ซาก"อคติ"ทาง"ความคิด" ที่ผูกติดกับความเชื่อใน"ชาตินิยม"


อคติทางความคิด

ความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา...มองภาพให้กว้างกว่าเรื่องศักดิ์ศรีของชาติ

สมัยพระยาละแวกในยุคพระนเรศวร สมัยสงครามมหาเอเซียบูรพาที่ไทยรบกับฝรั่งเศสบนดินแดนกัมพูชา สมัยที่ไทยเป็นฐานตั้งกองทัพอเมริกันในสงครามเวียดนาม และสมัยที่กัมพูชาถูกกองทัพคอมมิวนิสต์อินโดจีนยึดครองได้
           ....ทุกยุคที่ผ่านมาล้วนแล้วแต่สั่งสมความไม่เข้าใจกัน ความหวาดระแวงและความโกรธแค้นระหว่างประเทศไทยกับประเทศเพื่อนบ้านมาตลอด.....

คนไทยถูกข่าวสารและข้อมูลประวัติศาสตร์จากภาครัฐทำให้เชื่อว่าประเทศไทยโชคร้ายที่ถูกเพื่อนบ้านรังแก-หาเรื่อง-ทรยศ-หักหลังมาจนฝังใจ ถึงแม้จะมีนักวิชาการทางประวัติศาสตร์หลายท่านได้ศึกษาและพยายามเผยแพร่ ข้อมูลอีกด้านหนึ่งอยู่บ้าง แต่โชคร้ายที่คนไทยทั้งประเทศอ่านหนังสือเฉลี่ยต่อหัวเพียงปีละ 8 บรรทัด ทั้งๆที่มีมาตรฐานการศึกษาระดับอ่านออกเขียนได้ตามเกณฑ์เฉลี่ยของโลก ถ้าช่วยๆกันศึกษาประวัติศาสตร์ อาการหลงชาติบนความไม่เข้าใจก็อาจจะน้อยกว่าที่เป็นอยู่

ตัวอย่างประวัติศาสตร์ที่บิดเบือนใหญ่ๆเรื่องหนึ่งที่ผมได้เจอด้วยตนเองคือ...สงคราม อินโดจีนระหว่างอเมริกา-เวียดนามเหนือซึ่งมีไทยเข้าไปเป็นหุ้นส่วนสำคัญ

ตั้งแต่ ยุคจอมพลสฤษดิ์ที่ไทยเริ่มประกาศต่อต้านลัทธิคอมมิวนิสต์เพราะเป็น "มหามิตร" กับอเมริกาในภูมิภาคนี้ตลอดจนถึงช่วงจอมพลถนอม คนไทยถูกวาดภาพให้หวาดกลัวและเกลียดชังลัทธิคอมมิวนิสต์ บอกให้ต่อต้านทุกรูปแบบแม้กระทั่งสั่งให้พระสงฆ์องค์เจ้าเทศนาชาวบ้านให้ เกลียดกลัวลัทธินี้ และยังสั่งให้ศิลปินชาวบ้านอย่าง "ลิเก" ช่วยเล่นบทปราบคอมมิวนิสต์ด้วย

ภาพของประเทศไทยในความรู้สึกของ ประชาชนทั่วไป จึงเหมือนกับตนเองกำลังถูกรุมด้วยเพื่อนบ้านที่เป็นศัตรูร้ายกาจ จ้องที่จะข่มเหงรังแกคนไทยเหมือนยักษ์เลวที่จ้องทำร้ายมนุษย์ฝ่ายเดียวอยู่ ตลอดเวลา ทั้งๆที่มีสนามบินฐานทัพอเมริกาตั้งอยู่บนแผ่นดินไทย มีทหาร G.I. เดินแสวงหาความสำราญอยู่ในกรุงเทพฯและจังหวัดอุดรธานี จนเงินดอลลาร์แพร่สะพัด พร้อมๆกับนายทหารระดับบนของกองทัพที่ร่ำรวยจากการได้รับความช่วยเหลือ ด้านอาวุธและงบพัฒนาสารพัดแลกกับ "สัญญาความร่วมมือของกลุ่มประเทศโลกเสรี" และมีกลุ่มพ่อค้านักธุรกิจที่ทำเงินอย่างมหาศาลกับการเข้าหางบประมาณที่ อเมริกาหว่านมาให้อย่างไม่มีจำกัดเพื่อบำรุงขวัญทหารของตน

แต่ในอีก ด้านหนึ่งกลับมีไม่กี่คนที่สังเกตเห็นว่าคนชาติอินโดจีนที่คนไทยถูกทำให้ ทั้งเกลียดทั้งกลัว  เจอพิษสงครามจนแทบจะพิการไปทั้งแผ่นดิน ทรัพยากรมนุษย์ที่ตายนับล้าน กับที่ไร่ผืนนาเกือบจะผลิตอาหารมาป้อนใส่ปากพวกเขาไม่ได้ เพราะกลายเป็นสนามรบไปทุกหนแห่ง โดนทั้ง "ฝนเหลือง"ที่เป็นสารเคมีฆ่ามนุษย์ปนเปื้อน และมีทุ่นระเบิดที่วางเกลื่อนไปทุกหย่อมหญ้า แม้สุดท้ายทหารอเมริกันจะถอยทัพด้วยแรงกดดันของประชาชนอเมริกันที่ทนเห็นคน ในชาติไปตายนอกแผ่นดินและทนกับภาษีสงครามไม่ไหว แต่คนในเวียดนามและเขมรก็ยังต้องทนทุกข์กับภาวะขาดแคลนอย่างสาหัสต่อเนื่อง อีกเกือบ 20 ปี

....ถามว่าประเทศเพื่อนบ้านเหล่านั้นเขาน่าจะมองประเทศไทยด้วยความรู้สึกแบบไหน?....

ดังนั้นถ้าเรามองประวัติศาสตร์ให้รอบด้านด้วยความเข้าใจ เราจะไม่แปลกใจเลยที่แม้อเมริกาจะถอนทัพไปนานนักหนาแล้วแต่ผู้มีอำนาจของ ประเทศไทยยังระแวงและหวาดกลัวประเทศเพื่อนบ้าน....เพราะเคยไปทำกับเขาไว้ สาหัสไม่น้อย

ถ้าไม่มีผู้นำบางคนที่มองปัญหาแบบยอมรับความจริงอย่าง พลเอกชาติชายที่พยายามแปรเปลี่ยนสนามรบให้เป็นสนามการค้า บาดแผลลึกที่เกิดจาก "สงครามตัวแทน-สงครามเย็น" ระหว่างไทยกับเพื่อนบ้านคงไม่ลดระดับลงจนเหลือแค่แผลเป็นจางๆในช่วง 20 กว่าปีที่ผ่านมา

น่าเสียดายที่วันนี้มีผู้นำบางคนกลับมองปัญหาด้วย สายตาที่แคบสั้น ไม่ยอมรู้ตัวว่ากำลังจะทำสนามการค้าให้กลับไปเป็นสนามความขัดแย้งและหวาด ระแวงอีกครั้ง เพียงเพราะทนเห็นศัตรูทางการเมืองเข้ามาทำสงครามประสาทต่อหน้าต่อตาไม่ได้ จึงพยายามทำให้ศัตรูทางการเมืองกลายเป็นศัตรูของประเทศ และทำประเทศเพื่อนบ้านจากคู่ค้าจวนจะกลายเป็นคู่สงครามอยู่แล้ว

ทุกรัฐบาล คงรู้มากกว่าจะไม่รู้ว่า หากเกิดความขัดแย้งระหว่างในวันนี้เหตุการณ์จะซับซ้อนยิ่งกว่าแค่การใช้ กำลังรบกัน เพราะผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจและการลงทุนที่ทับซ้อนและไขว้กันไปมาระหว่างทั้ง 2 ประเทศนั้นมีการเกี่ยวโยงไปถึงประเทศอื่นๆในภูมิภาคอาเซียนนี้ด้วย แค่เรื่องเส้นทางถนนการค้าที่พาดผ่านจากจีนมาจนถึงไทยและไปพม่าเรื่องเดียว ก็ส่งผลสะเทือนไปทั่วแล้ว ดังนั้นแน่ใจหรือว่าหากยังเดินทางเส้นนี้ต่อไปประเทศไทยจะมีความบาดหมางกับ กัมพูชาเพียงประเทศเดียวเท่านั้น?

ดังนั้นประชาชนคนไทยจึงควรจะมอง ให้กว้างๆถึงปัญหาที่กำลังจะเกิดเพราะการปลุกกระแส "รักชาติ" ในตอนนี้ว่าสมเหตุสมผลหรือไม่ ปฏิกิริยาด้านการต่างประเทศที่ "แทบทุกรัฐบาล" กระทำสมควรแก่เหตุแล้วจริงหรือ?

แล้ว ขอให้คิดย้อนกลับไปถึงกระแสที่บรรดาสื่อมวลชนหลายคนกำลังปลุกกระแสรักชาติ ด้วยการดึงเรื่องของพระยาละแวกบ้าง พระยาจักรีบ้างมาทำให้คนไทยเลือดขึ้นหน้าจนมองไม่เห็นด้านอื่นๆของปัญหานั้น .....เราคิดกันได้รอบคอบแล้วจริงๆ?

ขนาดสหรัฐอเมริกาที่ส่งทหารและ อาวุธมาฆ่าคนเวียดนามมากมายหลายแสน และทหารอเมริกันเองก็ตายในภูมิภาคนี้หลายหมื่นคนเมื่อไม่เกิน 20 กว่าปีมานี้เอง วันนี้พวกเขาพยายามลืมอดีตหันมาร่วมมือทางเศรษฐกิจจนเติบโตมากขึ้นเรื่อยๆ ....แล้วเรายังจะเอาประวัติศาสตร์ตั้งแต่ยุคกรุงศรีอยุธยาเมื่อ 300 กว่าปีย้อนหลังไปมากระตุ้นความเป็นศัตรูกับเพื่อนบ้าน...เพียงเพราะต้องการแสดงความเหนือกว่า....คุ้มค่าดีแล้วหรือ?

                          "การพึงพาอาศัยซึ่งกันและกัน"

เรื่องของเขมรที่คุณควรรู้ 

1.    เขมรมองคนไทยว่าขี้ขโมยศิลปวัฒนธรรมไปจากตัวเอง และมัวแต่จมปรักอยู่กับอดีตอันรุ่งเรืองสมัยอาณาจักรขอม
2.    หนังสือประวัติศาสตร์เขมรที่ใช้เรียนกัน เขียนขึ้นตั้งแต่ได้รับเอกราชจากฝรั่งเศสใหม่ ๆ บางเล่มเกือบครบร้อยปีแล้วก็มี และไม่เคยแก้ไขปรับปรุงเนื้อหาเลย
3.    ชาวเขมรคิดว่าชนชาติไทย อพยพมาแต่ธิเบต และยูนาน มาทำศึกขับไล่เขมรและครอบครองลุ่มน้ำเจ้าพระยา ทั้งที่ทฤษฎีอพยพจากจีนไม่เป็นที่ยอมรับของนักวิชาการไทยแล้ว
4.    ความจริงคือ ในยุคที่เขมรเจริญสุดขีดไทยเป็นชาวป่าแถบลุ่มน้ำเจ้าพระยา และเป็นทาสเขมร อันนี้คือเรื่องจริง และดูจะเป็นสิ่งที่เขมรภูมิใจเอามาก ๆ ทั้ง ๆ ที่มันผ่านมา 1000 ปีแล้วก็ตาม ทั้ง ๆ ที่เขาภูมิใจว่าเคยเป็นนายเหนือหัวชาวสยาม แต่ยังยอมรับทฤษฏี ชาวไทยอพยพมาขับไล่เขาอีก มันขัดกันยังไงพิลึกชอบกล
5.    เขมรมองพ่อขุนศรีอินทราทิตย์เป็นคนทรยศ ศรีอินทราทิตย์ เป็นภาษาเขมร เขมรตั้งให้หวังจะเอาใจหัวหน้าทาสชาวไทยเพื่อที่จะได้ปกครองง่าย
6.    เขมรโบราณบ้าเรื่องลึกลับ และคิดว่าตัวเองเป็นเทพ ขุนนางที่ปกครองดินแดนเจ้าพระยาปัจจุบัน มีความสุขกับการเกณฑ์แรงงานสร้างปราสาทให้ตน และได้นอนดูทาสชาวสยามตักน้ำถวายบรรณาการ
7.    บรรณาการที่เราต้องจ่ายให้เขมรสมัยเป็นทาสนั้นไม่ใช่ เงินทองของมีค่า แต่เป็นดินและน้ำ เพราะผู้ปกครองชาวเขมรเชื่อว่า ได้น้ำและแผ่นดินของผู้ใต้ปกครองไป
8.    สามกษัตริย์แห่งสุโขทัย ปลดแอกความเป็นทาสจากเขมรได้สำเร็จ และพกเอาความแค้นไล่ตีไปถึงนครวัด และปล้นสดมภ์จนเขมรสิ้นเขี้ยวเล็บลง
9.    ในยุคที่เขมรสงบ ก็แก่งแย่งอำนาจกันเองจนต้องชักศึกเข้าบ้าน
10.    เขมรมีคู่แค้นศัตรูใหญ่คือไทย และเวียดนาม
11.    ทุกครั้งที่เขมรมีปัญหาภายในกันไม่เคยยุติลงได้ ทางออกคือทางใครทางมันเช่น สังฆราชก็ตั้ง  2 องค์ นายก 2 คนก็มีมาแล้ว ข้า 2 เจ้าบ่าว 2 นายก็เป็นมาแล้ว
12.    เรื่องพิธีปฐมกรรม ที่พระนเรศวร ตัดเศีนรพระยาละแวกแล้วเอาโลหิตมาล้างพระบาทนั้นไม่จริงเพราะพระยาละแวกหนี ไป ได้ แต่มีการคิดจะทำอย่างนั้นจริง
13.    ถ้าคุณไปเที่ยวเขมรแล้วเห็นพระราชวังเขมรินทร์ คุณอย่าได้อุทานว่าเหมือนของไทยเลย ชาวเขมรจะโกรธมากและไม่ยอมรับ ทั้ง ๆ ที่มันก๊อปมาจากไทยจริง ๆ

14.    ในทางกลับกันชาวเขมรคิดว่าเราก๊อปทุกอย่างไปขากเขมร ซึ่งมันไม่ใช่ทุกอย่างและเราก็ยอมรับว่ายุคสมัยหนึ่งศิลปะเขมรมีอิทธิพล สำหรับเรา
15.    ถ้าคุณไปเที่ยวล่องเรือในโตนเลสาบหรือทะเลสาบเขมร อย่าตกใจที่คุณจะเห็นเด็กลอยในกาละมัง แล้วภายเรือออกมาขอเงินคุณทั้ง ๆ ที่มันไกลฝั่งโคตร ๆ
16.    และถ้าคุณคิดว่าการล่องเรือกลางทะเลสาบเขมร มันจะทำให้โรแมนติก คุณควรทำลายประสาทการรับกลิ่นเสีย
17.    ถึงแม้ว่าชาวเขมรจะชาตินิยมและ หมั่นไส้คนไทย แต่ทีวีเขมรเรตติ้งอันดับ 1 คือละครไทย ยิ่งน้ำเน่าตบกันเท่าไหร่ คนเขมรยิ่งติดเท่านั้น
18.    กษัตริย์องค์ก่อนของเขมร เคยวิจารณ์ละครไทยว่าน้ำเน่าและไร้สาระ(ซึ่งจริงและไม่เถียง) และทรงสงสัยว่าทำไมชอบดูกันจัง และในตอนท้ายของคำวิจารณ์พระองค์ระบุว่า ทรงเหลือบไปเห็นข้าราชบริพารเปิดดูบ่อย ๆ
19.    ถ้าคุณอยากรู้ว่าละครไทย พากษ์เขมรเป็นไง ลองเข้า youtube แล้วค้นคำว่า thai khmer movie นักพากษ์ที่ชาวเขมรชื่นชอบที่สุดคือ มยุรา
20.    การทำละครไทยเวอร์ชั่นเขมร มีทั้งแบบถูกกฎหมายที่คนไทยไปลงทุน และคนเขมรอัดจากหน้าจอโทรทัศน์ไทย แล้วไปพากษ์ปล่อยตามยูทูป
21.    หนังไทย ก็เป็นที่ชื่นชอบของชาวเขมร โดยเฉพาะจากค่าย GTH
22.    ถ้าคุณรวย หน้าตาดีในเขมร และอยากเป็นนักร้อง คุณไม่ต้องเหนื่อยมาก แค่ไปหาเพลงดัง ๆ ภาษาอะไรก็ได้มา เดี๋ยวพี่ต้นสังกัดจะแปลงเป็นเวอร์ชั่นเขมรให้ และคนเขมรก็จะชอบ และคิดว่าตัวเองผลิตงานที่มีคุณภาพดีจัง
23.    ในอดีตไทยคือผู้ลงทุนอันดับ 1 ในเขมร และปัจจุบันเกาหลีใต้กับจีนกำลังแซงเราไปแล้ว (คล้ายไทยที่มีนักลงทุนญี่ปุ่นเข้ามา)
24.    เขมรกำลังจะมีตลาดหลักทรัพย์ โดยการสนับสนุนของเกาหลีใต้
25.    การเรียนภาษาไทยเป็นที่นิยมในเขมร
26.    เยาวชนเขมรส่วนใหญ่ไม่เชื่อเรื่องเขมรแดงหรือฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ คิดว่าเป็นเรื่องที่ชาวตะวันตกแต่งขึ้นดูถูกเขมรว่าป่าเถื่อนและไร้สาระ เพราะหนังสือประวัติศาสตร์ไม่ได้กล่าวไว้ (ก็แน่หล่ะมันเขียนมาเกือบจะ

ร้อยปีแล้ว)
27.    คนเขมรในชนบทห่างไกลใฝ่ฝันที่จะได้อยู่เมืองไทย

28.    ทุกวันจะมีชาวเขมรลักลอบเข้าประเทศไทยวันละอย่างน้อย 10 คน และถูกจับได้ส่งกลับประเทศ 100% จะพยายามหาทางกลับมาอีก
29.    ชาวเขมรคิดว่าสินค้าไทยไฮโซกว่าเวียดนาม และจีน

30.    อย่าเพิ่งชะล่าใจเพราะเวียดนามทำการตลาดแบบถึงลูกถึงคนและแย่งส่วนแบ่งการตลาดจากไทยไปเรื่อยๆ
31.    เศรษฐีเขมรมีเงินมาก แต่ไร้รสนิยม จะสร้างบ้านแต่ละครั้งค่อนข้างเชย เพราะประเทศขาดสถาปนิก วิศวกร สร้างกี่ทีก็ได้ตึกทรงอาณานิคม ทั้ง ๆ ที่เงินมหาศาล
32.    ฝรั่งที่ไปเที่ยวเขมร ชอบมากกับการถ่ายรูปขยะที่กองกันเป็นภูเขาตามข้างทาง และความสกปรกของแหล่งท่องเที่ยวเขมร
33.    อาหารเขมรอร่อยถูกปากคนไทย แต่โคตรสกปรก
34.    ผลผลิตข้าวเขมรน้อยกว่าไทย แต่มีคุณภาพกว่าไทยเพราะไม่ใช้สารเคมี
35.    แมลงทอดที่เรากินกันอยู่ 99.99% มาจากเขมร
36.    อย่าได้คิดตื้น ๆ ว่า ทะเลาะกับเขมรแค่ปิดด่านมันก็อดตาย เพราะ เรามีนักธุรกิจจำนวนมากลงทุนอยู่ในเขมรและสร้างประโยชน์ให้กับประเทศไทยอยู่
37.    เราต้องรักษาความสัมพันธ์กับเขมรไม่ใช่เพราะต้องโอ๋หรือเอาใจ แต่เพื่อเราจะได้เข้าไปทำธุรกิจดึงเงินจากชาวเขมรได้สะดวก ๆ
38.    ทันทีที่เราตัดความสัมพันธ์กับเขมร ไข่ไก่จะพุ่งขึ้นไปราคา 8 บาทต่อฟองและนักธุรกิจไทยจะเจ๊งไม่เป็นท่า
39.    รัฐบาลจีนเคยให้เงินเขมรในการพัฒนาสาธารณูปโภค แต่ด้วยอภิมหาโคตรโกง ถนนหนทางไปไม่ถึงไหน ผิดกับพม่าที่ ได้เงินช่วยเหลือเรี่ยไรการสร้างสาธารณูปโภคแล้วจะรีบสร้างให้เสร็จๆ
40.    ชาวไทยที่อดอยากมาก ๆ จะกินข้าวกับน้ำปลา และชาวเขมรที่อดอยากมาก ๆ จะกินข้าวกับผงชูรส
41.    ถ้าคุณมีแรงงานต่างด้าวเป็นชาวเขมร เลี้ยงดี ๆ แบบให้เกียรติ เขาจะรักคุณไปจนตาย
42.    ชาวเขมร รู้สึกเสียความรู้สึกมากและรังเกียจอย่างแรงที่เห็นการแสดงระบำอับสราของไทย เพราะเป็นศิลปะเขมร(เราก็ยอมรับไม่เคยบอกว่าเป้นของไทยเลย) คนที่มีเลือดเขมรเท่านั้นจึงจะมีสิทธิ์รำอัปสรา >>>หรอ?
43.  กันตรึมเป็นการแสดงพื้นบ้านของจังหวัดอีสานใต้ มีเชื้อสายเขมรสูง(ไม่ได้แปลว่าเขมรชั้นสูง แต่แปลว่าอยู่บนที่สูงที่ดอน และชาวกัมพูชา ชาวไทยเขมรเรียกว่าเขมรต่ำ) ชาวกัมพูชาไม่รู้จักกันตรึม และไม่มีใครในประเทศกัมพูชาเล่นกันตรึมเป็น ชาวเขมรในไทย ยอมรับว่าเป็นเขมร แต่คนละพวกกับ เขมรต่ำ
44.  คนไทยที่พูดเขมรในอีสานใต้ คุยกับคนเขมรกัมพูชาไม่รู้เรื่อง
45.  กัมพูชาเคนส่งคนมาเรียนกันตรึมที่สุรินทร์ แต่ไม่ประสพความสำเร็จเพราะพูดกันไม่รู้เรื่อง และกันตรึมไม่มีแบบแผนในการเรียนที่แน่นอน ต้องเรียนแบบสด ๆ ไม่มีโน๊ต ในการเรียนแน่นอนดังนั้นกันตรึมจึงจัดเป็นศิลปะพื้นบ้านไทยโดยแท้

46.    ดินแดนสุรินทร์ บุรีรัมย์ ศรีษะเกษ เป็นของสยามมาแต่โบราณ โดยมีเจ้าเมืองเป็นชาวกวย หรือ ส่วย ชนชาตินี้ทำหน้าที่ดูแลช้างในพะเนียดหลวงทั้งหมด เฉาะสุรินทร์ มีเจ้าเมืองปกครอง 11 คน บรรดาศักดิ์ พระยาศรีสุรินทร์ภัคดี จางวาง
47.    ในขณะที่เขมร ดำเนินนดยบายชาตินิยมจ๋าอยู่ แต่จำนวนคนที่ศึกษาประวัติศาสตร์เขมรทั้งภาษา วัฒนธรรม อย่างลึกซึ้ง จนเห็นตัวปราสาทแล้วบอกได้เลยว่าสร้างสมัยใดกลับอยู่ในไทย
48.    สมัยที่ไทยปกครองเขมรนั้น กดขี่มาก ไม่แปลกที่เขมรจะชิงชังสยาม
49.    ในจังหวัดชายแดน พระตะบอง เสียมราฐ  ศรีโสภณ ประชาชนเคยถูกห้ามไม่ให้พูดเขมร และเขียนภาษาเขมร ดังนั้นควรทำความเข้าใจประเทศเพื่อนบ้านเราด้วย
50.    นิสัยเขมรแต่ไหนแต่ไร ชอบเล่นทีเผลอ
51.    ประเทศที่รายล้อมไทย หมั่นไส้ไทย เพราะทำตัวฝักใฝ่ตะวันตก และเพิ่งจะมาดำเนินความสัมพันธ์ใกล้ชิดช่างหลัง ๆที่ไทยเข้าไปมีผลประโยชน์ในประเทศเหล่านั้น
52.    ชาวไทย 90 % ไม่รู้และไม่สนใจประวัติศาสตร์ประเทศเพื่อนบ้าน
53.    วิศวกรไทยในอนาคต อาจต้องเข้าไปทำงานในเขมรมากขึ้น เพราะค่าตอบแทนที่จูงใจของชาวเกาหลีใต้ (ตอนนี้ก็ไปบ้างแล้ว)
54.    ในเขมรมีห้างสรรพสินค้าที่ใหญ่ที่สุด ขายสินค้าแบรนจากไทยเป็นส่วนใหญ่ชื่อว่า paragon canbodia แปลว่า เขมรพารากอน หรือพารากอนกัมพูชา มันใหญ่เป็นสองเท่าของเทสโก้โลตัส
55.    ค่าครองชีพสำหรับชาวไทยในเขมร ค่อนข้างสูง
56.    ร้านขายทองในเขมร นิยมเอาเงินสดที่ขายได้ทั้งหมดมามัดเป็นปึก ๆ แล้ววางอวดกันว่าวันนี้ฉันขายได้เท่านี้ โดยไม่กลัวโจรขโมย
57.    อัตราการเกิดอาชญากรรมเขมรน้อยกว่าไทย
58.    ลูกค้าอันดับ 1 ของคาสิโนเขมรคือคนไทย
59.    ของที่ขายที่ตลาดโรงเกลือส่วนใหญ่ มาจากเมืองนอก แล้วมาขึ้นที่ท่าเรือ เมืองไทย แล้วส่งรถบรรทุกไปโรงเกลือเขมรก็ซื้อไว้ แล้วคนไทยก็แห่กันไปซื้อ โดยคิดว่ามันเป็นของบริจาคของชาวต่างชาติ

หมายเลขบันทึก: 470671เขียนเมื่อ 8 ธันวาคม 2011 12:42 น. ()แก้ไขเมื่อ 19 มิถุนายน 2012 19:57 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท