เมื่อคุณต้องการลงทุน คุณต้องรู้และเข้าใจผลิตภัณฑ์ในตลาดทุนให้ชัดเจนเห็นแจ้ง จะได้ไม่ถูกชักจูงให้หลงเชื่อเอาง่ายๆ เป็นที่แน่นอนว่า ถ้าคุณไม่พึงใจหรือไม่รู้เรื่องผลิตภัณฑ์ชนิดไหน คุณก็จะไม่ซื้อหรือให้ความสนใจ แต่หากคุณรู้ว่าผลิตภัณฑ์แต่ละอย่างมีคุณสมบัติอย่างไร เหมาะสมกับคุณหรือไม่ การตกลงปลงใจเป็น “ทองแผ่นเดียวกัน” ก็จะง่ายขึ้นทันที ไม่มีคิดมากให้ลำบากใจกาย
ภายในตลาดทุนนั้น ยังมีแบ่งย่อยออกเป็นสองตลาดด้วยกัน คือ
หากคุณต้องการรถยนต์ใหม่ป้ายแดงสัก 1 คัน คุณต้องเดินทางไปชมและสัมผัสความใหม่สด รถดี ยังศูนย์บริการของรถยี่ห้อนั้นๆ มองดูรุ่นที่คุณชอบใจ จากนั้นจึงตกลงใจถอยมาอวดชาวบ้านให้อิจฉาตาร้อนผ่าว แม้ว่าราคารถอาจจะสูง แต่คุณพึงพอใจ ก็ยินดีจ่าย พูดให้ง่ายขึ้น คือ การซื้อจากแหล่งผลิตโดยตรง
ความหมายของตลาดหลัก คือ บริษัทนั้นๆ ต้องการระดมทุนเพื่อขยายกิจการหรือพัฒนาระบบของบริษัท จึงประกาศหาทุนโดยให้ประชาชนทั่วไป ติดต่อซื้อหลักทรัพย์จากบริษัทผู้ออกตราสารนั้นๆ เป็นบุคคลแรก โดยไม่ต้องผ่านสถาบันการเงิน หรือกองทุนใดๆ ประมาณว่า “คุณคือคนแรกเรารอคอย”
หากคุณต้องการรถยนต์สัก 1 คัน แบบพอใช้ได้ ราคาต่ำลงมาอีกหน่อย คุณจึงเลือกเดินเข้า ตลาดรถมือสอง เลือกรถที่ผ่านการใช้งานมาพอสมควรได้หลากหลายยี่ห้อ มักรู้จักกันในนาม “รถเต็นท์” ซึ่งอาจจะมีการปั่นราคา กดราคา หรือ ย้อมแมว (น่าจะย้อมรถมากกว่า) โดยมีผู้เชี่ยวชาญ (จริงๆนะ!) คอยแนะนำและชี้ชวนให้ตรงสเป๊กของคุณ ในที่สุดคุณก็ได้รถยนต์มือรถป้ายดำมาขับอย่างสบายใจ
ความหมายของตลาดรอง คือ ตลาดที่ทำการซื้อขายหลักทรัพย์ที่มาจากตลาดแรก โดยมีคนกลาง สถาบันทางการเงิน คอยให้ความสะดวกในการเปลี่ยนมือหลักทรัพย์ของบริษัทนั้นๆ จากมือหนึ่งสู่มือสอง และตลาดรองจะเป็นแหล่งที่นักลงทุนส่วนใหญ่จะมาชุมนุมพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย
ตลาดหลัก มักจะได้รับความนิยมในเวลาเปิดระดมทุน เพราะจะมีนักเก็งกำไรมาลงหุ้นเป็นจำนวนมาก และพร้อมที่จะนำมาปล่อยในตลาดรองเพื่อทำกำไร ส่วนตลาดรอง ไม่ต้องกังวลใดๆ เพียงแค่คุณสนใจลงทุนในบริษัทไหน ก็ติดต่อกับนายหน้า (Broker) ได้เลย อัตราการลงทุนจะมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับเงินในกระเป๋าของคุณ แล้วรอลุ้นปันผลของบริษัทที่คุณร่วมลงทุน
อ้างอิง
ไม่มีความเห็น