ในตอนที่ ๒ บอกไว้สำหรับกรณีที่คนหางานไม่สามารถหางานทำได้ นั้นคือการเลือกงาน ที่นี้เราก็ต้องมาทบทวนกันต่อไป...เราลองทบทวนดูซิครับว่า
" เราดูถูกงานหรือไม่" ในสมองเราคิดว่าเราจะต้องทำงานที่มีศักดิ์ศรี เป็นพนักงานขายก็ไม่ได้ เป็นเซลส์แมนไม่ได้ต่ำเกินไป เป็นโอปะเรเตอร์งานก็ช่างกระจอก เป็นเสมียนไม่ได้ไม่อยากรับใช้ใคร เป็นแค๊สเชียร์ไม่ดีต้องรับผิดชอบเงิน แล้วมันอะไรกันตั้งมากมายล่ะในชีวิตเรา
แต่หากเราไม่ดูถูกงาน...งานอะไรก้ได้ที่สุจริตแล้วมีเกียรติมีศักดิ์ศรีทั้งนั้น ขอให้เรามีงานทำไม่ดีกว่าหรือ เพราะหากเราคิดดูถูกงานก็เปรียบเสมือนทำร้ายตัวเอง ชีวิตคนเราก็ไร้ความหมายแล้วคุณจะมีศักดิ์ศรีได้อย่างไร
"เบื่องาน" ก็เป็นอีกประเด็นหนึ่งที่ทำให้เราต้องตกงาน ลองคิดดูซิครับว่างานสมัยนี้กว่าจะหางานทำได้แสนลำบาก ไม่กี่วันก็เบื่อเสียแล้ว โดยตลอดเวลาที่ทำงานคิดเสมอว่า ไปโน้นก็เซ็งไม่มีอะไรสนุกถูกใจสักอย่าง หัวหน้าไม่ได้เรื่อง เพื่อนร่วมงานก็ไม่เข้าท่า อยู่ตรงโน้น ๓ เดือนออก ตรงนี้ ๔ เดือนออก บ่นอยู่คำเดียว เซ็งๆ ๆ ๆ
แต่หากเราไม่เบื่องาน งานอะไรก็ได้เราทุ่มเทเต็มที่ เงินเดือนมากน้อยค่อยว่ากันที่หลัง ขอเพียงมีความอดทนความสำเร็จก็จะเข้ามาที่เรา (แต่ปัจจุบันปัญหาของเด็กคือการขาดความอดทน)
" ไม่อยากทำงาน" มีมากครับปัจจุบัน เพราะเด็กสมัยนี้คิดว่าการเรียนหนังสือคืออาชีพ รับจ้างเรียนพ่อแม่คือนายจ้าง มีเงินฝากธนาคารพ่อแม่เปิดให้ กินแต่ดอกเบี้ย มีรถขับ กลางวันนอน กลางคืนแข่งรถซิ่ง ไม่รู้จะออกไปทำงานหาพระแสงอะไรเพราะสบายอยู่แล้ว บางคนไม่มีฐานะอะไรแต่อาศัยไถเพื่อนกินมาตลอด ตั้งแต่สมัยเรียนเลยเกิดอาการเคยตัว งานก็เลยไม่ยอมทำ แวะไปหาคนโน้นทีคนนี้ที
หากเราเปลี่ยนความคิด "อยากทำงาน ไม่เกียรติคร้าน" รับรองมีงานทำทุกคนครับ
ไม่มีความเห็น