ชีวิตมันน่าขำ เพราะมันสนุก


เด็กน้อยผู้ไร้ข้อจำกัดใดๆ

...ผมได้เดินทางกลับบ้าน น่าจะเป็นการได้ใช้ชีวิตที่นานที่สุดในการอยู่ที่บ้าน ครั้งนี้ผมได้อยู่กับ "โตเกียว" หลานชาย อายุจะ 4 ขวบละ กำลังอ้วน ความซนไม่ต้องบรรยายสุดๆอยู่แล้ว แต่ผมสัมผัสได้ว่าผมจะได้บทเรียนบางอย่างกับเขาแน่ๆ และกลับมาเขียนให้ผู้อ่านได้อ่านอีกครั้ง หลังจากเอาไอแพดดดดไปเปลี่ยนเครื่องมา

     โตเกียวเป็นเด็กอ้วนที่ตอนแรกเกิดดูไม่น่าจะสมบูรณ์ได้ เพราะตอนเกิดเขาทั้งตัวเล็กตัวเหลือง น่าเป็นห่วงมากเลยในตอนนั้น แต่ตอนนี้ไม่ต้องพูดถึง ไม่อยู่กับที่ เล่นไป พูดไป เขาเป็นเด็กฉลาดมาก รู้ไปหมด อ่านภาษาอังกฤษตั้งแต่ไม่เข้าเรียนอนุบาล ร้องเพลงดูภาพเข้าใจ ทำเอาตายายปลื้มกันไปเลย ผมใช้ชีวิตอยู่กับเขา น่าจะมากที่สุดเลยในสุดสัปดาห์นี้ ผมก็สังเกตและเห็นว่า เด็กเนี่ย...เขา คิดอย่างไรก็พูด พอใจ ไม่พอใจ หิว หรืออย่างไร ที่เหลืออาจจะมีลูกเล่นบ้างพอประมาณ มีช่วงหนึ่ง ที่ผมนอนอยู่ที่เปล่ผ้าด้านล่างใต้ถุนบ้าน กำลังจะสงบลงชั่วขณะนั้น เวลาที่ผมได้ยินเสียงเดินไวๆเข้ามาใกล้ ผมจะตกใจตื่นทันที และผวาเป็นพักๆ เพราะเคยมีประสบการณ์ว่า ตอนผมนอนอยู่นั้น เด็กมันไม่รู้คิดยังไงมันจะกระโดดเข้าหาเต็มกำลัง ขณะที่ผมนอน คิดดู หากเป็นตอนผู้ใหญ่คงจะกระโดดวาดลวดด้วยแม่ไม้มวยไทยสักหนึ่งบทละ แต่นี้เป็นเด็ก...อ่ะ...นะ....! ภาพเก่าๆมันก็ย้อนมาตอนที่ผมนอนอยู่ ณ ปัจจุบันนะครับ มันทำผมนี้จิตตกเลยทีเดียวเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าเล็กเดินใกล้เขามา แต่ทั้งหมดนี้ผมไม่เข้าใจว่าเด็กเขาคิดอย่างไรในตอนนั้น ต้องการพูด ทำ เพื่ออะไร สนุกจริงไหม แกล้งทำอะไรไหม แต่ที่ผมสัมผัสได้เลยก็คือ ความสนุก ความสุข ความรักที่เขามีกับผมและผมก็มีความรักนั้น

.....หากมนุษย์ก้าวข้ามเหตุผล ใดๆ แล้วมองที่ความรักของคนอีกคน ย่อมเกิดสันติสุข ความสงบ แต่ด้วยเพราะเรามองว่าเขาคือคนที่เติบใหญ่ แล้วเหตุฉะไหนจึงมองว่าเด็กเรารับได้ แต่ผู้ใหญ่มันโตแล้วน่าจะคิดได้....ทำไม ? เมื่อผมมองการแสดงออกหรือการกระทำใดๆของเขา แล้วมองอย่างเข้าใจว่านี้คือลักษณะของเด็ก เบื้องหลังของเขาคือความรัก อิสระในการแสดงออก สื่อถึงทุกสิ่งที่เขาสัมผัสได้ ณ เวลานั้น ทุกอย่างมันก็เหลือเพียงสิ่งที่เกิดขึ้น ณ ตอนนั้นเท่านั้น และผมก็เป็นสุข แต่หากผมมองและตัดสินว่าเป็นการดูถูก ดุ ด่า แกล้งทำประชดเรา ไม่ให้เกียรติเราต่างๆมากมาย ลองจินตนาการดูสิว่า มันคงมีผลกระทบบางอย่างที่ผมจะกระทำกับเด็กน้อยผู้นั้น แล้วเหตุไหนล่ะเราไม่มองแบบนั้นกับเพื่อนมนุษย์ทุกๆคน และให้อภัย เมตตา สั่งสอน ด้วยความรักเฉกเช่นเดียวกับบุตรตรา ตัวน้อยละ ? 

     ผมได้เห็นการเปลี่ยนไปอย่างนิ่งๆ ของผู้คนในขณะที่ผมกำลังนั่งฟังธรรมะที่วัดบ้านใหม่ บ้านเกิดผมเอง เขามีงานพิธีกรรมบางอย่าง ผมก็ได้ไปกับคุณแม่ และในระหว่างที่นั่งฟังไป มองดูรอบๆมีผู้คนที่มีร่างกาย ผิว เนื้อหนังต่างๆไม่ดูคล้ายเริ่มหมดอายุแล้ว และจากที่ผมนั่งเล่นกับโตเกียวกับตอนนี้มันเห็นว่า ผมเคยผ่านมันมา และผมกำลังจะเป็นเหมือนกับผู้คนที่เขาเข้ามาฟังธรรมที่มีอายุมากขึ้นถึงขั้นแก่ชรา จากคนที่ผมคุ้นเคยว่าเขาแข็งแรง เป็นผู้ใหญ่ในหมู่บ้าน แต่วันนี้กับมีสภาพแบบนี้ ? ผมเริ่มเกิดคำถามถึงตอนนั้นของผม จะเป็นเช่นไร ? แล้วตอนนี้ผมได้ทำคุณประโยชน์อย่างเต็มกำลังเต็มความสามารถให้กับชุมชนแลสังคมนี้หรือยัง ? ผมรับรู้ได้เลยว่า มันต้องรีบกระทำอะไรบางอย่างและผมก็สัมผัสได้ว่ามันคือสิ่งที่เติมเต็มผม ชีวิตผม ผมรักชีวิตของผมและการดำเนินไปในทุกสิ่งรอบๆชีวิตของผม วันหนึ่งเมื่อถึงวาระของผม ผมไม่เสียใจเลยในทุกสิ่งที่ผมได้กระทำและมีอยู่ ชีวิตผมจะเป็นที่กล่าวถึงสำหรับชนรุ่นหลัง...

หมายเลขบันทึก: 479350เขียนเมื่อ 20 กุมภาพันธ์ 2012 16:09 น. ()แก้ไขเมื่อ 29 มีนาคม 2012 01:16 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท