ผมได้เล่าถึงความสดชื่นจากไม้ดอกหอมในบริเวณหมู่บ้านสิวลีติวานนท์ ในช่วงที่กำลังวิตกเรื่องน้ำท่วม ที่นี่ แต่ยังไม่ได้เล่าว่าในช่วงเดียวกันดอกจิกน้ำที่ปลูกเป็นแนวริมสระน้ำในหมู่บ้านออกดอกช่อห้อยไสวแดงสดใสงดงามมาก
และอีกต้นหนึ่งซึ่งไม่ได้อยู่ริมน้ำ แต่อยู่ข้างบ้านหลังหนึ่งก็ออกดอกด้วย แต่ต่างสี คือเป็นสีชมพูและลักษณะดอกก็แตกต่างกันเล็กน้อย จึงนำรูปสวยๆ มาอวด
วิจารณ์ พานิช
๓๐ พ.ย.๕๔
ออกช่อแดงสล้าง
|
จิกน้ำชนิดสีชมพู
|
ออกช่อเต็มต้น
|
แถมพญาสัตบรรณออกดอกเต็มต้นและร่วงหล่นที่ใต้ต้นงดงาม
|
ดอกร่วง
|
ดอกร่วงขยายใหญ่
|
เป็นบันทึกที่แสนโรแมนติกมากครับ
ขอบคุณภาพงามๆ เพิ่งเคยเห็นค่ะ
สวนชมน่านที่พิษณุโลก ปลูกต้นจิกน้ำไว้มากมายเลยครับ ตอนสร้างสวนใหม่ๆมีพรรณไม้มากมายหลายชนิด แต่เพราะสวนอยู่ชายตลิ่งริมน้ำ ถูกน้ำท่วมบ่อยครั้ง ต้นไม้ก็ตายกันไปจำนวนมาก ก็เหลือจิกน้ำนี่หล่ะครับทนน้ำท่วมได้ดี พอค่ำๆดอกจิกบานส่งกลิ่นหอมแบบเปรี้ยวๆกระจายเชียวครับ นอกจากสวยใบยังทานได้ด้วย ส่วนจิกดอกสีชมพูเรียกว่า "จิกสวน" ครับอาจารย์
...เมืองไทยเรานี้..แสนดี..หนักหนา..ในน้ำมีปลา..ในนามีข้าว(แม้ว่าจะเกือบเป็นอดีตไปแล้วกับอนาคตอันใกล้นี้..)..แต่ยังมีไม้.มีดอก.พ้นน้ำท่วมมาให้ชม...ไม่เคยเห็น..ต้นจิก(สวน)..เป็นบุญตา..ขอบพระคุณกับการแบ่งปัน...ยายธี
อ่านบันทึกนี้แล้ว ทำให้ระลึกได้ว่า เวลาเห็นต้นพญาสัตบรรณทีไรหนูนึกถึงอาจารย์ทุกทีเลยค่ะ หนูรู้จักต้นนี้เพราะอาจารย์เล่าในบันทึกถึงต้นที่อาจารย์วิ่งผ่านบ่อยๆ จนทำให้เมื่อหนูได้เห็นต้นตรงทางเข้าที่จอดรถคณะแพทย์ที่ตึกเฉลิมพระบารมีแล้ว นึกออกเลยว่าเจ้าต้นนี้นี่เอง เป็นต้นไม้สัญลักษณ์ของอ.หมอวิจารณ์สำหรับหนูไปแล้วค่ะ
หลังจากน้ำท่วมบ้านที่บางใหญ่นานกว่าเดือน ต้นพญาสัตตบรรณที่เคยตั้งตระหง่านอยู่ที่หน้าบ้าน ใบแดงแห้งกรอบหมดทั้งต้น... คิดว่าคงไม่ฟื้นแล้วค่ะ ต้นอื่นๆ ก็มีอาการเดียวกันค่ะ เห็นมีก็แต่ต้นโมกที่ชอบน้ำเอามากๆ ออกดอกขาวเต็มต้น และดูสดชื่นดีทีเดียวค่ะ
ขอบพระคุณที่อาจารย์นำดอกพญาสัตตบรรณ และดอกจิกน้ำมาฝากค่ะ ดอกจิกน้ำสีชมพูคล้ายๆ กันกับดอกชมพู่เลยนะคะ