Oops…..I did it again.


Take it easy.

        วันนี้ผู้เขียนได้มีโอกาสติดตามไปนั่งเป็น observer พี่พันธ์ทิพย์ต้อนรับคณะดูงานที่มาจาก Bhutan จำนวน 10 ท่าน น่าเสียดายที่เจ้าชายจิกมี ไม่ได้เสด็จมาด้วย  ไม่เช่นนั้น .......อ๊ะๆ รู้นะว่าคิดอะไรอยู่ปัญหาที่มักจะเกิดขึ้นกับผู้เขียนทุกครั้ง เวลามีชาวต่างชาติมาดูงาน ของกลุ่มงานแนะแนวฯ และมักจะมาตอนที่พี่พันธ์ทิพย์ หรือน้องจรูญศรี ไม่อยู่ซะด้วย......ปวดท้อง อยากเข้าห้องน้ำบ่อยๆ (โดยไม่จำเป็น)  หรือจะเดินไป-เดินมา (อาการเสือติดจั่นน่ะ)  เป็นอาการเกิดขึ้นกับดิฉันทุกครั้ง เมื่อได้รับมอบหมายให้เป็นผู้ Present ซึ่งครั้ง ผู้เขียนต้อง Present เรื่อง nutrition counseling ต่อจากพี่พันธ์ทิพย์ ด้วยค่ะ

            ยิ่งกลัว.....ยิ่งเจอ ( ต่างชาตินะ ไม่ใช่ผี ) บางช่วงจะมากันบ่อยมาก บางวันเช้าคณะ ตอนบ่ายก็อีกคณะนึง  เมื่อก่อน ( หมายถึงไม่ใช่ตอนนี้)  ผู้เขียนกลัวการต้อนรับต่างชาติมาก ถึงขนาดเข้าไปอยู่ในห้องน้ำแล้วรอให้เขาไปก่อนก็มี.......รู้สึกแย่ ไม่ดีเลยกับสิ่งที่ทำแบบนั้น ....และไม่อยากทำอีก

                เมื่อความคิดเปลี่ยน....วิธีก็เปลี่ยนตาม จริงๆแล้วคนใกล้ชิด ลูก และสามีจะชอบเรื่องภาษาอังกฤษมากๆ ซึ่งจะมีผลอย่างมากต่อทัศนคติในเรื่องนี้ .....ไม่เช่นนั้น สงสัยว่าคงจะอาการหนักกว่านี้แน่ๆเลยค่ะ

                บอกตัวเองบ่อยๆ ว่าต้องทำได้ และต้องทำให้ได้   ผู้เขียนเริ่มด้วยการทบทวนภาษาอังกฤษ (เรียนมาก็หลาย courseแล้วยัง ??.) เอามาเลือกที่ตรงกับการงาน.....หลังจากนั้นจะเขียนออกมาเป็นภาษาอังกฤษ ในversion ของตัวเองก่อน.......เมื่อพอใจแล้ว ก็จะท่อง (ถนัดอยู่แล้วเรื่องท่องน่ะ) .....เมื่อจำเค้าโครงที่จะPresentได้แล้ว..... ทีนี้จะค่อยๆสอดแทรกรายละเอียดของเนื้อหาที่เราต้องการจะขยายความเข้าไปค่ะ

                                ยากส์.....ทุกที กับการควบคุมความรู้สึกตื่นเต้น เมื่อต้องพูดต่อหน้าหลายๆคน (ต่างชาติอีกต่างหาก) แล้วที่อุตส่าห์ท่องมาอย่างดี....ก็พลันหายไป เมื่อเจอสายตาหลายๆคู่เข้า !!! (พยายามอยู่ค่ะ)   

                ทีนี้ละก็ นึกอะไรได้ก็พูดไป....เป็นคำตอบสุดท้าย  อย่างน้อย ที่ได้ท่องมา ก็ช่วยให้ผู้เขียนนึกได้เร็วขึ้น ตั้งเยอะแน่ะ 5555..                                                      

หมายเลขบันทึก: 47284เขียนเมื่อ 30 สิงหาคม 2006 21:20 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 15:45 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (10)
เป็นโรคเดียวกันค่ะ
พี่มอมเป็นมากกว่าค่ะ รู้สึกถนัดที่สุดก็คือ "พยายามหนี" ค่ะ แย่จัง......อยากตายแล้วไปเกิดใหม่จริงๆ แต่สงสัยว่าเกิดใหม่แล้วจะแย่กว่านี้อีกหรือเปล่า......555
เป็นเหมือนกันเลย ทำยังไงก็ไม่หายสักที
   เห็นมีหลายคนบอกว่า มีอีกวิธี ที่จะทำให้เก่งภาษาอังกฤษขึ้นได้.....หาแฟนเป็นฝรั่ง....แล้วรุ่นพวกเรา มันยังจะทันไหมคะพี่.

อาการอย่างนี้เกิดขึ้นเสมอสำหรับคนที่ไม่ได้ใช้ภาษากับชาวต่างชาติบ่อยๆ  อาการอย่างนี้จะหายได้ต้องเดินทางไปต่างประเทศบ่อยๆ และถ้าเป็นการเดินทางคนเดียวคงจะดี (ไม่รู้ว่าจะจริงหรือไม่) และไม่ต้องถึงกับหาแฟนชาวต่างชาติ  เห็นบางคนมีอาการอย่างนี้แต่พอได้ทำงานกับชาวต่างชาติบ่อยๆ อาการก็อาจดีขึ้น ขอให้อาการเหล่านี้ลดน้อยลงนะ  แม้แต่ผู้แสดงความคิดเห็นเองก็มีอาการมากกว่า คุณ skywalker

สวัสดีคะ...

กะปุ๋มกะจะแวะมาทักทาย...หลายครั้งแล้ว...

แต่พอมาอ่านก็วิ่งแจ๊น..ไปบันทึกอื่น..เสมอ...

เพราะเก็บตวงความรู้แล้ว...ก็รีบโกยคะ...

วันนี้..พอได้โอกาสจึงขอทิ้งรอยไว้นะคะ...

*^__^*

กะปุ๋ม

 ขอบคุณ คุณtwenty one และคุณKa-Poom มากเลยนะคะ ที่แวะมาเยี่ยมเยียน.....see you later...bye bye.
เป็นยาขมเหมือน....กันทำไงดีคะ
  • ดิฉันเคยมีความรู้สึกนี้ค่ะ ตอนที่ทำงานเป็น Marketing Manager ของหมากฝรั่ง Wrigley's ที่ได้ลิขสิทธิ์ในการจำหน่ายในภาคใต้  แต่ต้องมาประชุมกับบริษัท Sino Thai ผู้ได้รับลิขสิทธิ์ทั่วประเทศ (ยกเว้นภาคใต้)  ซึ่งมีคณะทำงานและผู้บริหารเป็นต่างชาติเป็นส่วนใหญ่
  • เครียดตั้งแต่บินมาจากหาดใหญ่ค่ะ
  • ความจริงแล้ว ฝรั่งมิได้ถือสา หากเราพูดผิด หรือฟังไม่เข้าใจ 100% แต่เราจะรู้สึกเครียดกับคนไทยที่คอยจับจ้องมากกว่าค่ะ
  • หลังจากนั้น ดิฉันได้มีโอกาสทำงานกับฝรั่งจริงๆ ความรู้สึกดังกล่าวหายเป็นปลิดทิ้งเลยค่ะ  ก็มันไม่มีอะไร มันเป็นความรู้สึกของเราเองค่ะ
 ขอบคุณค่ะ คุณBright Lily ที่ได้เล่าประสบการณ์ดีๆ ให้ฟัง สำหรับดิฉันแก้ค่อนข้างยาก ทั้งความรู้สึก และทัศนคติต่อภาษาเลยค่ะ ทั้งที่เคยcontact โดยงาน และทางe-mail แต่ระยะหลังเราก็เลิกติดต่อซะเอง....กลัวขึ้นสมอง 555.
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท