ทุจริตทางวิชาการครั้งใหญ่ โดยยกเมฆข้อมูล ในที่สุดก็ถูกจับได้
วารสาร Science ฉบับวันที่ ๔ พ.ย. ๕๔ ลงข่าว Psychologist Accused of Fraud on ‘Astonishing Scale’ เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในเนเธอร์แลนด์ ศาสตราจารย์ผู้ก่อเหตุชื่อ Diederik Stapel แห่งมหาวิทยาลัย Tilburg ก่อผลสะเทือนแก่มหาวิทยาลัยเก่าที่เคยทำงานคือมหาวิทยาลัย Groningen และมหาวิทยาลัยที่เรียนจบปริญญาเอก คือมหาวิทยาลัย Amsterdam ว่าเคยก่อกรรมแบบเดียวกันไว้หรือไม่
วิธีการคือ ยกเมฆข้อมูลขึ้นมาโดยไม่ได้ทำการทดลองจริง โดยอ้างว่าตนเป็นผู้ดำเนินการทดลอง หรือมีข้อมูลเก่า เอามาให้นักศึกษาหรือผู้ร่วมงานวิเคราะห์ ข่าวบอกว่า นศ. ป. เอกของศาสตราจารย์ผู้นี้ บางคนจบออกไปโดยไม่เคยเห็นแหล่งข้อมูล ไม่เคยทำการทดลองและเก็บข้อมูลเองเลย และเมื่อผู้ร่วมงาน บางคนขอดูแหล่งข้อมูลที่เอามาให้วิเคราะห์ ก็ถูกข่มขู่หรือบ่ายเบี่ยง แต่ในที่สุดก็มีนักวิจัยใหม่ ๓ คนร้องเรียน ต่อทางมหาวิทยาลัย และมีการสอบสวนอย่างจริงจังรวดเร็ว
และทีมสืบข้อเท็จจริงก็แถลงข่าว ผลเบื้องต้นของการสืบข้อเท็จจริง แก่สังคม ดังข่าวที่ Science นำมาลง และเมื่อค้นชื่อด้วย Google ก็พบว่า Wikipedia เอาเรื่องราวการทุจริตไปลงไว้เรียบร้อยแล้ว ที่นี่
เราจะเห็นว่า การจัดการเมื่อเกิดข้อสงสัยว่ามีการทุจริตทางวิชาการในประเทศตะวันตก กับในบ้านเรา ต่างกันแบบหน้ามือกับหลังมือ ในบ้านเรามักทำเป็นความลับยิ่งยวด “เพื่อป้องกันความเสื่อมเสียของบุคคลและ สถาบัน” และเมื่อได้ความว่ามีการทำผิดจริงก็ยังไม่ค่อยลงโทษจริงจัง
แนวทางดำเนินการต่อการทำทุจริตทางวิชาการในบ้านเรา จะทำให้คนกล้าเสี่ยงที่จะทำผิดมากกว่าในต่าง ประเทศ ซึ่งจะเห็นว่า แม้เขาเอาจริงเอาจังกับการไต่สวนลงโทษ ก็ยังมีคนทำทุจริตให้จับได้อยู่เนืองๆ
วิจารณ์ พานิช
๕ พ.ย.๕๔
เห็นด้วยกับอาจารย์วิจารณ์ การดำเนินการตรวจสอบเรื่องแบบนี้ในมหาวิทยาลัยของบ้านเรา ไม่มีการเอาจริงเอาจัง หาคนเอาธุระยาก ได้แต่พูดๆ กันว่ามีอย่างนั้นอย่างนี้
ส่วนบรรณาธิการวารสาร ก็บอกว่าเขาไม่สามารถตรวจสอบได้ จึงต้องรับตีพิมพ์ไป
ปฎิวัติระบบวัฒนธรรมการลงโทษ กรณีทุจริตทางวิชาการของทุกมหาวิทยาลัยน่าจะดีเหมือนกันนะครับ ;)...