ต้องทำลายกำแพงแห่งความทุกข์


วิเคราะห์สภาพปัญหาที่เกิดขึ้น จนรุมเร้าจิตใจของครูอ้อย ตลอดเวลานั้น คงไม่พ้นจากเรื่องราวและบริบทรอบข้างตัวครูอ้อยเอง  ที่มีปัญหามากระทบกระทั่งจิตใจ ตลอดเวลา  นานพอสมควร  เริ่มจากสมาชิกในครอบครัวของตัวเองมาเปลี่ยนแปลงไป  ตลอดจนญาติผู้ใหญ่  คาดหวังในตัวครูอ้อย มากจนเกินไป  และครูอ้อยเองไม่สามารถจะตอบสนองความคาดหวังของญาติและสมาชิกในครอบครัวได้  จึงเกิดความกดดันภายใน และออกมาโดยแสดงออกด้วยการเฉยนิ่ง  และไม่ปกติสุขเช่นเดิม  เพราะเดิม  ครูอ้อย จะไม่เคยเก็บอะไรเลย  มีความสุขก็จะเล่า  มีความทุกข์ก็จะบอก  จนคนอ่านบอกว่า....ยายคนนี้มีอะไรในชีวิตมากมาย  ครูอ้อยมีสิ่งที่ดีมีประโยชน์มากมายจริงๆ  แต่มีกำแพงหนึ่งมาปิดกั้นไว้ เรื่องราวเหล่านั้นจึงไม่ได้ออกมาเล่า มาบอกกันมานาน  นั่นคือ  กำแพงแห่งความทุกข์  ครูอ้อยสารภาพว่า  ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว  หลังจากที่ผิดหวังกับผู้คน  มารอบด้าน  เสมือนกับทิศทั้ง 6 ก็ว่าได้  เหมือนวงจรแห่งความคาดหวัง  ที่ครูอ้อยก็ไม่สามารถสนองความต้องการของเขาเหล่านั้นได้  และเขาเหล่านั้นก็ไม่ได้อะไรมากมายจากครูอ้อย  ด้วยมีกำแพงกั้นกลางระหว่างเรา  ความเหินห่างจากการอยู่นิ่งของครูอ้อยมานาน  จากการห่างเหิน  เมินเฉย  จึงไม่มีอะไรมาปรากฏให้เห็นว่า.....เหมือนเดิม  บันทึกที่เคยเขียน  ก็ห่างออกไป  มากมายจนเต็มล้นหัวใจ  ความรักที่จะแสดงออกมาด้วยการเล่ามันมากมาย  ที่ไม่ได้เรียบเรียงเขียนออกมา  มันมากมายใหญ่โตจนเป็นกำแพงแห่งความทุกข์  เพราะไม่ได้ทำในสิ่งที่ชอบทำ  ด้วยต้องมาเอาใจ คนรอบข้าง  จนไม่ได้ทำงานของตนเอง  ทั้งที่บ้าน ที่ทำงาน  มากมายสุมรุม  ทำงานไม่ทัน  ทั้งหมดนี้คือ  สภาพปัญหา  จึงต้องหันมาออกแบบการขจัดปัดเป่าปัญหา.......ทำลายกำแพงแห่งความทุกข์  มองหาตัวแปร  นั่นคือ  ความสนิทสนม  เมื่อครูอ้อย  ห่างเหิน  เครื่องมือสำคัญที่จะทำให้กำแพงแห่งความทุกข์นั้น  ทลายไปนั่นคือ  ความสนิทสนม  ครูอ้อยต้องเรียกกลับคืนมาให้ได้  กลับมาเริ่มต้นใหม่  ทำความรู้จัก  สนิทสนม  และสร้างกำแพงแห่งความสุข สนุกสนาน ขึ้นมาใหม่  หวังว่า.....คนรอบข้างคงจะให้ความร่วมมือ

คำสำคัญ (Tags): #ครูอ้อย แซ่เฮ
หมายเลขบันทึก: 477611เขียนเมื่อ 5 กุมภาพันธ์ 2012 03:47 น. ()แก้ไขเมื่อ 16 ตุลาคม 2012 00:34 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (12)

ครูอ้อยรู้ตัวว่า  ไม่ได้ยิ้ม กับกระจกมานาน  เมื่อคราวที่ หวีผม ทาแป้ง แต่งหน้า วันละครั้ง ในตอนเช้า  กลับมาส่องกระจก หลายๆครั้งในแต่ละวัน  หากระจกบานใหญ่มาไว้ข้างๆ  ส่องดูตัวเอง  ดูแลตนเองเสียบ้าง  ตระหนักและตระหนกตัวเองบ้าง  กาอนที่เวลาแบบนี้  อย่างนี้จะหมดสิ้นไป

หลายคนบอกกับครูอ้อยว่า เป็นเพราะครูอ้อยไม่ได้จัดการกับตัวเอง  การบริหารจัดการไม่ดี  ครูอ้อยก็ขอยอมรับในข้อนี้  แต่ไม่ได้หมายความว่า ในสิ่งที่ครูอ้อยได้ทำไปนั้น เป็นสิ่งที่ไม่ดี และไปเบียดเบียนผู้อื่น

น้องๆทุกคน  คงเข้าใจพี่คนนี้  ที่ไม่เคยได้ขอร้องหรือขออะไรจากน้องเลย  จวบจนชีวิตจะหาไม่  คนเราต้องมีวันพอ มีวันจบ  เมื่อมีแล้วมากมายก็ต้องรู้จักแบ่งปัน  แม้แต่เวลาก็แบ่งปันกันบ้าง  จะต้องผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาดูแล บุพการี

ขัดใจ  ไม่ตามใจ ไม่ได้หมายความว่า ลูกไม่ดี เพียงแต่  มองไปไกล  ไม่ให้สิ่งที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นบ่อยๆ

ขอมาเป็นกำลังใจ http://www.youtube.com/watch?v=NYvRbrnU_k4

อะไรจะเกิด มันก็ต้องเกิด ผลย่อมมาจากเหตุ เมื่อมันผ่านมาแล้วอย่าย่อนหลังไปขุดคุ้ย จงเดินหน้าก้ปัญหาที่ตัวเราดีกว่าแก้คนอื่นเพราะตัวของเรา ใจของเรามันอยู่ใกล้กว่าตัวของคนอื่นใจของคนอื่น สู้นะครูอ้อย คนที่เคยยิ่มรับสถานการณ์ต่างๆได้มามาก

ขอบพระคุณมากค่ะ คุณทศพล

ครูอ้อย ยอมรับว่า ไม่ได้ ยิ้มสู้ มานาน ไม่ได้มองโลกโสภาสถาพร  ไม่ได้ดื่มด่ำความหอมหวานจากน้ำใจของมิตรรัก

มานานแสนนาน

ขอบพระคุณในไมตรีจิต

We, the world are changing -- always changing;

holding on to something -- anything is a cause for dukkha;

nothing -- really nothing, we can claim "ours".

We can remember our good times and bad times.

Some times good and bad get mixed up and we can't tell.

We don't have time to stop and sort things out, new things are rushing in over -- on top -- around.

We can't close our senses and pretend we are 'the three monkeys'...

We can't see other people and not reflect on or compare to ourselves;

We too are lucky in some ways and unlucky in many other ways,

Can we remember and recall more of the good times like in "Appreciative Inquiry" or "paint ourselves happy"?

Smile and the whole world will smile with you... :-)

คุณทศพล  ทำให้ครูอ้อยร้องไห้  ขอบคุณมากค่ะ  สำหรับ ยูทูบ  จะเก็บไว้เปิดดูยามที่ท้อแท้

คุณ sr

แทบไม่น่าเชื่อ ที่ต่อจากนี้ไป ครูอ้อยจะต้องเป็นฝ่ายรับ  ด้วยครูอ้อยเป็นฝ่ายให้มานาน  ไม่เคยได้รับเลย  มาวันนี้  ตั้งท่า รับ ได้อย่างมีความสุข

ขอบคุณจริงๆค่ะ

สุข&ทุกข์  อยู่ที่ใจเราค่ะพี่อ้อย
เป็นกำลังใจให้เสมอค่ะ..

เราจะฝ่าทุกข์และพบสุขด้วยกัน...ต่อไปค่ะ

 

ขอบคุณค่ะ น้องนงเยาว์  อยู่ที่ใจเรา เอาใจเขา เอ็นดูเขา แต่เราเศร้าหมอง  เขาไม่มอง  ไม่เห็น เช่นเราเห็น

ขอบคุณมากจริงๆค่ะ

ทุกข์สุขอยู่ที่ใจ และสมอง ที่จะคิด

ลองหันมาคิดเรื่องอื่นๆกันบ้าง  ที่พัฒนาสมองและปัญญา

เครียดนัก ก็จับมาวาง

ไปหาเรื่องที่ไม่เครียด ทำกันดีกว่า

เป็นกำลังใจให้แล้วสู้ๆต่อครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท