ดิฉันได้ยินจากวิทยุโดยมีผู้รู้มาคุยกันเมื่อช่วงตีห้าห้าสิบของเมื่อสัปดาห์ที่แล้วขณะที่ไป Jocking ที่มสท. ดิฉันมาฉุกคิดว่าน่าจะจริงนะ ความรักเรามีให้คนได้เยอะแยะ แต่ความไว้วางใจเราไม่สามารถให้ใครได้ง่ายๆ เราต้องตัดสินใจจากประสบการณ์ หลักฐานที่เห็นและ competencyที่งานกำหนดไว้
ดิฉันเขียนเรื่องempower หนูเล็กมา ลปรร ถึงการต้องใช้เวลาถึงสองปีกว่าจะไว้วางใจน้องๆได้ เนื่องจากกลัวงานมีปัญหา
ดิฉันเคยมอบงานให้หมอปรีชาไปช่วยทำ งานที่ดิฉันมอบจะต้องดูนิสัยคนทำด้วยว่าชอบหรือไม่ มีความสามารถถึงระดับที่จะทำแทนได้
วันนี้หมอปรีชาเข้ามาคุยหลังจากดิฉันส่งไปเรียนเศรษฐศาสตร์สาธารณสุขที่จุฬาพร้อมคุณหมอนภา ฟังๆแล้วก็สบายใจขึ้นมากและเกิดความไว้วางใจที่คิดว่าคุณหมอคงบริหารสถาบันได้ดีถ้ามีโอกาสเป็นผอ.หลังจากดิฉันแอบลุ้นเวลาคุณหมอทำหน้าที่ประธานแทนดิฉันหลายๆงานเช่นโครงการTUC ประธานองค์กรแพทย์
ดิฉันคงไม่ต้องการความรักจากผู้ใต้บังคับบัญชามากนัก แต่ดิฉันอยากได้ความไว้ใจมากกว่าว่าดิฉันจะยุติธรรม นำองค์กรได้ ซื่อสัตย์ มีวิสัยทัศน์ ดิฉันเจอน้องๆหลายคนที่ไม่ไว้วางใจนาย อาจเกิดจากความรู้สึกที่ว่าเป็นคนไว้ใจไม่ได้ เหลี่ยมจัด (ไม่เกี่ยวกับนายกค่ะ) ก็เกิดความรู้สึกไม่สบายใจ
นโยบายในปี50น่าจะเป็น ปีของไอที พี่ๆสอนน้อง ต้องพัฒนาHRD มอบกระบี่แก่ทายาท(ได้แล้ว)
และเราจะปรับตัวให้เป็นที่ไว้วางใจในการทำหน้าที่ที่ได้รับมอบ เป็นแพทย์ พยาบาล เภสัช ทันตแพทย์ เทคนิคการแพทย์ ผู้ช่วยเหลือ และเจ้าหน้าที่บันทึกข้อมูล คนงาน เวรเปล .......ที่หน้าไว้วางใจค่ะ