อดีตรักฝังใจทำไงขาด หยิบกระดาษมาวาดกลอนอักษรสาร
ส่งไปถึงน้องนงคาร เมื่อตาหวานส่งสะท้านจนฝันดี
(ไม่แน่ใจว่าถูกหมดไหมจำได้อย่างนี้)
เป็นหนึ่งบทร้องเพลงในสไตล์หมอลำที่เป็นของคณะหมอลำเพชรพิณทองซึ่งผู้ร้องในเพลงนี้ก็คือดาวตลกประจำวงซึ่งวงนี้ก่อตั้งโดยนพดล ดวงพร ซึ่งเราเองก็จะได้ฟังอยู่เรื่อยในลักษณะของบทเพลงหมอลำและลูกทุ่งในสมัยเป็นเด็กที่ใช้ชีวิตร่วมกับผู้ใหญ่ก็ไม่ใช่ใครๆหรอกก็พ่อแม่และลูกน้องพ่อกับแม่ก็ลุงป้าน้าอากันทั้งนั้นละนะ
ซึ่งวงดนตรีอีสานเพชรพิณทองนี้เรามานึกในปัจจุบันนี้เป็นวงดนตรีที่อนุรักษ์วัฒนธรรมอีสานอย่างไม่อายใครไปแสดงที่ไหนก็พูดภาษาอีสาน,การแสดงไม่เน้นโชว์ร่างกายตลกก็ไม่หยาบคายมากมีพิณเป็นเสียงดนตรีเอกลักษณ์วงและก็มีการดูแลกันแบบครอบครัวแต่ว่าก็ต้องแยกวงตามการเวลาเพราะสมาชิกมีแต่อายุมากกันแล้วไปเมื่อประมาณสิบปีทีแล้ว
คนอีสานไปใช้ชีวิตที่ไหนๆเขาก็มักจะว่าไอ้ลาวจนทำไห้บางคนลืมในวิถีชีวิตแห่งตนเองแม้แต่ภาษาก็ไม่กล้าใช้กันแต่ที่บ้านในสมัยเด็กๆก็จะพูดกันแต่ภาษาอีสานทานข้าวก็ข้าวเหนียวบางคนว่าข้าวเหนียวทานแล้วง่วงนอนขี้เกียจคิดได้ไงคนอีสานทานข้าวเหนียวแต่มีพื้นฐานเป็นคนอดทนขยันหนักเอาเบาสู้แต่ก็แปลกลูกหลานทุกวันนี้ถูกสังคมเมืองเกลือนกินไปกับอารยธรรมเมืองจนแถบหาความอดทนใจสู้ยาก ใช้ชีวิตกันแบบพี่ๆน้องทำงานร่วมกันมีหัวหน้าก็คือพ่อกับแม่คอยดูแลทุกอย่างในชีวิตให้เป็นแทบทุกอย่างในการดูแลกันและกันอยู่ในสังคมเมืองที่มีแต่คนเห็นแก่ตัวการแข่งขันก็สูง
ซึ่งเมื่อก่อนในบรรดาญาติมิตรต่างๆจากทางบ้านไปกรุงเทพไม่รู้จะไปทำมาหากินที่ไหนก็จะไปที่พักกันที่บ้านก่อนใครมีลู่ทางก็อยู่แค่ข้างคืนสองคืนก็ไปบางคนยังไม่มีก็ทำงานกับพ่อแม่ไปก่อนพอมีช่องทางไปก็แล้วแต่ไม่ว่ากันส่งเสริมกันไปแต่พอมาเป็นทุกวันนี้วิถีชีวิตแบบที่ว่ามันหายไปเกือบหมดแม้แต่พ่อแม่กับลูกบางครั้งยังแทบไม่ได้เห็นหน้ากันเท่าไรกินข้าวก็ไม่พร้อมกันสมัยเด็กเวลาเช้านั้นอาจไม่พร้อมกันตามวิถีแห่งการใช้ชีวิตแต่ตอนเย็นเป็นเวลาที่ต้องรอกันให้พร้อมแล้วทานข้าวพร้อมกัน
แม้แต่ท่านบทเพลงที่นำมากล่าวเบื้องต้นลองพิจารณาจากคำในท่อนนั้นมันเป็นกลอนชัดๆมีความสละสลวยการลงวรรคตอนได้ฉันทลักษณ์ไม่ว่าจะเป็นเพลงสไตล์ไหนคนแต่งเพลงสมัยก่อนจะเน้นไวยกรณ์กันพอสมควรและก็ความถูกต้องของการใช้ชีวิตแต่ไอ้เพลงทุกวันนี้สิมันอยากแต่งยังงัยมันก็แต่งสอนกันให้ไปแอบรักคนนั้นคนนี้ใช้ความรุนแรงจนบางครั้งดูจะเกินเหตุก็เป็นวัยรุ่นมาก่อนก็เลยรู้ว่าบางครั้งบทเพลงมันก็ส่งไปหาอารมณ์คนฟังยิ่งเด็กเยาวชนยังแยกแยะไม่ออกยิ่งไปกันใหญ่
หากเราเปลี่ยนตามความเจริญนั้นมิใช่สิ่งผิดแต่ในสิ่งที่ดีๆของวัฒนธรรมเก่าที่ดีบางอย่างมันเป็นซึ่งกุศโลบายในการสอนการใช้ชีวิตเหมือนท่อนเพลงข้างต้นแสดงว่ารักนานมากมันยังฝังใจอยู่เลยต้องเขียนจดหมายหา ซึ่งในอดีตกว่าหนุ่มสาวจะได้คุยกันจีบกันนานพอควรจนกว่าจะได้กัน เป็นการได้ทดลองใจกันในความมั่นคงอีกด้วย
อยากให้เราๆมองดูรอบเราว่าสิ่งเก่าๆสิ่งใดที่มันเป็นวัฒนธรรมเก่าๆที่มันพอจะใช้กับชีวิตแล้วมันดีก็ส่งเสริมทั้งตนเองและลูกๆหลานๆให้อย่าลืมในวัฒนธรรมตนเองมันเป็นสิ่งที่ดีและสวยงานทุกกาลเวลา
อดีตผ่านไปเป็นปัจจุบัน แต่ความดีในอดีตมันอยู่ได้จนปัจจุบัน
ไม่มีความเห็น