กองทุน ETF จะมีองค์ประกอบที่สำคัญคือ
คือ ราคาซื้อ (Bid) และราคาขาย (Offer) ที่ปรากฏบนกระดานซื้อขายของ ETF จะถูกกำหนดโดยความต้องการซื้อและความต้องการขายของผู้ลงทุนในกองทุน ETF
คือ มูลค่าสินทรัพย์สุทธิของกองทุนต่อหน่วย คำนวณจากราคาซื้อและขายของหุ้นสามัญ ที่รวมเป็นองค์ประกอบใน SET50 Index ณ สิ้นวันทำการ
บริษัทที่เป็นผู้จัดการกองทุน Equity ETF จะคำนวณและรายงานมูลค่าทรัพย์สินสุทธิโดยประมาณ ตลอดเวลาทำการซื้อขาย ซึ่งมูลค่าทรัพย์สินสุทธิโดยประมาณ เรียกว่า Indicative NAV (INAV)
ตลาดหลักทรัพย์ต่างประเทศ กองทุน ETF ได้รับความนิยมจากนักลงทุนสูง เนื่องจากมีสภาพคล่อง เป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ และการอ้างอิงดัชนีราคาหุ้นเสมือนการลงทุน ในหุ้นที่เป็นองค์ประกอบของการคำนวณดัชนีทั้งหมด ทำให้ช่วยกระจายความเสี่ยงในการลงทุน เปรียบว่า คุณซื้อ TDEX 1 หน่วย เหมือนได้ซื้อหุ้น 50 ตัวพร้อมกัน!!
ผลตอบแทนของ ETF
การลงทุนในกองทุน ETF คุณจะได้รับผลตอบแทนสองรูปแบบคือ
จะเกิดขึ้นเมื่อคุณซื้อหน่วย ETF ในราคาต่ำ และเมื่อเวลาที่คุณต้องการที่จะขาย ก็สามารถขายหน่วยลงทุนนั้นได้ในราคาที่สูงกว่าตอนที่คุณได้ซื้อมาจะทำให้คุณได้รับกำไรจากส่วนต่างของราคา
เมื่อคุณในกองทุน ETF จะได้รับเงินปันผลจากการถือหน่วยลงทุนของ ETF ซึ่งเงินปันผลของ ETF นั้น มาจากเงินปันผลของการลงทุนในหุ้นสามัญของบริษัทที่เป็นองค์ประกอบ ของ SET50 Index โดยผู้จัดการกองทุนจะจัดสรรเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุน หลังจากหักค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายต่างๆ ของกองทุนแล้ว
การลงทุนใน ETF เสี่ยงไหม?
ความเสี่ยงจากการลงทุนใน ETF เมื่อคุณลงทุนใน ETF จะมีความเสี่ยงจากปัจจัยลบ เช่น ถ้ามีข่าวสารเกี่ยวกับตัวเลขสำคัญทางเศรษฐกิจออกมาไม่ดีนัก ดัชนี SET50 อาจมีการปรับตัวลดลง ทำให้เกิดการส่งผลกระทบต่อราคา SET50 ทำให้กองทุน ETF ที่คุณถือไว้อาจมีราคาลดลงจนคุณอาจจะขายหน่วย ETF ได้ในราคาที่ต่ำกว่าซื้อมาตอนแรก
นอกจากนี้ คุณยังต้องเผชิญกับความเสี่ยงที่เรียกว่า Tracking Error Risk ซึ่งเป็นความเสี่ยงที่ผลตอบแทนของหน่วย ETF ไม่เท่ากับอัตราผลตอบแทนของดัชนีได้ 100% อีกด้วย
อ้างอิง
ไม่มีความเห็น