(๒.) Something about “ Private International Law ”


บางคนอาจมีหลายเหตุผลในการเลือกเรียนกฎหมายระหว่างประเทศแผนกคดีบุคคล แต่ข้าพเจ้ามีเพียง 2 เหตุผลที่เลือกเรียนวิชานี้

             เหตุผลที่ข้าพเจ้าเลือกเรียนคดีบุคคล >>

          บางคนอาจมีหลายเหตุผลในการเลือกเรียนกฎหมายระหว่างประเทศแผนกคดีบุคคล แต่ข้าพเจ้ามีเพียง 2 เหตุผลที่เลือกเรียนวิชานี้

            1.เพราะเป็นเรื่องที่ต้องรู้   เนื่องจากเป็นเรื่องที่ใกล้ตัวเรามากที่สุด มันแทรกซึมเข้าไปในเกือบทุกอณูของชีวิตเรา ถ้าไม่เชื่อก็ลองมาสังเกตเกี่ยวกับความเป็นระหว่างประเทศกับสิ่งต่างๆรอบตัวสัก 2 ประการประการแรก  หากคุณหยิบข้าวของเครื่องใช้ในชีวิตประจำวัน  เช่น สบู่ ยาสีฟัน เสื้อผ้า รองเท้า ฯลฯ สักชิ้นขึ้นมาดูก็จะพบว่ามีอย่างน้อยหนึ่งชิ้นที่ไม่ได้ผลิตในประเทศไทย หรือหากผลิตในไทยแต่ก็ผลิตจากวัตถุดิบที่สั่งมาจากต่างประเทศ  หรือแม้ว่าจะผลิตจากวัตถุดิบในประเทศแต่กลับใช้แรงงานต่างด้าว ในทางกลับกัน ของบางอย่างแม้จะผลิตในประเทศ จากวัตถุดิบในประเทศ และโดยแรงงานไทย แต่กลับผลิตเพื่อส่งออกไปจำหน่ายยังต่างประเทศประการที่สอง หากคุณลองมองดูคนรอบตัวจะพบความเป็นระหว่างประเทศได้ไม่ยากเลย เช่น ครอบครัวของป้าแดงแม่ค้าขายกล้วยแขกหน้าปากซอยแกมีสามีเป็นนักธุรกิจชาวอินเดีย ทำการค้าอยู่ในมาเลเซีย ส่วนลูกสาวของแกก็ไปเรียนต่อที่อังกฤษ  ครอบครัวน้านิดข้างบ้านจ้างเด็กรับใช้ชาวพม่า นี่ยังไม่นับรวมน้องนุชเด็กกำพร้าไร้รัฐ ไร้สัญชาติ และบริษัทชินครับที่มีรัฐบาลสิงคโปร์ถือหุ้นข้างมาก โอ...มันช่างน่าปวดหัวจริงๆที่กล่าวมานั้นเป็นเพียงส่วนหนึ่งของความเป็นระหว่างประเทศที่เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของเรา  และเมื่อใดก็ตามที่เกิดนิติสัมพันธ์ของเอกชนที่มีลักษณะระหว่างประเทศไม่ว่าจะเป็นไปตามกฎหมายเอกชน(เช่น ซื้อขาย แลกเปลี่ยน)หรือกฎหมายมหาชน( เช่น การเข้าเมือง การอาศัยอยู่  การประกอบอาชีพ  การถือครองทรัพย์สิน การก่อตั้งครอบครัว การมีส่วนร่วมทางการเมือง การขอมีสัญชาติไทย  ) ก็จำเป็นจะต้องมีกฎหมายมาใช้บังคับกับนิติสัมพันธ์นั้น ซึ่งก็คือกฎหมายระหว่างประเทศแผนกคดีบุคคลนั่นเอง 

         2.เพราะเป็นเรื่องที่ควรรู้  เมื่อตัดสินใจที่จะศึกษาต่อในระดับปริญญาโทสาขาระหว่างประเทศและเลือกแผนการเรียนที่ต้องวัดผลโดยการทำวิทยานิพนธ์แล้ว ข้าพเจ้าเห็นว่าความรู้แค่หางอึ่งของตนเองไม่เอื้อต่อการทำวิทยานิพนธ์เท่าใดนัก ประกอบกับได้รับคำแนะนำจากรุ่นพี่ที่เคารพนับถือท่านหนึ่งว่า หากเราต้องการจะเป็นผู้เชี่ยวชาญกฎหมายระหว่างประเทศก็จำเป็นจะต้องเรียนรู้ให้รอบด้าน ไม่ว่าคดีเมือง คดีบุคคล หรือคดีอาญา  แล้วจึงค่อยลงลึกว่าจะเชี่ยวชาญด้านใดเป็นพิเศษ เปรียบเสมือนหมอก่อนที่จะเป็นหมอเฉพาะทางก็ต้องสามารถวินิจฉัยโรคขั้นพื้นฐานได้เสียก่อน ฉะนั้นข้าพเจ้าจึงไม่ลังเลเลยที่ลงเรียนคดีบุคคล  

               สิ่งที่ข้าพเจ้าได้จากการเรียนคดีบุคคล >>>

            ข้าพเจ้ารู้คร่าวๆว่าการศึกษากฎหมายระหว่างประเทศแผนกคดีบุคคลนั้นคือการศึกษาเกี่ยวกับกฎหมายที่ใช้บังคับกับนิติสัมพันธ์ของเอกชนที่มีลักษณะระหว่างประเทศ โดยมีขอบเขตการศึกษาใน 4 เรื่อง คือ (1) การจัดสรรเอกชนระหว่างประเทศทั้งที่เป็นบุคคลธรรมดา และนิติบุคคลตามกฎหมายเอกชน  (2) สถานะภาพทางกฎหมายของเอกชนในทางระหว่างประเทศ ที่สามารถจำแนกได้ตามกฎหมายเอกชน และกฎหมายมหาชน (3) การขัดกันแห่งกฎหมาย ในกรณีเกิดสถานการณ์ที่ตกอยู่ภายใต้กฎหมายของสองรัฐขึ้นไป  (4) การระงับข้อพิพาทที่มีลักษณะระหว่างประเทศ 

               สิ่งที่ข้าพเจ้าคาดหวังจากการเรียนคดีบุคคล >>>  

1.         คิดอย่างเป็นระบบ และสามารถถ่ายทอดความคิดออกมาให้ผู้อื่นรับรู้ได้ทั้งโดยการเขียน และการพูด   

2. สามารถนำกฎหมายระหว่างประเทศแผนกคดีบุคคลไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างยุติธรรม

หมายเลขบันทึก: 47265เขียนเมื่อ 30 สิงหาคม 2006 19:02 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 15:45 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

ไหมเอ๋ย ชัดเจนมากนะ ไม่เหมือนวันที่คุยกันในรถ ตอนไป มสช.เลย

เขียนหนังสือเก่งนะ เก่งมากกว่าพูด ฝึกฝนต่อไป

ไหมต้องขอขอบคุณอาจารย์ที่ช่วยกระตุ้นต่อมรับรู้ และต่อมขยันของไหมค่ะ  ไหมสัญญาว่าจะพยายามพัฒนาตัวเองให้มากกว่านี้นะคะ

กลับมาเขียนบทความนี้ต่อนะคะ เมื่อเราสุกงอมมากขึ้น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท