คืนนี้คิดงานไม่ออกจึงออกมาเดินเล่นที่ลานหน้าบ้าน แหงนมองบนท้องฟ้าก็เห็นปรากฏการณ์แห่งความงาม ท้องฟ้ามืดแต่ไม่สนิท เพราะมีพระจันทร์ครึ่งเสี่ยวที่ทอประกายแสงสว่างหม่น และมีดวงดาวเปล่งแสงระยิบระยับบนผืนกำมะหยีแห่งราตรีกาลเป็นเพื่อนกันอยู่ ทำให้เรานึกถึงบทร้อยกรองของคุณเสกสรร ประเสร็ฐกุลที่ว่า
คืนนี้มืดใช่มืดสนิท ดาวดวงนิดยังมีแสง
ขอเพียงลมพัดแรง เถ้ามอดแดงก็จะลาม
ทุ่งนี้รกใช่รกหมด นั่นข้าวสดขึ้นแทรกหนาม
ขอเพียงฝนจากฟ้าคราม ข้าวจะงามทั่วหญ้าคา
นาน...มากที่เราไม่ได้ขึ้นบนยอดภูสวมชุดอ้ายโม่งแล้วไปล้มตัวนอนบนพรมหญ้าเพื่อชื่นชมดวงดาวบนนภา มีละอองน้ำพร่างพรมอยู่รอบตัว อาจจะเป็นค่ำคืนที่หนาวเย็นแต่ก็เป็นสุขในใจ แค่คิด หลับตา และสูดลมหายใจลึก ๆ หัวใจก็ยิ้มได้ แปลกเนอะใจมนุษย์
หลายปีมาแล้วที่เราหลงลืมะไรบางอย่าง ยุ่ง วุ่นวาย วนเวียน หมกมุ่นอยู่กับความปรารถนาในใจ เมื่อเริ่ม...ก็จำเป็นต้องพยายามให้มันจบ ไม่ว่าการจบนี้จะได้บาดแผลจากหนามไม้หรือมีมงกุฎจากมาลามาเป็นรอยจำ
หวังว่าในเวลาอันใกล้นี้ ทุกอย่างจะยุติลง เราจะได้ไปทำตามความฝันของเรา หยุดเคลื่อนไหว อยู่กับความสงบ ไม่ต้องคิดอะไร ไม่ต้องทำอะไร อยู่นิ่ง ๆ ปลดปล่อยความอึดอัด ความหนักสมองทั้งปวง แล้วเราจะไม่หาเหามาใส่หัวอีก (จริง ๆ นะ)
ทะเลใจของคนเอ๊ยใช้อะไรดีล่ะถึงจะถมเต็ม...
ไม่มีความเห็น