กบนอกกะลา..ศึกษาจากผู้เยี่ยมยุทธ์
สืบเนื่องจากการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในวันที่ 1 สิงหาคม 2549 พวกเราได้จัดทำตารางอิสรภาพและประเมินตนเองกันใหม่อีกครั้ง รวมทั้งมีการแลกเปลี่ยนกลยุทธ์ ในการนำคู่มือการป้องกันแผลกดทับไปใช้ในเครือข่ายของตนเอง เกิดปิ๊งแว่บ ! ร.พ.กงไกรราชว่าเชื่อมโยงผู้ป่วยตั้งแต่สุโขทัยไปถึงบ้าน ทีม ตสม.กลับมาจึงนัดแลกเปลี่ยนระหว่างร.พ.บ้านตากว่าสองเราจะส่งต่อกันอย่างไรดีเพื่อให้คนไข้ได้รับการเฝ้าระวังแผลกดทับอย่างเนื่อง พุดคุยกันก็ยังไม่เห็นสภาพจริงในทางปฏิบัติ จึงทำตัวเป็นกบนอกกะลาออกไปศึกษาจากผู้เยี่ยมยุทธ์
เราแกะรอยคนไข้ตั้งแต่โรงพยาบาลสุโขทัย ทีมงานสุโขทัยต้อนรับกันอย่างดีแถมเลี้ยงข้าวกลางวันอีกต่างหากมีน้องนุชจากร.พ.กงฯและน้องวชิราภรณ์ ร.พ.บ้านด่านลานหอยมาคอยแลกเปลี่ยนด้วย พี่แหม่มสุโขทัยเล่าว่า ถ้ามีคนไข้ที่ต้องReferกลับไปให้กงไกรราชหรือบ้านด่านพยาบาลหอผู้ป่วยจะถ่ายเอกสารใบเฝ้าระวังแผลกดทับ แนบกับใบreferที่แพทย์เขียนให้ หรือหากจำหน่ายกลับบ้านก็จะถ่ายเอกสารใบเฝ้าระวังแผลกดทับใบ บส.(ก็ใบHome chartที่พวกเราใช้ส่งต่อผู้ป่วยให้ทีม เยี่ยมบ้านนั่นแหละ ) ถ้าเกิดเหตุขัดข้องไม่สามารถแนบใบเฝ้าระวังไปได้จะส่งโทรสารไปให้ภายหลัง เพื่อให้ รพ.ช.หรือ สอ. ประเมินต่อเนื่องได้เลย ภาคบ่ายทีมสุโขทัย น้องนกยูง น้องลีICUกับเพื่อนๆ (ขออภัยที่จำชื่อไม่หมด)นำทีม ตสม.ไป ร.พ.กงไกรราช มีน้องนุชและทีม(ขออภัยอีกครั้งที่จำชื่อไม่หมด) มารับถึงประตูรถตู้ทีเดียว ติดช่อดอกคัทรียาเล็กๆให้แขกทุกคน น่าประทับใจ พาเยี่ยมชมหอผู้ป่วย ขออนุญาตถ่ายรูปเนื่องจากปิ๊งแว่บเหล็กกั้นเตียงบุนวมป้องกันกระแทกหรือเด็กหลุดรอดราวกั้น นอกนั้นก็พากันไปบ้านผู้ป่วย 2 บ้าน 2 รายแรกอยู่บ้านดียวกันเป็นพ่อลูก ไม่มีแผลกดทับ ใช้ที่นอนลมที่ซื้อต่อจากคนอื่นประสิทธิภาพใช้ได้ดี ผู้ดูแลสามารถดูแลผู้ป่วยทั้งสองคนได้อย่างดีทั้งพลิกตัว ทำอาหารปั่น ทำแผลเจาะคอและล้างท่อเจาะคอ ที่เป็นภูมิปัญญาชาวบ้านเห็นจะเป็นเตียงผู้ป่วยไม้ประดิษฐ์เองที่สามารถยกหัวเตียงขึ้นสูงได้ขณะให้อาหารทางสายยาง และมุ้งผ้าม่านที่ผู้ดูแลทำจากผ้าม่านโปร่งขึงกั้นเป็นห้องเนื่องจากมีผู้ป่วย 2 คนที่ต้องดูแลในเวลาเดียวกัน ชายม่านใช้โซ่เหล็กถ่วงกั้นลมพัดป้องกันแมลงเข้าไปรบกวน คุณป้าผู้ดูแลบอกว่าคิดเองจากปัญหาแมลงเข้าไปไข่ที่ท่อช่วยหายใจมีหนอนขึ้น ทีมงานเข้าไปในห้องม่านเข้าลมโกรกดีมากเพราะว่าโปร่งว่าผ้ามุ้งปรกติ ข้างในยังมีจานใส่ใบเตยและมะกรูดช่วยดับกลิ่นอีกด้วย นับว่าใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่นแก้ปัญหาได้ดี
รายต่อไปเป็นคุณยายอายุเกือบ 90 ปี มีแผลกดทับที่สะโพกซ้าย เกรด 2 ขนาดประมาณ 2X2เซนติเมตรให้อาหารทางสายยาง มีเตียง fowler ที่โรงพยาบาลให้ยืมมา ที่นอนลมชนิดรังผึ้งมีปัญหา น้องลีสุโขทัยช่วยกันตรวจสอบพบว่าปั๊มลมแรงลมไม่ดีเลยทำให้ที่นอนมีประสิทธิภาพไม่เพียงพอ ทีม ตสม.ก็เลแลกเปลี่ยนเรียนรู้แนะให้ซ่อมเครื่องปั๊มโดยใช้เครื่องปั๊มลมในตู้ปลาซึ่งช่างของทางร.พ.ตสม.ทดลองเปลี่ยนแล้วพอใช้ได้ ญาติก็พอใจสำหรับรายนี้ทีมทั้งช่วยกันวิเคราะห์ว่าคุณยายอาจ albumine ต่ำก็ได้ให้ทดลองเพิ่มไข่ขาวในอาหาร feedเพราะญาติพลิกตัวดี คุญยายรับ feed ได้หมด หากสายอาหารหลุดหรือตัน ญาติมีเบอร์โทรศัพท์ที่สถานีอนามัยเจ้าหน้าที่สามารถมาช่วยเหลือได้ทันเวลา สำหรับรายนี้น้อง สอ.ตามมาเยี่ยมด้วยและวางแผนร่วมกับน้องนุชกงไกรราชว่ากลับมาเยี่ยมอีกครั้งใน วันที่ 20 กันยายน 2549 พูดคุยกับน้องๆได้รายละเอียดว่า ทีมเยี่ยมบ้าน ร.พ.กงไกรราชจะออกเยี่ยมบ้านเองทั้งในพื้นที่รับผิดชอบและเครือข่ายโดยมีแฟ้มเอกสารผู้ป่วยมีการถ่ายเอกสารการเฝ้าระวังแผลกดทับทับให้ ทีมเยี่ยมบ้านของสถานีอนามัยประเมินต่อเนื่อง ออกเยี่ยมพร้อมกันเป็นการถ่ายทอดความรู้ให้และประเมินผู้ป่วยและวางแผนดูแลร่วมกันเตลอดเวลา ในปีงบประมาณ 2550 ทีมเยี่ยมบ้านกงไกรราชจะปรับเปลี่ยนบทบาทเป็นผู้นิเทศงาน โดยใช้แฟ้มดูแลผู้ป่วยเฉพาะรายทิ้งไว้ที่บ้านผู้ป่วย ทีมไหนมาเยี่ยมให้ลงบันทึกผลการดูแลให้อีกทีมรับทราบข้อมูลความก้าวหน้าของผู้ป่วยได้อย่างต่อเนื่อง
ทีมงานสุโขทัย และทีมงาน ตสม.ร่ำลากันที่หน้าบ้านคุณยายแยกย้ายกันกลับขอบคุณ ทีมน้องสอ…… ทีมน้องกงไกรราช และทีมพี่ๆน้องๆสุโขทัยโดยเฉพาะนายแพทย์ละลิ่ว จิตการุญผู้อำนวยการโรงพยาบาลสุโขทัย พี่กลางรองผู้อำนวยการฝ่ายการพยาบาลโรงพยาบาลสุโขทัย พี่แหม่มงาน ICโรงพยาบาลสุโขทัย ที่ทำหน้าที่เป็นเอื้อ ( CKO ) และคุณอำนวยที่ช่วยให้การศึกษาผู้เยี่ยมยุทธ์ในวันนี้สำเร็จอย่างน่าประทับใจ
บันทึกบทเรียนจากการเรียนรู้ 21สิงหาคม 2549
1. ปัญหาแผลกดทับเป็นปัญหาของโรงพยาบาลมากกว่าสอ.หากต้องการความร่วมมือต้องลงแรงเองก่อนให้ได้ใจคนในพื้นที่แล้วจึงผ่องถ่ายความรับผิดชอบ
2. ความสัมพันธ์ที่ดีในทีมงานเยี่ยมบ้านทั้งโรงพยาบาลและสถานีอนามัย จะช่วยเสริมส่วนขาดของกันและกันได้ดี โรงพยาบาลจะให้ความรู้ วัสดุอุปกรณ์ในการดูแล สถานีอนามัยจะช่วยดูแลต่อเนื่องในพื้นที่ได้ใกล้ชิดและทันเวลา
3. การเพิ่มทักษะในการดูแลผู้ป่วยให้กับญาติจะช่วยลดอุบัติการณ์ Re-admitได้เป็นอย่างดี
ข้อเสนอแนะ
หากมีการเชื่อมโยงการดูแลผู้ป่วยตั้งแต่โรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลทั่วไป โรงพยาบาลชุมชน สถานีอนามัย จะช่วยทำให้ผู้ป่วยได้รับการดูแลต่อเนื่องทั้งเรื่องการป้องกันภาวะแทรกซ้อน และการป้องกันการแพร่กระจายเชื้อดื้อยา
แผนของโรงพยาบาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
ทั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2549 จะเริ่มมีการส่งต่อการเฝ้าระวังแผลกดทับในรายที่จำหน่ายกลับบ้านในเขตที่ โรงพยาบาลรับผิดชอบ และในรายที่มีการ refer กลับไปยังโรงพยาบาลบ้านตาก ตามข้อตกลง
(น่าเสียดายที่ไม่สามารถนำรูปลงมาให้ชมได้พยายามหลายครั้งแล้ว)COP bedsore QA_Zone II
หวังว่าทีมงาน ตสม. นำเสนอ สู่สาธารณะได้ พร้อม กลับมาแสดงความยินดีที่ เพรชบูรณ์ (วันที่ 23 ก.ย.)