พี่แมวคะ
ต่อข้อหารือถึงสิทธิในความเป็นไทยของเด็กชายศรัณญ์ คีรีบุปผา บุตรของชายสัญชาติไทยและหญิงต่างด้าวในศูนย์พักพิงนุโพ
จากข้อเท็จจริงของพี่แมว http://www.gotoknow.org/blogs/posts/466032
ขอแลกเปลี่ยนและช่วยคิด ดังนี้ค่ะ
1. ก่อนอื่นมีคำถามค่ะ นายไนท์ คีรีบุปผา บิดาของน้องมีสถานะบุคคลเป็นคนสัญชาติไทยใช่มั๊ยคะ? มีชื่อในทะเบียนบ้าน(ท.ร.14)มีบัตรประจำตัวประชาชน? แต่ในสูติบัตร ท.ร.031 ของ เด็กชายศรัณญ์ ระบุแต่ชื่อของพ่อไม่ได้ระบุสัญชาติและเลขประจำตัวประชาชนของพ่อด้วย คงต้องพิสูจน์สถานะความเป็นบิดาและบุตรระหว่าง นายไนท์ คีรีบุปผา และเด็กชายศรัณญ์ค่ะ เพื่อยืนยันว่าเป็นบิดาและบุตรกันจริง --ซึ่งการสอบพยานบุคคลของ ปลัดสุระวุธ น่าจะสอบในประเด็นนี้ค่ะ
2. นายไนท์ คีรีบุปผา(คนสัญชาติไทย) และ นางซานดา จดทะเบียนสมรสกันหรือยังคะ? หากยังขอเสนอให้ทั้งสองคนไปจดทะเบียนสมรสกันค่ะ เพื่อบุตรจะได้เป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายทั้งของบิดาและมารดา ซึ่งจะเป็นผลดีต่อการมีและใช้สิทธิในสัญชาติ ตามหลักสืบสายโลหิตทั้งจากบิดาและมารดาด้วยค่ะ ในกฎหมายไทยปรากฏข้อสันนิษฐานทางกฎหมายเกี่ยวกับสถานะความเป็นบิดามารดาและบุตรชอบด้วยกฎหมายในมาตรา 1547 แห่ง ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์บัญญัติว่าเด็กเกิดจากบิดามารดาที่มิได้สมรสกัน “จะ”เป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายต่อเมื่อ 1.บิดามารดาได้สมรสกันในภายหลัง หรือ 2.บิดาได้จดทะเบียนรับรองว่าเป็นบุตร หรือ 3.ได้ยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อให้ศาลพิพากษาว่าเป็นบุตร ค่ะ
ดังนั้น หากนายไนท์ และนางซานดา จดทะเบียนสมรสกันย่อมส่งผลให้เด็กชายศรัณญ์ เป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของทั้งสองคน และมีสิทธิในสัญชาติไทยตั้งแต่เกิดโดยหลักสืบสายโลหิตจากบิดาตามมาตรา 7(1) แห่ง พ.ร.บ.สัญชาติ พ.ศ.2508 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดย พ.ร.บ.สัญชาติ(ฉบับที่ 2) พ.ศ.2535 และพ.ร.บ.สัญชาติ(ฉบับที่ 4) พ.ศ.2551[1]
อย่างไรก็ดี หากนายไนท์ และนางซานดา ไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน กระบวนการ/วิธีการในการพิสูจน์สถานะความเป็นบิดาและบุตรระหว่างนายไนท์และเด็กชายศรัณญ์ย่อมตกอยู่ภายใต้วิธีการตาม “กฎกระทรวงกำหนดวิธีการและค่าธรรมเนียมคำขอพิสูจน์ความเป็นบิดาซึ่งมีสัญชาติไทยของผู้เกิดเพื่อการได้สัญชาติไทยโดยการเกิด พ.ศ.2553” เช่นเดียวกับกรณีของน้อย หรือประสิทธิ์ จำปาขาว บุตรของชายไทยซึ่งเกิดในประเทศลาว[2]
3. กระบวนการการแจ้งเกิดเกินกำหนดและขอสูติบัตรให้ เด็กชายศรัณญ์ ในฐานะบุตรของชายสัญชาติไทยนั้น เมื่อเด็กชายศรัณญ์ได้รับการพิสูจน์สถานะความเป็นบุตรของบิดาสัญชาติไทยแล้วย่อมมีสิทธิที่จะได้รับการบันทึกในทะเบียนคนเกิดของคนสัญชาติไทย และได้รับสูติบัตร ท.ร.2 เนื่องจากแจ้งเกิดเกิน 15 วัน นับแต่วันเกิด ซึ่งเป็นไปตามมาตรา 18 พ.ร.บ.การทะเบียนราษฎร พ.ศ.2534 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมบางส่วนโดย พ.ร.บ.การทะเบียนราษฎร (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2551[3] ประกอบกับ ข้อ 57, ข้อ 58 และ ข้อ134(4) แห่งระเบียบสำนักทะเบียนกลางว่าด้วยการจัดทำทะเบียนราษฎร พ.ศ.2535 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมใน พ.ศ.2542 พ.ศ.2544 พ.ศ.2545 และล่าสุดใน พ.ศ.2551
โดยสรุปแล้ว การพิสูจน์ความเป็นบิดาและบุตรระหว่างนายไนท์ และเด็กชายศรัณญ์ ย่อมนำมาซึ่งสิทธิในสัญชาติไทยของเด็กชายศรัณญ์ และสิทธิที่จะได้รับการจดทะเบียนเกิดในฐานะคนสัญชาติไทยด้วยค่ะ
[1] มาตรา 7 บุคคลดังต่อไปนี้ย่อมได้สัญชาติไทยโดยการเกิด
(1) ผู้เกิดโดยบิดาหรือมารดาเป็นผู้มีสัญชาติไทย ไม่ว่าจะเกิดในหรือ นอกราชอาณาจักรไทย
(2) ผู้เกิดในราชอาณาจักรไทย ยกเว้นบุคคลตาม มาตรา 7ทวิ วรรคหนึ่ง
“คำว่าบิดาตาม (1) ให้หมายความรวมถึงผู้ซึ่งได้รับการพิสูจน์ว่าเป็นบิดาของผู้เกิด ตามวิธีการที่กำหนดในกฎกระทรวง แม้ผู้นั้นจะมิได้จดทะเบียนสมรสกับมารดาของผู้เกิด และมิได้จดทะเบียนรับรองผู้เกิดเป็นบุตรก็ตาม
[2] ดรุณี ไพศาลพาณิชย์กุล, บันทึกเส้นทาง ตาม‘ลูกพ่อไทย’ กลับเข้าทะเบียนราษฎร (ตอน 1)-ม.7 วรรคสอง พ.ร.บ.สัญชาติ (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2551,เผยแพร่ใน http://www.gotoknow.org/blogs/posts/325855 และ ดรุณี ไพศาลพาณิชย์กุล, บันทึกเส้นทาง ตาม‘ลูกพ่อไทย’ กลับเข้าทะเบียนราษฎร (ตอน 2)-ม.7 วรรคสอง พ.ร.บ.สัญชาติ (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2551,เผยแพร่ใน http://www.gotoknow.org/blogs/posts/325924
[3] มาตรา 18 เมื่อมีคนเกิดให้แจ้งการเกิดดังต่อไปนี้
(1) คนเกิดในบ้าน ให้เจ้าบ้านหรือบิดาหรือมารดา แจ้งต่อนายทะเบียนผู้รับแจ้งแห่งท้องที่ที่มีคนเกิดในบ้านภายในสิบห้าวันนับแต่วันเกิด
(2) คนเกิดนอกบ้าน ให้บิดาหรือมารดา แจ้งต่อนายทะเบียนผู้รับแจ้งแห่งท้องที่ที่มีคนเกิดนอกบ้านหรือแห่งท้องที่ที่จะพึงแจ้งได้ ภายในสิบห้าวันนับแต่วันเกิด ในกรณีจำเป็นไม่อาจแจ้งได้ตามกำหนดให้แจ้งภายหลังแต่ต้องไม่เกิดสามสิบวันนับแต่วันเกิด
การแจ้งตาม (1) (2) ให้แจ้งตามแบบพิมพ์ที่ผู้อำนวยการทะเบียนกลางกำหนด พร้อมทั้งแจ้งชื่อคนเกิดด้วย
ในกรณีจำเป็นเพื่อประโยชน์ในการอำนวยความสะดวกแก่ประชาชน การแจ้งตามวรรคหนึ่งจะแจ้งต่อนายทะเบียนผู้รับแจ้งแห่งท้องที่อื่นก็ได้ ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในกฎกระทรวง
(มาตรา 18 วรรคสาม เพิ่มเติมโดย พ.ร.บ.การทะเบียนราษฎร (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2551)
กิติวรญา รัตนมณี
20 ธันวาคม 2554
แล้วเรื่องของ มน.เอง ก็ควรเริ่มทำความเห็นทางกฎหมายได้แล้วนะคะ นักศึกษา มน. จะได้ใช้ในการศึกษา
ตอบคำถามอาจารย์ไหมนะคะ
1. นายไนท์ เป็นบุคคลสัญชาติไทยมีชื่อในทร.14 และบัตรประจำตัวประชาชน 5-6308-xxxxx-xx-x
2. นายไนท์และนางซานดา อยู่กินฉันท์สามีภริยาโดยไม่ได้จดทะเบียนสมรส สถานะของนางซานดาในศูนย์พักพิงเป็นกลุ่ม pre screening (ไม่มีเลขประจำตัวของคนในศูนย์) และยังไม่ได้ลองติดต่อประสานเรื่องจดทะเบียนสมรสค่ะ
อาจารย์ไหม รบกวนเพิ่งคำสำคัญบันทึก "อุ้มผางศึกษา" ด้วยนะคะเพื่อจะได้กรุ๊ปรวมบันทึกไว้ด้วยกัน
ไหมเอ๋ย เรื่องชื่อไม่ตรงกับทะเบียนราษฎรน่ะ ไม่เข็ดเลยนะเธอ
รีบทำความเห็นกฎหมายส่งไปอำเภอได้เลย ใครจะเป็นคนทำล่ะ
สงสารเด็ก รีบทำเลย