ประเพณีให้ทานไฟ ครูสมเกียรติ คำแหง .... ผู้เขียน
ด้วยคนไทยส่วนใหญ่เป็นพุทธศาสนิกชน ประเพณีไทยจึงมีพิธีกรรมทางศาสนาเป็นหลักสำคัญให้คนไทยมาชุมนุมกัน วัดจึงเป็นศูนย์รวมกิจกรรมทำให้วัฒนธรรมคงอยู่ได้ ประเพณีจึงเป็นน้ำหล่อเลี้ยงพระพุทธศาสนาให้เติบโตงดงามตลอดมา
ส่วนคำว่า “ทาน” หมายถึงการให้ หรือสิ่งที่ให้ ให้เพื่อกำจัดกิเลส คือความอยากได้เกิดบุญ คือจิตใจผ่องแผ้วเกิดความสุข สุขเพราะได้ให้สุขเพราะทาน เรียกว่า “ทานมัย” ประเพณีการให้ทานไฟ เป็นประเพณีที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนา เนื่องจากสาเหตุหลายประการ
ประการแรก วัดเป็นศูนย์รวมของกิจกรรม เพื่อต้องการทำบุญสุนทาน แสวงบุญกุศล ต้องไปทำกันที่วัดเพราะวัดเป็นที่ชุมนุมกันทางสังคมเทียมอยู่คนห่างจากวัดครับ สร้างที่อ่านหนังสือพิมพ์ของหมู่บ้านกะสร้างไว้นอกวัด สร้างหอประชุมของหมู่บ้านทั้งๆที่หมู่บ้านนั้นมีที่เดิม ชาวชวนห่างไปกันเอง
ประการที่สอง การให้ทานไฟเกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนาเพราะผู้ให้ทานคือ ชาวบ้านมีจุดมุ่งหมายที่จะทำบุญสุนทานกับพระสงฆ์ เพราะศรัทธาเชื่อมั่นในพระพุทธศาสนา และพระสงฆ์องค์เจ้าที่ตนนับถือ อันเป็นการอุดหนุน ค้ำจุนให้ท่านได้สืบทอดพระศาสนา ทั้งยังเป็นการสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้ทำทานอีกด้วยว่าเกิดบุญกุศลอันแท้จริง ดังคำกล่าวที่ว่า สิ่งทั้งหลายมีใจนำหน้า มีใจเป็นใหญ่ สำเร็จแล้วด้วยใจ
เมื่อการให้ทานไฟเป็นประเพณีที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนา เกี่ยวกับพระสงฆ์องค์เจ้า ย่อมมีพิธีกรรม ขั้นตอนต่างๆ ประเพณีให้ทานไฟต้องทำกันในวัด เกี่ยวข้องกับพระ ในช่วงนี้เป็นฤดูหนาว พระสงฆ์องค์เจ้าก็หนาวเหมือนๆเรา เสื้อหนาวมาสวมใสก็ไม่ได้ คนโบราณโดยเฉพาะคนบ้านเรารู้สึกเวทนา สงสารท่านก็เกิดความคิดที่จะทำให้ท่านอบอุ่นขึ้นมาบ้าง ในเดือนยี่โบราณจะหนาวจัด จึงร่วมกันก่อไฟให้ท่านผิง เพื่อขับไล่ความหนาวเย็น เมื่อผิงไฟแล้วก็ไม่ผิงเปล่า หากิจกรรมต่างๆทำควบคู่กันไปด้วย เพื่อไม่ให้เสียเวลาทั้งยังได้ทำบุญทำทานและยังทำให้เกิดความสนุกสนานไปด้วย คือร่วมกันทำอาหารรอบๆกองไฟนั่นเอง พอเสร็จพอรุ่งสว่างพอดี จึงได้นำอาหารหนักและขนมชนิดต่างๆถวายให้พระ ฉันเสร็จ พระสงฆ์ก็ให้ศีลให้พร อันเป็นเสร็จพิธี ชาวบ้านก็ได้ร่วมรับประทานอาหารกันอย่างสนุกสนาน
การประกอบกิจกรรม ย่อมเกิดประโยชน์แก่ผู้ทำหรือผู้ร่วมทำกิจกรรมทั้งสองฝ่ายครับ การให้ทานไฟก็เหมือนกัน เกิดอานิสงส์แก่ผู้ให้คือ ชาวบ้านและผู้รับคือพระสงฆ์องค์เจ้าครับ ชาวบ้านเกิดบุญคือความบายใจ ได้ขัดเกลากิเลสคือ ความตระหนี่ถี่เหนียว ซึ่งเป็นเสมือนไฟคอยเผาผลาญจิตใจให้มอดไหม้ไปกับไฟ ที่เราก่อให้พระสงฆ์ได้ผิง
พระสงฆ์ได้มีกำลังกายกำลังใจที่จะสืบทอดพระพุทธศาสนาต่อไป เมื่อท่านได้เห็นอานิสงส์ของการให้ทานไฟ ขอเชิญพี่น้องพุทธศาสนิกชนทั้งหลายทั้งใกล้ไกล ร่วมสืบทอดประเพณีให้ทานไฟสืบไป
ความเชื่อ
ความตามชาดกขุททกนิกายอันเป็นมูลเหตุ แห่งประเพณีให้ทานไฟ
กล่าวถึงเศรษฐีโกสิยะในแคว้นสักกะ กรุงราคฤห สมัยพุทธกาล ว่าเป็นผู้มีทรัพย์ถึง ๘๐ โกฏิ มีข้าทาสบิวารนับพัน สร้างคฤหาสน์กว้างใหญ่สูงถึง ๗ ชั้น แต่เป็นคนตระหนี่ถี่เหนียว จนกลายเป็นคนเห็นแก่ตัว นึกอยากกินขนมเบื้องก็ไม่กล้าซื้อจากที่เขาทำขาย กลัวมีคนขอกิน ครั้นลงมือทำกินเองก็แอบขึ้นไปทำบนชั้นที่ ๗ ของคฤหาสน์เพื่อไม่ให้ใครเห็น เพื่อนบ้านทั่วไปจึงพากันเกลียดชัง
กาลครั้งนั้นสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ประทับ ณ เชตวันวิหาร กรุงราชคฤห์ ทรงทราบเรื่อง ส่งพระโมคคัลลานไปทรมานจนละนิสัยตระหนี่ ให้ขนแป้งและกระทะไปตั้งเตาติดไฟละเลงขนมเบื้องถวายองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและสาวก ๕๐๐ รูป ที่เชตวันวิหาร และเมื่อเศรษฐีโกสิยะได้ฟังธรรมเทศนา จากพระโอฐ์ในครั้งนั้น ก็บังเกิดความปิติ อิ่มเอิบในการบริจาคทาน และบรรลุโสดาปัตติผลในที่สุด
ขนมเบื้อง
เชื่อกันว่าตำรับการทำขนมเบื้องของโกสิยะเศรษฐี ที่ทำถวายสงฆ์ ณ เชตวันวิหารนั้น สืบทอดมาเป็น "ขนมกรอก"ที่ชาวพุทธเมืองนครศรีธรรมราชทำถวายพระสงฆ์ในประเพณีให้ทานไฟด้วย
วิธีทำขนมกรอก
ขนมกรอกมีส่วนผสมและวิธีทำง่ายๆ คือนำข้าวสารเจ้าแช่น้ำ กรอกบดด้วยหินเครื่องโม่ ที่ชาวนครศรีธรรมราชเรียกว่า "หินบด" ชาวทุ่งสงเรียกว่า"ครกบด" โดยอย่าบดให้ข้นหรือเหลวเกินไป แล้วคั้นกะทิติดไฟเคี่ยวให้แตกมันผสมลงในแป้ง พร้อมน้ำตาลพอให้ออกรสหวาน ตอกไข่ไก่สดใส่ตามส่วน ซอยหอมให้ละเอียด โรยแล้วตีให้เข้ากัน ต่อจากนั้นก็เอากะทะตั้งไฟให้ร้อน ใช้น้ำมันพืชผสมไข่แดงเช็ดทากะทะให้เป็นมันลื่น เพื่อไม่ให้แป้งติดผิวกะทะเมื่อหยอดแป้ง ละเลงให้เป็นแผ่นและต้องระวังไม่ให้แผ่นขนมกรอกบางเหมือนขนมเบื้อง เพราะจะไม่นุ่มและขาดรสชาติ พอสุกก็ตลบพับรับประทานตอนยังร้อนๆ
กำหนดการการทำกิจกรรม ณ วัดบ้านพูน
วันอาทิตย์ที่ ๘ มกราคม ๒๕๕๕
เวลา |
กิจกรรม |
๐๔.๐๐ น. |
ทุกคนพร้อมกันที่ลานวัด |
ก่อกองไฟ โดยน้ำไม้ฟืนมาคนละ ๑ อัน |
|
นำอุปกรณ์ที่จะปรุงอาหารหวานคาว วางรอบกองไฟ เริ่มติดไฟปรุงอาหาร |
|
๐๔.๒๐ น. |
นิมนต์พระสงฆ์ ประจำอาสนะ ณ บริเวณที่จัดกิจกรรมให้ทานไฟ |
ถวายน้ำดื่ม ชากาแฟ |
|
๐๕.๓๐ -๐๖.๐๐ น. |
เริ่มถวายอาหารที่ปรุงเสร็จ ประเคนแด่พระสงฆ์ บูชาพระรัตนไตร สมาทานศิล ถวายทาน กรวดน้ำ รับพรจากพระสงฆ์ |
๐๖.๐๐ น. |
พระสงฆ์ฉันภัตตาหาร |
ไม่มีความเห็น