ในการเรียนการสอนนั้น นักเรียนแต่ละคนมีความสามารถในการเรียนรู้ที่แตกต่างกัน เพราะแต่ละคนมาจากต่างครอบครัว ผ่านการเลี้ยงดูที่ไม่เหมือนกัน อีกทั้งประสบการณ์เรียนรู้จากสิ่งแวดล้อมที่แตกต่างกัน ทำให้แต่ละคนมีความสามารถในการรับรู้ทีต่างกัน บางคนเรียนบ้างไม่เรียนบ้าง แต่สามารถสอบผ่าน ในขณะที่บางคนเข้าเรียนทุกชั่วโมงแต่สอบไม่ผ่าน ดิฉันในฐานะที่เป็นครูคนหนึ่งและได้ทำการสอนในสถานที่ที่แตกต่างกันทั้งที่ทุรกันดารและในเมือง ดิฉันคิดว่าที่เป็นเช่นนั้นเป็นเพราะ เหตุและผลบนความแตกต่าง
ครับเป็นเรื่องจริงที่ว่าคนทุกคนมีความแตกต่างกัน เป็นเหตุเป็นผลมาจากสภาพสังคม อารมณ์และจิตใจของคนแต่ละคนที่ถูกเลียงดูมาครับ เมื่อเข้าใจดังนี้แล้วเคยตั้งคำถามไหมครับว่า "เราจะทำยังไงที่จะดึงจุดแตกต่างที่เป็นส่วนดีของเด็กคนนั้นออกมาได้อย่างไร?" ผมคิดว่าเป็นปัญหาหลักเลยที่ครูกับเด็กไม่ได้เปิดใจเข้าหากันมากพอเด็กทุกคนมีปัญหาครับแต่เขาจะไม่บอกความจริงให้ครูหรือผู้ปกครองรู้สักเท่าไหร่หรอกครับเพราะว่าเขากลัวว่าเรื่องที่เขารู้หรือที่เขาทำมันเป็นความผิดในสายตาผู้ใหญ่นั่นเองครับดังนั้นเด็กจึงหันหน้าไปหาเพื่อนๆ ซึ่งทางออกที่พวกเขาแก้ไขกันเองนั้นอาจจะถูกหรือผิดนั้นค่อนค่างมีความเสี่ยงสูงมากที่จะเป็นไปในทางที่ผิดมากเลยครับ ที่ผมเขียนมานี้ผมไม่ได้ตั้งใจจะพูดว่าสิ่งที่ครูทำอยู่มันไม่ดีนะครับแต่อยากจะเสนอให้เห็นว่าปัญหามันเป็นแบบนั้นครับ
หวังว่าคงจะมีความคิดเห็นเพิ่มเติมนะครับขอบคุณครับ
ครับนี้ป็น Fact อีกอย่างหนึ่งของมนุษย์เรา ทั้งๆคนเราเกิดมาเหมือนกันทุกอย่าง แต่ว่ามันอยู่ที่การขัดเกลาทางสังคมมากกว่าครับ นี้เป็นตัวที่จะคอยกำหนด Direction ของบุคคลคนนั้น แต่ว่าการ Socialize ก็ทำให้คนเราม่ความคิดที่แตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะจากบุคคลที่ใกล้ตัว หรือ สภาพสังคมโดยรวม ล้วนแล้วแต่ต่างมีผลต่อเด็กทั้งนั้น
สวัสดีปีใหม่ครับอาจารย์ จำลูกศิษย์ได้ป่าวคับ
ส่าแมครับ