เทศกาลสอบนานาประเภท
เริ่มดำเนินการอย่างต่อเนื่องมาได้หลายสัปดาห์
จึงต้องรีบเขียนบันทึก...เกรงว่าเรื่องที่ต้องการจะสื่อ..จะตกกระแส...ไปเสียก่อน...
เรื่องน่าทึ่งที่สุดในโลก
(ของประเทศไทย)
ชอบเปลือกมากกว่าแก่น
ชอบพูด(โม้).....แต่ทำจริงไม่ได้
บางครั้งทำได้....แต่ไม่ได้คำนึงถึงผลกระทบที่ตามมา ...ว่าเสียหายมากมายขนาดไหน
ทำงานแก้(หน้า) ไปวันๆ ... 555
เรื่องของ Hi
-Technology
จะใช้อินเตอร์เน็ตแต่ละครั้ง
ต้องมีการสวดมนต์อ้อนวอนสิ่งศักดิ์สิทธิ์เดี๋ยวจะ Connect
ไม่ได้ 555 กลัวไม่ทันเด็ก ป.1 ที่จะได้
Tablet เร็วๆ นี้ เพราะเด็กๆ เขาให้สัมภาษณ์ว่าจะเล่นเกม /
ดูการ์ตูน อ้ะ !.....
สวนกระแสกันน่าดู......ประเทศที่มีความเจริญและมีมาตรฐานชีวิตสูงกว่าเรา
กลับรณรงค์ให้เด็กๆเขาอยู่กับธรรมชาติ(ว่ะ)
ควันหลงจากการคุมสอบโอเน็ต
ครูเจ้าถิ่น: คนไหนครับ
ที่เมา
ครูสัญจรสองคนแอบส่งสายตา มองกันแบบประหลาดใจ...
ไม่ได้กลิ่นแฮะ
" เอ้อออออ…ก็ดูๆแล้วกัน "
ครูเจ้าถิ่นเดิน โอบนักเรียนชายวัยโจ๋
บุคลิกโดดเด่นในเชิงลบ ออกมา
“ ขอตัวก่อนนะครับ
เขาทำข้อสอบเสร็จแล้ว คงไม่เป็นไร ”
สอบภาคบ่าย
นร เจ้าถิ่น 1: ตกลงครูเขาค้นเจอไหม
นร เจ้าถิ่น 2: ไม่เจอหรอก มันซุกอยู่ในกระเป๋า
ครูสัญจร 1: สรุปแล้วเพื่อนเธอเขาเมาอะไรเนี่ย
นร.เจ้าถิ่น 1: เมายาค่ะ
ครูสัญจร 2 : โชคดีนะเนี่ย ที่พูดจากับเขาดี
ๆ หากของขึ้นอาจโดนจับเป็นตัวประกัน
ปาดคอเอาง่ายๆ
ครูสัญจรกล่าวเตือน ตามกฏ กติกา –มารยาท “
นักเรียนที่นำโทรศัพท์มือถือมาด้วย
ให้ปิดเครื่องแล้วนำมาวางไว้ด้านนี้นะคะ
” หันไปเห็นเด็กพิเศษคนนั้นในสภาพเสื้อนักเรียนตัวยาวคลุมนอกกางเกง
เดินเข้าห้องสอบราวกับไม่รู้ว่าควรแต่งอย่างไร
ครูสัญจร 2 : อ้าวพี่(หมายถึง นร)
…..ทำไมพี่แต่งตัวหล่อกว่าคนอื่นล่ะจ๊ะ ไม่ได้…
จะเอาเปรียบคนอื่นได้ไง
เก็บชายเสื้อไว้ในกางเกงให้เรียบร้อยดีกว่านะ ...
ห้ามนักเรียนออกจากห้องสอบก่อนหมดเวลา ใครทำเสร็จแล้ว
ให้นั่งอยู่กับที่ เวลาในการทำข้อสอบเฉลี่ยวิชาละ 90
นาที แต่เด็กอัจฉริยะ (เรื่องไม่เป็นเรื่อง) ใช้เวลาทำ
ไม่เกิน 40 นาที เวลาที่เหลือก็ตามสภาพ...
ก่อนพักกลางวัน ของวันที่สองของการสอบ ครูสัญจร 2
กำชับเด็กๆ : มีเวลาพัก 1 ชั่วโมงนะคะ
แล้วพบกันภาคบ่าย
นักเรียนพิเศษ : มีสอบอีกเหรอ นึกว่าหมดไปแล้ว
ครูสัญจร 2
มีซิจ๊ะ อีก 1 รายวิชา สุดท้าย
-----------------------------
เวลาผ่านล่วงเลยการทำข้อสอบไป 15 นาที
ครูสัญจร 2 : เอ๊ะ นี่พระเอกของครูไปไหนนี่
นักเรียนเจ้าถิ่น 3 : อยู่ข้างล่างค่ะ
เขาบอกว่าขี้เกียจขึ้นไปสอบ
แป้วววววววววววววววววว!
กล้าหาญ...แล้วโง่ ?
คุณครูผู้กล้าหาญออกข้อสอบแนววิเคราะห์
เพื่อวัดความรู้ในด้านการคิดเป็น แก้ปัญหาได้
แต่ถูกคนบางกลุ่มในสังคมท้องถิ่นประท้วง
ยื่นหนังสือบีบให้จัดการอยู่ 4 ข้อ
ทั้งขอโทษหน้าเสาธง(ขอโทษใครอ้ะ) ลงท้ายด้วยการให้ย้ายด้วย
" ศึกษาได้ที่นี่ "
พลเมืองดีคนหนึ่งไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด กล่าวด้วยเสียงกลั้วหัวเราะว่า
“ สมน้ำหน้า... ครูมันโง่ ”
ครูคนหนึ่ง
:อ้าวทำไมว่าโง่เล่า เขาพยายามฝึกให้เด็กรู้จักคิด
วิเคราะห์ ด้วยสถานการณ์จริง ไม่ดีตรงไหน
พลเมืองดี :
ก็โง่ตรงที่ไม่รู้จักเอาตัวรอดไง น่าจะรู้ว่า
สถานการณ์ตอนนี้ใครมันใหญ่ มันฟังใครที่ไหนกัน
จะทำอะไรก็ต้องอย่าให้ตนเองเดือดร้อน
*** แม่โว๊ยยยยยย...
ตนเองก็คัดลอกบทความ /ข้อความภาษาอังกฤษมาให้เด็กๆ
ศึกษารูปประโยค - สำนวน - คำศัพท์ ออกบ่อยๆ
แถมให้คิด-วิเคราะห์ แสดงความคิดเห็นที่เน้นคุณธรรม-จริยธรรม
อย่างเช่น 1 ใน 5
ของผู้ติดโผคอรัปชั่นของโลก ฯลฯ
ดีนะที่ผู้ปกครองแถบนี้ไม่ทำให้เป็นประเด็น....
ไม่งั้นจะกลายเป็นครูโง่อีกคนหนึ่ง
ฮา….***
Copy Right
แวดวงการศึกษาถูกขอให้เปลี่ยนชื่อวิชาต่างๆ
ของหลักสูตรมาตรฐานสากล ที่ไปซ้ำกับของชาวต่างประเทศ โห….ก็อุตส่าห์ให้เกียรติลอกแบบมาทั้งดุ้น
ทั้งชื่อ- เนื้อหา-สาระ จะเรื่องมากทำไมล่ะเนี่ย
ฮา.......
ความสามารถอันโดดเด่นของครูไทย
เป็นที่โจษจันกล่าวขานถึงความสามารถอันโดดเด่นของครูไทย ว่าล้ำเส้นเอ๊ย...ล้ำหน้ากว่าชาติไหนๆ
หน่วยเหนือจะสั่งการมาอย่างไรทำได้หมดทุกอย่าง...รอบรู้ไปหมดทุกเรื่อง...
ยกเว้นเรื่องของตนเอง.....ฮา
ปิดเทอม ASEAN
ทุกวงการตื่นตัว-เตรียมการเรื่องการก้าวสู่ประชาคมอาเซียนในปี 2558
กันอย่างร่งด่วน ภาษาอังกฤษจะพูดได้แค่ Yes, No, O.K. คงไม่ได้แล้ว
แม้แต่การเปิด-ปิดโรงเรียน กำลังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณา
ว่าจะปรับให้เหมือนชาติอื่นๆ หรือไม่
ครู 1: นึกภาพไม่ออกว่ะ
จะเรียนกันอย่างไรในเดือนเมษายน
ร้อนประหนึ่งเหงื่อตกมันสักขนาดนั้น
ครู
2: โลกมันหมุนเปลี่ยนเวียนวน
ประเทศไทยชอบตามก้นเขาไปเรื่อยๆ
บางอย่างก็ไม่ต้องปรับเปลี่ยนก็ได้มั๊ง
ใช่ว่ามันจะใช้ได้เหมาะสมกับบางสภาพ -บางภูมิประเทศ
ซะที่ไหน คนรุ่นก่อนเขาไม่ใช่กำหนดกฏเกณฑ์สิ่งใดๆ แบบชุ่ยๆ
ต้องอาศัยความรู้-และภูมิปัญญา
หน้าร้อนเรียนไป-เหงื่อหยดติ๋งๆ หน้าฝนอากาศเย็น
ปิดโรงเรียนให้นอนสบาย ๆ หรือไง
ครู 3:
พวกเธอนั่นแหละคิดไม่เป็น
หน้าฝนโรงเรียนปิดจะได้ช่วยไถนา
เตรียมรับปัญหาน้ำท่วมทุ่ง บ้านจมน้ำไง
เด็กในเมืองปกติก็เรียนห้องแอร์อยู่แล้ว
เมษายนก็เปิดแอร์เรียนในห้องไม่ได้เดือดร้อน
เด็กต่างจังหวัดก็ปรับกันเอาเองดิ่
ครู 1:
นี่ไงสาเหตุสำคัญอีกอย่างหนึ่งของ Global Warming
ครู 3:
เราจะไปทำอะไรได้ รอรับคำสั่ง-ทำตามนโยบาย
ใครขัดขืนได้เล่า
ครู 2:
เวลาทำประชาพิจารณ์เขาไปสอบถามใครอ้ะ
เหมือนพวกโพลต่างๆ ประชากรที่เขาศึกษานี่อยู่มุมไหนของประเทศไทยกัน(วะ)
ไม่เคยมีโอกาสได้ตอบเลยนิ ...
Happy Summer
ครูบ้านนอก : ช่วง SUMMER
นัดพวกเธอเรียนเพิ่มเติมดีกว่าไหม
ไปลงเรียนที่ไหนกันหรือเปล่า
จะเรียนครึ่งวันหรือทั้งวันดี
นักเรียนของครู 1 :
หนูตื่นสายอ้ะ เรียนครึ่งวันบ่ายละกัน
นักเรียนของครู 2 :
โห....หนูมารถประจำ บ้านอยู่ไกล มาไม่ได้
ครูบ้านนอก :
ก็บอกแล้วว่าอย่าไปอยู่แถบเซาะกราวน์ก็ไม่เชื่อ
นักเรียนของครู 2 :
ครูจ้างหนูไหมละ วันละ 20 บาท เป็นค่ารถ
ครูบ้านนอก :
โธ่เอ๊ย
สอนให้ฟรียังต้องจ้างให้มาเรียนอีกเหรอ แม่คู๊ณณณ...
ระดับครูนี่หากเปิดสอนพิเศษ ชั่วโมงหนึ่งได้ไม่ต่ำกว่า 500
บาทแล้วย่ะ
ผู้บริหารประเภทไหน ?
ผู้บริหารส่วนใหญ่เกือบ 90 เปอร์เซ็นต์
ล้วนผ่านหลักสูตรฝึกอบรมมาจากบล็อกเดียวกัน จึงได้รับการปลูกฝัง
– มีความคิดเห็น-วิสัยทัศน์แทบไม่ต่างกัน
ครูต่างจังหวัด :โรงเรียนฉันนะ
ได้ ผอ.กระเบื้องจ้า
เปลี่ยนพื้นห้องเป็นกระเบื้องเกือบหมด
ครูชายขอบ :ของฉันเป็น
ผอ.ส้วม ชอบสร้างส้วม
ที่มีอยู่แล้วก็ปรับเป็นอย่างอื่น
แล้วสร้างส้วมใหม่ทดแทน
ครูปริมณฑล :ของฉัน เป็น
ผอ.ฮวงจุ้ย
มาถึงปรับเปลี่ยนใหม่หมด เดี๋ยวชงกับดวง
ไม่ถูกหลักฮวงจุ้ย
ครูเมืองหลวง
:ที่โรงเรียน...เปลี่ยน ผอ.ใหม่บ่อยมากๆ มาใหม่ก็รื้อปรับใหม่
จนไม่มีอะไรจะให้ปรับเปลี่ยน...ผอ.คนปัจจุบัน
จึงซื้อรถกอล์ฟขับวนเล่นในโรงเรียนซะเลย ฮา ....
ระบบการบริหารใหม่
ที่โรงเรียนหนู
มีการปรับระบบบริหารใหม่ สมมุติว่าจะไปราชการ...
เรื่องการอบรมนะ ต้องปฏิบัติอยู่ 9 ขั้นตอน
ขั้นตอนที่ 1.
ต้องให้ทางหน่วยงานที่จะจัดอบรมส่งหนังสือมาตามระบบ
ผ่านกลุ่มบริหารงานที่เกี่ยวข้องและได้รับความเห็นขั้นต้นจาก
ผู้บังคับบัญชา
ขั้นตอนที่
2. หนังสือจะถูกส่งกลับมายังกลุ่มบริหารงานที่เกี่ยวข้องและส่งตรงถึงกลุ่มสาระฯ
หากผู้บริหารเขียนว่า ชอบ แสดงว่า ดำเนินการขั้นต่อไปได้
( หากไม่เห็นชอบแสดงว่าแท้งไปแล้ว
จะเก็บไว้ดูให้เจ็บช้ำใจก็แล้วแต่)
ขั้นตอนที่ 3.
ทำหนังสือบันทึกผ่านกลุ่มบริหารงานวิชาการ
และส่งผ่านความเห็นชอบของกลุ่มบริหารงานงบประมาณ
แล้วส่งไปยังห้องผู้บริหาร เพื่อรอรับการอนุมัติ์
ขั้นตอนที่ 4. เมื่ออนุมัติ์
แล้ว
หนังสือจะถูกส่งมาที่กลุ่มบริหารงานบุคลากรเพื่อดำเนินการออกคำสั่งให้ไปราชการ
ซึ่งต้องรอไปอีกพักหนึ่ง
ขั้นตอนที่
5. หากใช้รถส่วนกลาง
ต้องไปเขียนบันทึกขอใช้รถแนบเรื่องการอนุมัติ์ที่กลุ่มบริหารงานทั่วไป
ขั้นตอนที่
6. ไปกลุ่มบริหารงานงบประมาณ...
ติดต่อเรื่องค่าใช้จ่าย อาจมีการบันทึกยืมเงิน
ขั้นตอนที่ 7.
ตรวจสอบว่าสั่งให้ใครเป็นคนขับรถ
เพื่อนัดหมายเรื่องเวลาออกเดินทาง
ขั้นตอนที่ 8.
หลังจากกลับมาปฏิบัติงาน
ต้องบันทึกรายงานผลผ่านกลุ่มบริหารงานวิชาการ
เพื่อเสนอผู้บริหารต่อไป
ขั้นตอนที่ 9.
นำใบเสร็จมาล้างหนี้...ตามขั้นตอน
ที่กลุ่มบริหารงานงบประมาณ
กว่าจะได้ไปราชการ เขียน/พิมพ์บันทึกจนมือหงิก
เดินไปส่งหนังสือ-ประสานงานจน...ก้นบิด
เพราะสำนักงานของแต่ละกลุ่มอยู่คนละอาคาร ... หุ่นดีไปเลยยยยยย ตั๊ว
....ฮา ...เรื่องเร่งด่วนใช้เวลาตามไม่ต่ำกว่า 2 วัน
ไม่เข้าใจเหมือนกันนะ... ยิ่งปรับระบบการบริหารงานราชการ
ยิ่งแตกหน่วย
จนไม่ต้องทำอะไรกันแล้ว ปรับระบบการบริหารให้ยุ่งยากเข้าไว้เพื่อ
?
*** ... ลองไปศึกษา หลักการทรงงานของในหลวงฯ ทั้ง 23
ข้อดูบ้างนะ ยังมีคำว่า ONE STOP SERVICE เลยจ้า...
*** " ศึกษาได้ที่นี่
"
***... แต่ที่แน่ๆ วันก่อนรายการกบนอกกะลา
มาถ่ายทำที่โรงเรียนเรา ... ***
MR.A: จริงเหรอ....เกี่ยวกับเรื่องอะไร
MS.B: “ หนังสือราชการที่หายไป
” ก็บางครั้งเอกสารมันสูญหายระหว่างทาง
....หาไม่เจอแบบไร้ร่องรอยน่ะซิ... วิ๊วววววว!
หมายเหตุ:
ข้อมูลที่นำมาบันทึกล้อเลียนได้มาจากเรื่องจริง...หลายแหล่ง
(ยกเว้นรายการถ่ายทำ กบนอกกะลา
และชื่อสมมุติของตัวละครที่เกี่ยวข้อง )
***...
ขอขอบคุณผู้เข้ามาเยี่ยมชมทุกท่านนะคะ
...***
***...
ภาคภูมิใจมากๆที่ได้เป็นข้าราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ
หลักการทรงงานของพ่อหลวงฯ ช่างทันสมัย-ทันยุค-ทันเหตุการณ์
ท่านทรงเป็นปราชญ์อัจฉริยะรอบรู้ในทุกสาขา ทรงเป็นแบบอย่างที่ดีที่สุด....หากเพียงแต่ลูกๆของท่านจะรับมาใส่เกล้าและดำเนินการตามแนวพระราชดำรัสฯ
เชื่อว่าคุณภาพชีวิตของชาวไทยคงได้รับการพัฒนาเป็นอย่างดี ขอขอบคุณ
อาจารย์ธนิตย์ นะคะ ...ต้องรีบจบบันทึกตอนที่
4...ก่อนที่จะกลายเป็นครูโง่(จริงๆ)
ในยุคนี้ ฮา ... ***
ตลกแรง..... ร้าย...... หุๆๆๆๆๆๆๆ
***... การเล่าเรื่อง(จริง)
ให้เป็นเรื่องตลก ...ช่วยให้อุณหภูมิรอบกาย...ผ่อนคลายเย็นลง..คลายเครียดได้เยอะนะคะ
ขอขอบคุณ " พี่ติ๋ม...
อาจารย์ฉวีวรรณ
" มากนะคะ...ที่กรุณาแวะมาเยียมชม...***