หน้าแรก
สมาชิก
ดร ดุษฏี สีตลวรางค์
สมุด
ดุษฏี
เวทีวันอังคาร
ดร ดุษฏี สีตลวรางค์
สมุด
บันทึก
อนุทิน
ความเห็น
ติดต่อ
เวทีวันอังคาร
ท้าวความไปเมื่อปีการศึกษา 2547 กงไกรลาศวิทยาตัดใจแล้วว่าเราจะเดินทางออกจากปัญหาเก่าซ้ำซาก โดยยินดีที่จะเผชิญกับปัญหาใหม่ที่อาจจะมีในรายทางของการเปลี่ยนแปลง เราได้พร้อมใจกันวางโครงสร้างกลุ่มงานในโรงเรียนเสียใหม่ คือ จัดครูเป็นกลุ่มภารกิจ ทุกกลุ่มภารกิจมีองค์ประกอบบริบูรณ์ในการปฏิบัติงานอย่างสมบูรณ์ เราซอยครูและปัจจัยการบริหารอื่นๆ ให้เท่าเทียมและเหมาะสมกับนักเรียนเป็นรายบุคคล โดยจำแนกเป็น 6 กลุ่มงาน เรียกกันว่า ‘โรงเรียนเล็กในโรงเรียนใหญ่’ หกกลุ่มงานนี้ผูกโยงกันเป็นเครือข่ายกัน โครงสร้างกลุ่มงานแบบนี้ใหม่มากสำหรับเรา เราไม่มีองค์ความรู้เช่นนี้มาก่อน แต่งานที่มีคุณภาพก็ต้องดำเนินไป...ให้ได้...
‘จะทำอย่างไรให้คน(บุคลากร)ได้เรียนรู้ไปในระหว่างการทำงาน’ นี่เป็นโจทย์ใหม่สำหรับ ผอ.
ใช่แล้ว... นิเทศภายใน
แต่จะทำอย่างไรเล่า ในเมื่อเราพ้นยุคเทความรู้ใส่กระโถน เอ๊ย! ไม่ใช่ ‘เทความรู้ใส่สมอง’ ไปแล้ว... อ๊ะ! หรือยังอยู่...
จะอยู่ยุคใดก็ตาม วันนี้กงไกรลาศวิทยากำลังบุกเบิกความรู้ใหม่ แม้ว่าเราจะไปดูงานที่โรงเรียนฝางชนูปถัมภ์และฝางชนูฯก็มาเป็นวิทยากรให้เรา แต่เราก็ลอกฝางชนูฯทั้งหมดไม่ได้ เพราะโจทย์ย่อยของสองโรงเรียนแตกต่างกัน กงไกรลาศวิทยาจะทำอย่างไรจึงจะเติบโตอย่างสง่างาม บนลำแข้งของตนเอง...
ดิฉันนึกได้ถึงองค์กรเอกชนที่ตัวเองเป็นประธานอยู่หลายองค์กร พินิจพิจารณาพบว่า องค์กรเหล่านี้มีโครงสร้างกระทัดรัดพอที่จะปฏิบัติงานให้สำเร็จได้อย่างมีความรับผิดชอบ และผูกโยงกันกับองค์กรลักษณะเดียวกันเป็นเครือข่าย ไม่ขยายตัวเทอะทะ การถักทอแบบนี้มีการเรียนรู้ที่เร็วมากและแก้โจทย์ปัญหาได้ตรงจุดไม่อ้อมค้อม ‘น่าจะเป็นทางออก’ ดิฉันคิด
คำถามที่ท้าทาย คือ การถักทอที่ว่านี้จะทำได้ไหมหนอในหน่วยราชการที่มีกำเนิดมาจากทฤษฎี X และมีโครงสร้างบังคับบัญชาแนวดิ่ง
หน่วยปฏิบัติการในโรงเรียนจะผูกโยงถักทอเป็นเครือข่ายได้อย่างไร การประชุมประจำเดือนที่ราชการกำหนดน่าจะไม่เพียงพอ และรูปแบบการประชุมที่เป็นทางการก็น่าจะไม่เหมาะสมกับการถักทอเครือข่าย ถักทอความคิด ถักทอจินตนาการ ถักทอความไว้วางใจ ดิฉันคิดอยู่หลายวันเหมือนกัน มานึกขึ้นได้ถึง อปริหานิยธรรมของกษัตริย์ลิจฉวี(อ่านว่าลิด-ฉะ-วี) ปิ๊ง!.. ปิ๊งปิ๊ง.. ปิ๊ง! ก่อนอื่นต้องมีคนสักกลุ่มหนึ่งมานั่งคุยกันบ่อยๆ อย่างน้อยสัปดาห์ละหน แลกเปลี่ยนเรียนรู้กัน แล้วจะเป็นใครเล่า ก็ในเมื่อเรายังไม่มีใครที่มีองค์ความรู้ เราไม่มีตำรา และเราก็ไม่มีวิทยากรด้วย
ไม่เป็นไร... ทำปัจจัยเอื้อให้ได้ก่อน จัดเวลาให้ได้ จัดคนให้มาพบกัน ทำให้มีก่อน แล้วต่อไปค่อยทำให้ดี
ดิฉันเลือกหัวหน้ากลุ่มจัดการเรียนรู้ที่เรียกว่าครูใหญ่ เนื่องจากเป็นกลุ่มที่ใกล้ชิดกับงานหลักของโรงเรียนมากกว่ากลุ่มอื่นๆ และน่าจะเป็นกลุ่มที่ยึดติดวิธีคิดเดิมน้อยที่สุด หลังจากที่โยนแนวคิดนี้ลงกลางวง โรงเรียนเล็กก็พร้อมใจกันจัดตารางเวลาของครูใหญ่ทั้งหก ให้มีโอกาสมาประชุมพร้อมกันในช่วงบ่ายของวันอังคาร 3 ชั่วโมง การที่สามารถจัดเวลาทำงานของบุคลากรโดยครูไม่เสียชั่วโมงสอนนับเป็นความสำเร็จครั้งสำคัญของเรา เนื่องจากในโรงเรียนมัธยมทั่วไป ถ้าจะประชุมครูผู้สอนก็จะต้องใช้เวลาหลังเลิกเรียน หรือมิฉะนั้นก็ต้องดึงครูจากชั่วโมงสอน แต่นี่เราสามารถบริหารจัดการเวลาจนจัดประชุมได้ในบ่ายวันอังคาร เราถือว่าเวลาที่เราบริหารจัดการได้นี้เป็นวาระแห่งการปรึกษาหารือและแลกเปลี่ยนเรียนรู้ เราประชุมโต๊ะกลมกัน ไม่มีผู้อำนวยการโรงเรียน ไม่มีครูปฏิบัติการ ไม่มีหัวหน้า ไม่มีลูกน้อง มีแต่คนที่รักโรงเรียน คนที่ศรัทธาต่องานการศึกษา คนที่ศรัทธาต่อพลังการเรียนรู้ ที่มาคุยกัน มาปรับทุกข์กัน มาโมโหใส่กัน มาปลอบประโลมกัน มาบอกเล่าอวดกันว่าใครทำอะไรแล้วแก้ปัญหาได้ มีความสุข เมื่อมีพลังแล้วก็ออกจากห้องไปทำงานต่อ…
จำไม่ได้ว่าในหลายปีมานี้เราคุยอะไรกันบ้าง(มีบันทึกการประชุม) ทราบแต่ว่าเฉพาะตัวดิฉันจะจับกระแสต่างๆ ตลอดสัปดาห์ วิเคราะห์เป็นโจทย์คำถามทั้งระดับยุทธศาสตร์และระดับบริหารจัดการ ยังไม่มีคำตอบสำเร็จรูปว่าต้องมีวิธีการหรือแนวทาง(APPROACH)อย่างไร ก็แค่โยนโจทย์ลงกลางวง แลกเปลี่ยนกันไปมาด้วยข้อมูลจริงจากสนามของครูใหญ่ ดิฉันฟัง...และมักจะมองเห็นแนวทางก่อน(ตามประสาผู้รู้ราตรีนาน) ไม่รอช้า...ทดลองเสนอในทันใด ที่ประชุมตกแต่งติติงกัน ตามหลักการของเรา คือ ‘ผู้ที่รับผิดชอบคือผู้ที่สิทธิพูด’ ถ้ายังไม่ลงตัวเราจะแขวนไว้ก่อน จังหวะดีๆ ก็จะยกเรื่องที่แขวนนี้ขึ้นมาคิดใหม่ ถ้าโจทย์ใดพอจะลงตัวก็แบ่งงานกัน ดิฉันทำในส่วนยุทธศาสตร์และบริหารระบบ ครูใหญ่นำระบบไปปฏิบัติโดยหาวิธีปฏิบัติเองและเก็บข้อมูลเชิงประจักษ์กลับมาประเมินคำตอบที่เราแก้โจทย์ จากนั้นจะปรับปรนไปเรื่อยๆ จนกว่าจะลงตัว สร้างนวัตกรรมที่ทำให้โรงเรียนประสบความสำเร็จในการพัฒนานักเรียนมากจริงๆ มากอย่างไม่เคยมีมาก่อน นอกจากนี้เรายังทำได้เป็น SCALE ที่ใหญ่ด้วย ในขณะที่ที่อื่นทำกันเป็นชุมนุม เราทำได้ทั้งโรงเรียน มาวันนี้นวัตกรรมเหล่านั้นก็ได้กลายเป็นองค์ความรู้ที่พวกเราชาว กล. ภูมิใจ
เวทีที่สอง พัฒนาได้ในวันเวลาที่ใกล้เคียงกับเวทีวันแรก ได้แก่ เวทีงานจัดการเรียนรู้(6โรงเรียนเล็ก)ในวันพฤหัสบดี อันที่จริงน่าจะเป็นเวทีแรกที่เราพัฒนาได้เมื่อเราจัด STAFF OFFICE และยกเลิกห้องพักครู เวทีนี้เป็นเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ของครูประจำชั้น ไม่ค่อยเป็นทางการ(แต่มีบันทึกการเรียนรู้ของเวที)เพราะมีเวลาในสำนักงานโรงเรียนเล็กทั้งวัน เวทีนี้ได้ทำให้การกระจายอำนาจถึงตัวครูประจำชั้นเป็นรายบุคคลบังเกิดผล เป็นเวทีที่ถอดความรู้จากการทดลองใช้นวัตกรรมจากเวทีแรก เราค้นพบครูที่ดีจากเวทีนี้
มาวันนี้เราพบว่า เวทีวันอังคารได้สร้าง
เครือข่ายการพัฒนาเยาวชนในโรงเรียน
ขึ้นมา โดยที่ดิฉันไม่ทันสังเกตเห็น เหมือนผลไม้ที่เกิดแฝงตัวอยู่ใต้ใบบัง ดิฉันรดน้ำพรวนดินไปตามประสา มาสำเหนียกอีกที่ก็เก็บเกี่ยวได้แล้ว เครือข่ายพัฒนาตัวมันเองเพราะงานการศึกษานั้นมีโครงสร้างเป็นเครือข่ายอยู่แล้ว เมื่อเราจัดกลุ่มภารกิจสอดคล้อง มีเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ เครือข่ายก็ปรากฏเหมือนผลไม้ที่ปรากฏหากเราปลูกและดูแลถูกต้อง
อร่อยด้วย...
เป็นอันว่า การนิเทศภายในของดิฉัน คือ การสนับสนุนให้มีเวทีไว้ก่อน จากนั้นก็ค่อยๆ พัฒนาไป ให้เวลาและการปฏิบัติเป็นปัจจัยแห่งความสำเร็จ นี่ก็เป็นความรู้ใหม่ของเรา ประสบการณ์ที่กงไกรลาศวิทยา แสดงแก่ดิฉันว่า ครูของเรา นักเรียนของเรา พ้นจากสภาพ ‘อ่อนแอ แบเบาะ เปราะบาง’ ไปนานแล้ว เป็นอันว่า เราสร้างปัจจัยแห่งชุมชนนักปฏิบัติได้แล้ว ส่วนจะเป็นนักปฏิบัติได้จริงๆ เมื่อไร...ก็แล้วแต่...เหตุปัจจัย
เวทีวันอังคารและวันพฤหัสฯ เป็นการถักทอมิติเดียว คือแนวราบ ยังมีอีกสามเวทีที่พัฒนาขึ้นได้ภายหลัง ติดตามนะคะ
เขียนใน
GotoKnow
โดย
ดร ดุษฏี สีตลวรางค์
ใน
ดุษฏี
คำสำคัญ (Tags):
#ครูเพื่อศิษย์
#นิเทศ
#บริหาร
#แลกเปลี่ยนเรียนรู้
หมายเลขบันทึก: 469024
เขียนเมื่อ 22 พฤศจิกายน 2011 13:49 น. (
)
แก้ไขเมื่อ 19 มิถุนายน 2012 12:49 น. (
)
สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการ
จำนวนที่อ่าน
จำนวนที่อ่าน:
ความเห็น (0)
ไม่มีความเห็น
ชื่อ
อีเมล
เนื้อหา
จัดเก็บข้อมูล
หน้าแรก
สมาชิก
ดร ดุษฏี สีตลวรางค์
สมุด
ดุษฏี
เวทีวันอังคาร
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID
@gotoknow
สงวนลิขสิทธิ์ © 2005-2023 บจก. ปิยะวัฒนา
และผู้เขียนเนื้อหาทุกท่าน
นโยบายความเป็นส่วนตัว (Privacy Policy)
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท