หลักความเป็นจริง

เรื่องที่ควรรู้

                      " เมื่อฉันอยากเป็นครูวิทยาศาสตร์  "

มีครูท่านหนึ่งบอกกับฉันว่า

  "สิ่งแรกที่ควรรู้ เข้าใจและสามารถอธิบายได้ จำเป็นมากที่ฉันจะต้องแยกความแตกต่างออกให้ได้ เมื่อฉันเกิดการเรียนรู้ ฉันจะต้องนำไปแบ่งปันให้กับผู้อื่นต่อไป"

 จริงไหม ? ที่มีใครหลายคนนำเอาคววามคิดเห็นของตนเองไปเป็นข้อเท็จจริง แล้วข้อเท็จจริงคืออะไรกันนะ

1.ข้อเท็จจริง (Fact)  หมายถึง ข้อคิดเห็นเกี่ยวกับเหตุการณ์ เรื่องราวความเป็นมาหรือความเป็นอยู่ตามความเป็นจริง อาจเป็นความรู้ที่ได้จากการทดสอบ สามารถนำมาใช้เป็นหลักฐานข้ออ้างอิงสำหรับกล่าวอ้างในการพิสูจน์สิ่งใดสิ่งหนึ่งได้

สรุปแล้วข้อคิดเห็นเป็นความคิดส่วนบุคคลส่วนข้อเท็จจริงเป็นเรื่องที่พิสูจน์ได้แล้วว่าเป็นจริงหรือเป็นเท็จนั่นเอง ไม่รู้ว่าฉันเข้าใจถูกรึเปล่านะ

  แล้วกฎล่ะ จำเป็นไหม?ที่จะต้องคงอยู่ตลอดไป

 2.กฎ (Law)  หมายถึง หลักการอย่างหนึ่งที่มักจะเน้นในเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเหตุและผล สามารถทดสอบกี่ครั้งก็ได้ผลเหมือนเดิมทุกครั้ง แต่ถ้าผลการทดลองใดที่ขัดแย้งกับกฎ กฎนั้นจะถูกลบล้างไป

 ความจริงแล้วต่อให้เป็นกฎก็เถอะนะหากว่ามีใครพิสูจน์แล้วไม่ได้ผลเหมือนเดิมหรือมีข้อขัดแย้งที่สามารถอธิบายได้ดีกว่าแล้วล่ะก็ กฎนั่นก็ต้องถูกเปลี่ยนไปหรือถูกทิ้งไปโดยปริยาย 

  ถ้าหากว่าเรามีจิตนาการเห็นภาพไปพร้อมๆกับการเรียนล่ะเขาเรียกกันว่าอะไร?  แล้วศัพท์ที่บัญญัติใหม่ที่ฉันพึ่งจะเข้าใจมีความแตกต่างกันอย่างไร?

3.ความคิดรวบยอด (Concept) หมายถึง ความรู้สึกนึกคิด ความเข้าใจความคิดเห็น หรือภาพสุดท้ายที่เกิดจากสิ่งเร้า หรือเหตุการณ์ของบุคคลที่ได้จากการเรียนรู้ในลักษณะของสิ่งนั้น  อันเกิดจากประสบการณ์ที่เคยได้รับมาในสิ่งนั้น หรือเรื่องนั้นในหลายๆแบบมีลักษณะเป็นนามธรรม โดยกระบวนการสร้างความคิดรวบยอดประกอบด้วย  การรับรู้ การจัดประเภท การแยกแยะและการสรุปครอบคลุม

 จะว่าไปแล้วก็ไม่ได้ต่างกันมากมายนักเพียงแต่จิตนาการเกิดขึ้นขณะที่เรารับรู้ แต่ความคิดรวบยอดเราเก็บเอาจิตนาการต่างๆมาตัอต่อ ตกแต่ง ให้สวยงามมากขึ้นต่อการเก็บข้อมูลเท่านั้นเอง ไม่รู้จะอธิบายได้เข้าใจรึเปล่านะ

  กฎกับทฤษฎีมีข้อแตกต่างกันนะ แล้วต่างอย่างไรล่ะ?

4.ทฤษฎี (Theory) หมายถึง สมมติฐานที่สามารถตรวจสอบได้หลายๆครั้ง สามารถใช้อธิบายข้อเท็จจริงสำหรับเหตุการณ์ที่สามารถเกิดขึ้นได้อีก การจะยอมรับว่าเป็นทฤษฎีหรือไม่ อาศัยเกณฑ์การพิจารณา 3 ประการดังนี้

 1. ทฤษฎีต้องอธิบายกฎ หลักการ ข้อเท็จจริง ของเรื่องราวที่อยู่ในขอบเขตของทฤษฎีนั้นได้

 2. ทฤษฎีต้องคาดคะเนตามหลัการออกไปเป็นกฎ หรือหลักการบางอย่างได้

 3. ทฤษฎีจะต้องทำนายปรากฎการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นได้

 ความจริงก็เป็นแบบนี้เอง ในขณะที่เราคิดว่าเหมือนกลับมีอะไรที่แตกต่างส่อนอยู่ แล้วในความแตกต่างกลับเจอบางอย่างที่แอบเหมือน นี่สินะที่เขาเรียกกันว่าหลักความเป็นจริงที่ไม่สามารถถกเถียงหรือโต้แย้งกันได้ 

            ฉันพอจะมีแววของความเป็นครูวิทยาศาสตร์อยู่บ้างรึเปล่านะ?