่เป็นใจที่จะให้ครอบครัวนี้ได้รับการเยียวยาและความเป็นธรรมจากเหตุการณ์ความรุนแรงที่ตนเป็นแค่เหยื่อที่บริสุทธิ์จากความขัดแย้งทางการเมือง

การสูญเสียครั้งนี้เป็นอีกครั้งหนึ่งที่ชีวิตของประชาชนผู้บริสุทธิ์จะต้องมาสังเวยความขัดแย้งของคนในชาติ ผมไม่ทราบว่าเราจะต้องทนอยู่กับความขัดแย้งนี้อีกนานเท่าใด แต่อยากจะภาวนาว่า ขอให้การสูญเสียครั้งนี้เป็นการสูญเสียเลือดผู้บริสุทธิ์หยดสุดท้ายจากความขัดแย้งทางการเมือง หรือเราจะต้องรอต่อไปอีก

คำพูดสุดท้ายก่อนจากไป “ลูกสาวผมสอบผ่านไหม” วันนี้ลุงคิมคงไม่มีวันทราบอีกแล้ว ขอให้หลับให้สบายนะลุงคิม

 

เดชอุดม ขุนนะสิทธิ์

29 กุมภาพันธ์ 2555

 

เพิ่มเติม: ภาพวิดีโอขณะที่ลุงคิมถูกยิง

http://www.youtube.com/watch?v=hi3s4mwzVUg

หมายเลขบันทึก: 481429เขียนเมื่อ 9 มีนาคม 2012 10:15 น. ()แก้ไขเมื่อ 5 มิถุนายน 2012 15:10 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท