ลักษณะของปัญญา
คำว่าปัญญาทุกคนแสวงหา เพราะปัญญาเปรียบดั่งแสงสว่างในโลก จะทำอะไรมักเกิดผลเมื่อมีปัญญา แต่ก็ยังมีคำกล่าวของคนอีสาน ว่า "ปัญญามีบ่อแพ้ เงินสิค้ากะบ่อมี" อย่างไรก็ตามปัญญาย่อมเป็นคุณธรรมคู่กับ ศีล สมาธิ และปัญญา
พระพุทธองค์ทรงตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุคคล ๓ นี้ มีอยู่ในโลก บุคคล ๓ คือใคร คือ
บุคคลปัญญาดังหม้อคว่ำ
บุคคลปัญญาดังหน้าตัก
บุคคลปัญญามากดังหม้องาย
บุคคลปัญญาดังหมอคว่ำ เป็นอย่างไร
บุคคลลางคนในโลกนี้ไปวัดเพื่อฟังธรรมในสำนักภิกษุทั้งหลายเนื่อง ๆ ภิกษุทั้งหลายแสดงธรรมอันงามในเบื้องต้น อันงามในท่ามกลาง อันงามในที่สุด ประกาศพรหมจรรย์พร้อมทั้งอรรถทั้งพยัญชนะแจ่มแจ้งเต็มที่แก่บุคคลนั้น เขานั่ง ณ ที่นั่งนั้นไม่ใส่ใจถึงเบื้องต้น ท่ามกลาง ที่สุดแห่งธรรม กถานั้น แม้ลุกไปจากที่นั่งนั้นแล้ว ก็ไม่ใส่ใจถึง เปรียบเสมือนหม้อคว่ำ นำที่บุคคลราดลงไปบนหม้อนั้นย่อมไหลไปไม่ขังอยู่ ฉันใด บุคคลไปวัดเพื่องฟังธรรม แต่ไม่ใส่ใจในธรรมนั้น เหมือนหม้อคว่ำ
บุคคลปัญญาดังหน้าตักเป็นอย่างไร
บุคคลลางคนในโลกนี้ไปวัดเพื่อฟังธรรมในสำนักภิกษุทั้งหลาย เนือง ๆภิกษุทั้งหลายแสดงธรรม อันงามเบื้องต้น ท่ามกลาง และที่สุด ประกาศพรหมจรรย์ พร้อมทั้งอรรถทั้งพยัญชนะแจ่มแจ้งเต็มที่แก่บุคคลนั้น
เขานั่ง ณที่นั้นใส่ใจทั้งเบื้องต้น ท่ามกลาง และที่สุด แห่งธรรม กถานั้น
เมื่อลุกไปไม่ใส่ใจ เปรียบเหมือนของเคี้ยวต่าง ๆวางรายอยุ่บนหน้าตักของคน เช่น งา ข้าวสาร แปป้ง พุทรา คนนั้นเผลอตัวลุกขึ้นจากที่นั่งนั้น(ของเคี้ยวนั้น) ก็เกลื่อนไปฉันใด บุคคลลางคน ไปวัดฟังธรรมลุกจากที่นั่งแล้วไม่ใส่ใจ เหมือนปัญญาดังหน้าตัก
บุคคลปัญญามากเป็นอย่างไร
บุคคลลางคนในโลกนี้ ไปวัดเพื่อฟังธรรมในสำนักภิกษุทั้งหลาย เนือง ๆ เขานั่งฟังใสใจทั้งเบื้อต้น ท่ามกลาง และที่สุด แห่งพระธรรมกถานั้น แม่ลุกไปแล้ว ก็ใส่ใจไว้เบื้องต้น ท่ามกลาง และที่สุดแห่งธรรมกถานั้น เปรียบเหมือนหม้อหงาย นำที่บุคคลเทลงไปในหม้อนั้น ย่อมขังอยู่ไม่ไหลไป ฉันใดก็ฉันนั้น เปรียบได้ผู้ปัญญามาก
นี้แล ภิกษุทั้งหลาย บุคคล ๓ มีอยู่ในโลก และเราได้เปรียบบุคลลดั่งดอกบัวยังมีสี่เหล่า ปุถุชนก็มี ๔ เหล่าเช่นกัน ๑. ฉลาดมีปัญญามาก ดอกบัวเหนือน้ำต้องแสงตะวันก็จะบานในเช้านั้น ๒ ฉลาดปานกลาง อีกวันต่อมาต้องแสงแดดก็จะบาน ๓.ฉลาดพอแกไขได้ ดอกบัวที่ขึ้นพ้นดินมา ไม่เป็นอาหารเต่าและปลา มีปุ๋ยพอเหมาะสมก็จะเจริญต้องแสงตะวันและบานในวันต่อมา ๔.ฉลาดแบบมองไม่เห็น ดอกบัวที่อยู่ใต้โคลนตม เมื่อขึ้นก็คงจะเป็นอาหารเต๋าและปลา จะเขี้ยวเข็ญสักปานใด ก็ไม่สามารถ เห็นตะวันและบานได้ เป็นต้น
ความคิดเห็น คนเราสอนได้ดีในโรงเรียนที่มีนักเรียนเป็นอุคติตัญญู เหนือน้ำแล้ว แม้อะบายเพียงเล็กน้อยก็เข้าใจได้ และปะทะปรมะ ใต้โคลนตม จะพร่ำสอนสักเท่าใด กิจกรรมมากเท่าใด ก็ไม่สามารถจะสำเร็จผลได้ อ่านไม่ได้ เขียนไม่เป็น พูดไม่ชัด ชุกชน สร้างจุดเด่นในทางที่ไม่ดี ..............ผู้เหล่านี้แล เอวังเจริญพร
ข้อมูลจากพระไตรปิฏก เล่ม ๓๔ หน้า ๙๘
ไม่มีความเห็น