ความรักในวัยเรียน (ปัจฉิม)


"รักๆหรือเรียนๆ เอาเป็นเพียรเรียนดีไหม ควรคิดไปตามวัย มิใช่สมัยนิยม"

"รักไม่ยุ่ง มุ่งแต่เรียน" เป็นคำกล่าวที่ได้ยินอย่างติดหู แต่เท่าที่สังเกตชีวิตวัยรุ่นจากมุมมองของวัยรุ่นเองนั้น มีข้อสังเกตดังนี้

1. ช่วงชีวิตในประถม อาจจะพบรักกับผู้หญิงซักคน แต่ไม่ใช่อะไรที่ลึกซึ้ง น่าจะเป็นความรักในรูปแบบ "เพื่อน" ที่เพียงแค่มากกว่าเพื่อนคนอื่นเท่านั้น ไม่ได้ต้องการการดูแลเอาใจใส่ รวมถึงไม่ได้ดูแลเอาใจใส่ผู้หญิงคนนั้นด้วย เพียงแค่ปลื้มอย่างห่างๆ จึงไม่มีปัญหาต่อสิ่งต่างๆ สำหรับรักในวัยนี้ นับว่าดูเป็น... "รักที่บริสุทธิ์ แต่ขาดองค์ประกอบของความรัก"

2. ช่วงชีวิตในมัธยมต้น จะต่างจากตอนประถมตรงที่จะเริ่มมีการทำให้ผู้หญิงคนนั้นสนใจด้วยวิธีต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการเรียนที่โดดเด่น หรือกีฬาที่จะทำให้เหนือกว่าผู้อื่น แต่การแสดงออกในวัยนี้ยังน้อยอยู่มาก(ในอดีตที่ผมเป็น) แต่แตกต่างจากปัจจุบันที่เห็น (2555) ที่จะเป็นว่ามีการแสดงออกกันมากขึ้น โดยความคิดของผมคิดว่า เกิดจากสื่อต่างๆที่มีมากขึ้น และสะดวกในการสื่อสารกัน 

3.ช่วงชีวิตมัธยมปลาย *** น่าจะเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญ ธรรมชาติของมนุษย์ของร่างกาย มีทั้งความรักและความใคร่ผสมปนเปกันจนหน้าตกใจ ปฏิเสธไม่ได้ที่จะต้องควบคุมสองอย่างนี้ให้ได้ รวมถึงผู้ปกครองอาจจะคิดว่านักเรียนโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว แต่ที่จริงแล้วเท่าที่สังเกต คือ "ยังไม่เป็นผู้ใหญ่มากพอ" ชีวิตนักเรียนมัธยมปลายอาจจะต้องจากบ้านมาสู่เมืองเพื่อเรียนหนังสือ มีการใช้ชีวิตอยู่ในหอพัก ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นปัจจัยเสริมที่จะออกนอกลู่นอกทางทางฝั่งใคร่มาก และจะรู้สึกว่าความใคร่ เป็นสิ่งแปลกใหม่เข้ามาในชีวิต หลงในรูป หลงในเสียง หลงในอารมณ์ ไม่ว่าจะเป็น เพียงแค่... แตะเนื้อต้องตัว จับมือถือแขน หอมแก้ม หรืออาจจะมากไปถึง จูบ หรือ เกือบจะเป็นเพศสัมพันธ์ แต่ไม่ใช่ หรือเลวร้ายที่สุดอาจเกินเลยจนเป็นเพศสัมพันธ์ สิ่งที่ตามมานะหรอ ทั้งเรื่องเรียน เรื่องลูก เรื่องครอบครัว นับว่าเป็นช่วงชีวิตที่ผู้ปกครองควรดูแลบุตรหลานให้ดี อย่าคิดว่าเป็นผู้ใหญ่พอแล้ว เพราะ... "ยังไม่เป็นผู้ใหญ่มากพอ"

4.ช่วงชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัย นับว่าเป็นช่วงที่ทุกอย่างหลุดออกจากกรอบ ประหนึ่งว่านักศึกษาจะคิดว่า... "ตนเองโตแล้ว" ซึ่งมีทั้งคนที่แท้และเทียม รวมถึงปัจจุบัน(2555) การมีแฟนกันนั้นเป็นเรื่องปกติแล้วในยุคนี้ รวมถึงผู้คนจำนวนมากแทบจะมีแฟนกันหมด นับว่าเป็นหน้าที่ของผู้หญิงที่ควรจะเลือกผู้ชายที่เข้ามาให้ดี เพราะถ้าพลาดแล้วอาจจะพลาดไปทั้งชีวิตได้ อีกประเด็นนึงเกือบลืมไปคือ... การมีแฟนไม่ใช่แฟชั่น จะมีความรู้สึกที่ว่า...เราไม่มีแฟน แสดงว่าเราไม่น่าหลงไหลพอ ซึ่งเกิดทั้งผู้ชายและผู้หญิง

สำหรับข้อดีและข้อเสียที่ผู้เขียนพอจะนึกออกมีดังนี้

ข้อดี 

1. มีกำลังใจในการทำสิ่งต่างๆมากยิ่งขึ้น

2. มีความสุข ซึ่งมีทัั้งความสุขชั่วคราวและถาวร แต่มักจะเป็นชั่วคราว

3. มีเพื่อนคู่คิดอีกคน เพราะช่วงชีวิตวัยรุ่นนั้น ปัญหาบางอย่างไม่พร้อมที่จะปรึกษาครอบครัว นับว่าก็มีคนที่สามารถพูดคุยได้มากกว่าเพื่อนอีกคนนึง แต่ก็ต้องเจอคู่ที่ดีก่อน

4. ทำให้โตเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมากอีกระดับ 

ข้อเสีย

1. ปัญหาต่อการเรียน เพราะจะทำให้ขาดสมาธิในการเรียน มีการทะเลาะเบาะแว้ง การงอนง้อกันบ่อย ทำให้เวลาที่ทุ่มเทกับการเรียนลดลง รวมถึงสมาธิในการเรียนไม่ดีด้วย แต่อาจจะเข้าห้องสมุดบ่อยขึ้น ถ้าได้คู่รักที่ดี

2. ปัญหาต่อครอบครัวทั้งที่เป็นทางตรงและทางอ้อม(ซึ่งอาจมองไม่เห็น แต่เกิดขึ้นจริง) ทางตรง เช่น ทางบ้านอาจไม่สนับสนุนกับการมีแฟนในวัยเรียน ทำให้ทะเลาะเบาะแว้งกัน ปัญหาเรื่องของการมีลูกในวัยเรียน หรือปัญหาจากการเรียนที่ตกต่ำทำให้พ่อแม่เสียใจ เป็นต้น ทางอ้อม เช่น เวลาใช้ชีวิตกับครอบครัวได้ลดลง เพราะใช้ชีวิตกับแฟนมากขึ้น และ "บางคู่"ทำให้การดูแลแฟนมากกว่าการดูแลพ่อแม่ ซึ่งพ่อแม่คงจะเสียใจไม่น้อย มีการใช้เงินทองไปกับแฟนบ้าง ซึ่งล้วนแต่เป็นเงินที่มาจากหยาดเหงื่อของพ่อแม่ เช่น บางทีเลี้ยงแฟน แต่ไม่เคยเลี้ยงพ่อแม่ แม้ว่าจะเป็นเงินของท่านเองก็ตาม

3. ปัญหาต่อเพื่อน เท่าที่สังเกตนั้น สองปัจจัยนี้เป็นปัจจัยที่อยู่ร่วมกันได้ยากมาก เช่น... การที่เราจะไปกินข้าวกับเพื่อน หรือเลือกไปกินข้าวกับแฟน อีกฝ่ายล้วนมีความรู้สึกที่แปลกๆต่อเราอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็น ทิ้งเพื่อนไปกับแฟน หรือ สนใจเพื่อนมากกว่าเรา รวมถึงตัวเองอาจจะคิดว่า..เดี่ยวเพื่อนจะงอน เดี่ยงแฟนจะงอน ล้วนแต่เกิดปัญหาทั้งสิ้น รวมถึงเพื่อนอาจจะไม่ชวนเราไปไหน เพราะคิดว่าเราจะไปกับแฟน..แต่แท้จริงแล้วเราอาจไปคนเดียว

 สถิติที่น่ากลัวคือ... ช่วงอายุ  16-25 ปี เคยมีเพศสัมพันธ์กับบุคคลที่ไม่ใช่สามีหรือภรรยา โดยไม่สวมถุงยางอนามัยถึงร้อยละ 36.2  มีทัศนคติว่าการมีเพศสัมพันธ์กับเพื่อนหรือแฟนจะปลอดภัยจากโรค ร้อยละ 13.7  เยาวชนผู้ตอบแบบสอบถามถึงร้อยละ  39.3 เห็นว่าเมื่อมีความรักแล้วสามารถมีเพศสัมพันธ์ได้โดยไม่ต้องแต่งงาน และที่น่ากังวลคือมีเยาวชนมากถึงร้อยละ  72.4  มีความคิดเห็นว่า การมีเพศสัมพันธ์โดยใช้ถุงยางอนามัย กับ การไม่ใช้ถุงยางอนามัย ให้ความรู้สึกทางเพศที่แตกต่างกันเพราะรู้สึกว่าไม่เป็นธรรมชาติ  Ref... สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 9 พิษณุโลก กรมควบคุมโรค

หมายเลขบันทึก: 478298เขียนเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 08:08 น. ()แก้ไขเมื่อ 23 มิถุนายน 2012 13:12 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

เพิ่มความเข้าใจวัยรุ่นมากขึ้น  และชอบ....ข้อมูลสนับสนุน

๕๕๕....เลยวัยมานานแล้ว

อยากเป็นคนนึงที่สะท้อนคววามคิดของวัยรุ่นดูครับ

ขอบคุณมากนะครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท