การนิยมใช้ระบบขนส่งมวลชนของคนไต้หวัน บวกกับอากาศที่ไม่มีมลพิษ ทำให้ผมพบว่าตามสถานีรถไฟฟ้าต่างๆ ป้ายจอดรถประจำทาง หรือตามท้องถนน จึงเต็มไปด้วยผู้คนที่เดินไปมาอย่างมากมาย โดยเฉพาะการเดินภายในสถานีรถไฟฟ้าแต่ละแห่งก็เป็นระยะทางไม่น้อย (คงคล้ายๆเหมือนกับบ้านเรา) ตรงนี้อาจเป็นสาเหตุที่ผมไม่ค่อยพบ "คนอ้วน" ในไทเป แต่ข้อเสียก็มีนะครับ เมื่อคนมารวมอยู่กันมากๆ โอกาสเกิดโรคติดต่อก็ง่าย ไต้หวันจึงมีปัญหาเรื่องนี้พอควรและพยายามรณรงค์ให้ใส่หน้ากากอนามัย (Mask) ยามเจ็บป่วย
หันมาดูในบ้านเราบ้าง เราจะเห็นแทบทุกบันได้เลื่อน ทางเลื่อน ก็จะถูกยืนเต็มไปด้วยกลุ่มคนที่ไปด้วยกัน ถ้ามากันสองคนก็จะยืนคนละข้าง ถ้ามาเป็นกลุ่มก็ไม่ต้องพูดถึง (โดยเฉพาะเด็กวัยรุ่น) หากใครมาขอให้หลีกทางเพื่อจะรีบเดินขึ้น ก็อาจถูกมองว่า "จะรีบไปไหน" (อันนี้แบบสุภาพนะ) เพราะเราชอบใช้ตัวเองเป็นศูนย์กลาง (COW : Center of the World) ในสนามบินสุวรรณภูมิ ตามทางเลื่อนก็มีติดไว้ว่า "กรุณายืนชิดขวา" แต่ก็ไม่ค่อยมีใครปฏิบัติตาม ส่วนใหญ่ก็จะยืนคุยกันเต็มช่องทาง คงคิดว่า "ไหนๆ ก็ไม่ต้องเดินเองแล้ว ก็คุยให้เต็มที่"
เรื่องนี้หลายคนอาจมองเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่อาจสำคัญสำหรับหลายคน บางคนอาจพลาดบางที่สำคัญในชีวิตเรื่องไป เพียงแค่เราไปยืนขวางเอาไว้ และอย่างที่ผมบอกไป เป็นการสอนให้เรารู้จัก "ใส่ใจผู้อื่น" มากขึ้น หากลองทำกันดู (หมายถึงช่วยกันทำนะครับ) เราอาจจะพบว่ามีคนที่รีบและต้องการไปก่อนเรามากมาย ส่วนจะยืนข้างไหนก็ตามควรตกลงให้ตรงกันครับ เพราะหากบางคน "ขวา" บางคน "ซ้าย" ก็คงไม่ต่างไปจากเดิม นักวิชาการส่วนใหญ่ก็แนะนำให้ "ชิดขวา" เพราะคนเราถนัดขวามากกว่าทำให้จับราวบันไดได้แน่นกว่า โดยเฉพาะเด็กและคนชรา แต่จะข้างไหนก็ไม่เป็นไร สำคัญที่จะทำอย่างไรให้ "วัฒนธรรม" แบบนี้เกิดขึ้่นในเมืองไทยเราครับ "วัฒนธรรมที่เห็นแก่ผู้อื่น"
ไม่มีความเห็น