ช่วงต่อปลายเดือนกุมภาพันธ์และต้นเดือนมีนาคมได้เดินทางไปศวพ.สุพรรณบุรีไปขอสนับสนุนแตนเบียนที่นั่นเพราะเดือนก่อนได้ข้อมูลว่าที่ที่ผลผลิตได้มาก พี่อ๊อดใจดีให้มาเท่าที่มี บอกอีกว่าถ้ามาก่อนหน้านี้จะได้มากกว่านี้ เนื่องจากช่วงที่ผ่านมาอากาศร้อนมากทำให้แตนเบียนตายจำนวนมาก ช่วงนี้เลยอยู่ระหว่างเครียทำความสะอาดบางส่วน เข้าพื้นที่กาญจนบุรีแถบเลาขวัญ ก็ตามไปดูแปลงที่เคยไปดูมาหลายครั้ง ก็ยังพบยอดหงิกบ้างแต่ไม่มาก มีเพลี้ยแป้งสีชมพูปรากฏอยู่ให้เห็นอยู่บ้าง โดยเฉพาะใกล้ถนน สังเกตุมาหลายที่หลายครั้งเพลี้ยแป้งสีชมพูเห็นได้ง่ายจากขอบแปลงก่อนเสมอ เดินทางต่อไปยังกำแพงเพชรผ่านทางแยกหนองปลาไหลหากดูเผิน ๆ มันยอดไม่หงิก แต่เป็นมันอายุมาก สำรวจดูดีดีก็พบสีชมพูบ้าง สีเขียวบ้าง แถมพบมัมมี่ของแตนเบียนเพียงแต่ไม่แน่ใจว่าใช่แตนเบียนเพลี้ยแป้งสีชมพูหรือเปล่า แมลงหวี่ขาวดูจะหนาตา แต่ก็มีแมลงช้างในระยะไข่และตัวอ่อน แปลงนี้แสดงว่ามีการควบคุมโดยธรรมชาติ
เดินทางขึ้นเหนือผ่านทางอำเภอบ้านไร่มันสำปะหลังแถบนี้ใบเขียวอยู่กับต้นยังหนาแน่น ไม่มียอดหงิก ผิดกับทางกำแพงเพชรที่ใบเหลือติดต้นน้อย ความแตกต่างของสภาพดินฟ้าอากาศเป็นตัวอธิบายได้แน่นอน
กำแพงเพชรช่วงนี้ชาวไร่กำลังเก็บเกี่ยว ปีนี้ราคาไม่ดี เหลือ 1.60 บาท ราคาตกจากต้นฤดูการเก็บเกี่ยว 2.7 บาท เป็นไปได้ว่าปีนี้ผลผลิตมันดีกว่าปีก่อนเพราะเสียหายน้อยกว่าปีก่อน ๆ ชาวบ้านบอกว่าผลผลิตจากจังหวัดอื่นๆ เข้ามาขายในพื้นที่กำแพงเพชรมากกว่าปีก่อน การจำนำของรัฐก็มีจำนวนจำกัดทั้งผู้รับซื้อและจำนวน ราคาขายนอกโครงการยิ่งต่ำลง ช่วงนี้จำนวนเพลี้ยแป้งสีชมพูมากกว่า เดือนก่อน แต่มีแนวโน้มที่ดีคือเราพบแตนเบียนเพลี้ยแป้งสีชมพูที่หน่วยงานต่างๆ นำมาปล่อย รวมทั้งทีมของเราด้วยเมื่อ 4 สัปดาห์ก่อน เห็นทั้งมัมมี่ และตัวเต็มวัยที่แข็งแรง แต่เราก็ยังไม่มั่นใจว่าจำนวนจะเพียงพอกับการเพิ่มของเพลี้ยแป้งสีชมพูจึงปล่อยแตนเบียนเพิ่มอีกในแปลงที่สำรวจดูว่าพบสีชมพูมากขึ้นและพบจำนวนแตนเบียนในแปลงน้อย อย่างไรก็ตาม ยอดที่เคยหงิก ครั้งนี้ยอดคลายออกนั้นแสดงว่าการควบคุมของแตนเบียนได้ผล
มีอยู่ 1 แปลงทำให้พวกเราสังเกตุได้ว่าการแพร่กระจายของเพลี้ยแป้งสีชมพูทำได้เร็ว สังเกตุจาก 1 ต้นที่เป็น ช่วงเวลาที่เขากระจาย 4 สัปดาห์สังเกตุได้ว่าไปได้ไกลประมาณ 2-3เมตร และอีก 4 สัปดาห์ไกลไปถึง 10 เมตร ในช่วงที่ร้อนและแล้ง (พื้นที่เก็บเกี่ยวส่วนใหญ่จึงมีลมแรง) แปลงนี้ก็ปล่อยแตนเบียนแต่การควบคุมยังไม่ทันกับจำนวนเพลี้ยแป้งที่เพิ่มขึ้น จึงมองย้อนไปว่าหาก 4 สัปดาห์ก่อนหน้าเรามีแตนเบียนจำนวนมากมาปล่อยการควบคุมน่าจะดีกว่านี้
สำหรับอาการพุ่มแจ้ ซึ่งพบมากในจังหวัดกำแพงเพชร(จังหวัดอื่นตอบไม่ได้ว่ามีมากน้อยแค่ไหน) ช่วงนี้หลายแปลงเก็บผลผลิตแล้ว ตัดท่อนพันธุ์ตั้งกองไว้ การเลือกท่อนพันธุ์ที่ปลอดโรคจึงทำได้ยาก แต่หากยังไม่ได้ตัดต้นให้ตัดสางต้นที่เป็นโรคทิ้งเสียก่อน สังเกตุได้จากการหักดูลำที่เป็นโรคจะมีสีน้ำตาลระหว่างเปลือกกับแกน หากไม่รุนแรงอาจมีเป็นสีน้ำตาลเป็นเล็กน้อย การตัดสางระวังอย่าไห้ใบมีดบาดต้นที่ดีเพราะจะติดโรคไปด้วย หากมีในปริมาณมากไม่ควรเลือกท่อนพันธุ์จากแปลงนี้มาทำพันธุ์ต่อ
ที่ไร่มีอาการพุ้มแจ้ในแปลงระยอง7ครับ มีวิธีแก้ไขอย่างไรครับ
พวกนี้เกิดจากเชื่อไฟโตพลาสมา ต้องไม่ใช้ท่อนพันธุ์ หรือกำจัดต้นที่เป็นโรคออกไป
คุณรังษี นักโรคพืชของสถาบันวิจัยพืชไร่ ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า อาการที่เห็นเป็นพุ่มแจ้นั้นกำลังหาเชื้อสาเหตุอย่างจริงจัง
เพราะมีการศึกษาและเก็บตัวอย่างก่อนหน้านี้มาหลายครั้งหลายตัวอย่างก็ยังไม่พบเชื่อสาเหตุที่ยืนยันได้
แต่อาการนี้ติดไปกับท่อนพันธ์เป็นสาเหตุหลัก และมีแมลงเป็นพาหะ อาการนี้มีรายงานมาก่อนหน้านี้นานแล้ว
แต่ปีนี้ที่เห็นเป็นบริเวณกว้าง รุนแรง แถวกำแพงเพชรเนื่องจากมีการใช้พันธุ์เดียวกันเป็นผืนใหญ่ และไม่มีการคัดต้นที่เป็นโรคทิ้ง ประกอบกับขาดการบำรุงดิน
ทำให้แสดงอาการชัดเจน
วิธีการป้องกันกำจัด
ถ้าเป็นแล้วก็ต้องตัดทิ้ง เพราะถ้านำไปปลูกต่อ ต้นก็ไม่สมบรูณ์ หัวเล็ก น้ำหนักน้อย และหากทิ้งไว้จะเป็นแหล่งโรคให้แมลงพาหะนำไปติดแปลงอื่น ๆ ได้
จะปลูกใหม่ต้องเลืกท่อนพันธุ์ที่สะอาด โดยคัดเลือกจากแปลงที่ไม่เป็นโรค หรือถ้าไม่แน่ใจให้แช่น้ำร้อนที่ 50 องศาเซลเซียส นาน 45 นาที
ท่อนพันธุ์ที่ใช้ควรมีอายุ 10 เดือนขึ้นไป จะได้ทนต่อการแช่ที่ 50 องศาเซลเซียส นาน 45 นาที ได้ เปอร์เซนต์งอกอาจลดลงเล็กน้อย
เจออาการพุ่มแจ้ในแปลงระยอง 72 แปลงระยอง 9 ที่ปลูกใหม่ อาุยุ 3 เดือน
หากเป้นมากให้ทำลายต้นที่เป็น ดินที่ขาดการบำรุงจะแสดงผลได้เร็วกว่า