ทุ่งอีสาน... บ่ไร้เสรี
ลมร้อนพลิ้วพัดกรูระอุผ่าว
กลบดินหนาวพล่าผิวเนื้อลำเค็ญเข็ญ
ทุ่งแล้งร้างลมทิ้งร่างหอบฟางกระเซ็น
เลือดอีสานซ่านกระเด็นกระดอนไกล
เคยแลทุ่ง แลทาม เห็นน้ำท่า
แลผืนป่ามีหญ้าปกเนินไศล
แลผืนฟ้ามีม่านหมอกคลี่หยอกไพร
แต่แลไปทุ่งวันนี้ช่างเปล่าดาย...
อ้างว้าง...เหว่ว้า...โดดเดี่ยว
ไร้รอยเคี่ยวรอยเข่น...มิเห็นจุดหมาย
ทุ่งเปล่าแปนจากเหงื่องานเป็นผืนทราย
บ่าวก็หายสาวก็ห่าง...จางนาดอน
ดอกจานแสดวาดฟ้าฝ่าลายเมฆ
ดุจสวรรค์สรรเสกอนุสรณ์
คิมหันต์เยือนเหมันต์เคลื่อนคนแรมรอน
สู่นครต่างตักแม่และทุ่งทอง
เหลือเพียงกำมือกร้านของผู้เฒ่า
เขียนเรื่องราวเก่า ๆ ...บนทุ่งหมอง
อยากเห็นมือหนุ่มสาวเข้าประคอง
สืบรอยร่องบรรพกาลอีสาน...มิวาย
มิอยากเห็นดอกจานหล่นบนพื้นแล้ง
ความเหือดแห้งของน้ำจิตมิตรสหาย
เกลื่อนเหมือนซากจานซมจมผืนทราย
เป็นน้ำตาเปื้อนรอยลายระแหงดิน
กลับเถิดลูก !!! ...อีสาน...ยังชุ่มฉ่ำ
ฟื้นความจำสู้ความจนพ้นหนี้สิน
ปกดินเปลี่ยวให้เขียวงามด้วยเหงื่อริน
“ทรัพย์ในดินสินในน้ำ ” บ้านเรามี
แย้มรอยยิ้มให้ปริ่มแก้มแต้มวิกฤต
แย้มชีวิตผ่านทุรยุคใจหลากสี
แผ่นดินทองนองด้วยธรรมแห่งความดี
มิตรไมตรีเลือดสีเดียวเคี่ยวสัมพันธ์
ทิ้งนาครสู่นาดอนเถิดน้องพี่
สู่สายลมเสรีไอหมอกฝัน
ซุกร่างซบหลบมุมหลับรับตะวัน
คืนอีสานสังสรรค์... “ วันเสรีชน ”
( กลับอีสานสู่ทุ่งฝันอันเสรี.... )
อีสานพื้นดินแห้ง
แต่ไม่แล้งน้ำใจฉ่ำ
ตำนานได้จดจำ
ลำนำเพลงทุ่งกุลา
ดอกจานบานแต่งแต้ม
แสดสดแซมแต้มก่ิงฟ้า
คืนเถิดถิ่นทุ่งนา
หอยปูปลาร้องเพลงรอ
เสรี ที่ อิสาน สุดขานไข
เป็นแบบใด ไร้พันธนาการ สมานฉันท์
เสรี ที่ คิดเองเป็น ไม่เน้นนิยม
ยังมีหวัง ยังรอบ่ม สมศักดิ์ศรี
ครูอ้อย ก็จะกลับ กระโทก ค่ะ