5 พย.54 ออกเดินทางโดดเดี่ยวจากบ้านดู่ เชียงราย แต่เช้า 6.30 น.โดยรถยนต์กะบะส่วนตัวถึงเชียงใหม่ รถติดเพราะเราเลือกเส้นทางผ่านเมืองจากฝั่งอาเขตสัดไปสนามบิน เป้าหมายคือตลาดเกษตรหายยา ถึงร้านเสื้อสุนัขก็เกือบ 10.00 น. ของยังจัดไม่เสร็จ เราก็มีโวยเล็กน้อยพอนึกได้ไม่มีประโยชน์หิวก็หิวเลยเดินออกมาหาอาหารตามสั่งกิน อยู่ไกล้กับร้านที่เราสั่งของ ข้าวไข่เจียวตัดสินใจสั่งเพราะดูท่ายังไงก็กินได้ อร่อยแน่นอน ผิดคาดไข่เจียวร้านนี้แย่กว่าแม่บ้านเราเสียอีก สะใจตรงปริมาณที่ล้นจาน กินไม่หมดเสียดายของ สงสัยตอนเราสั่งน่าจะมีใบหน้าหิวบวกโมโหร้านเสื้อสุนัขที่จัดของไม่เรียบร้อยทั้งๆที่โทรแจ้งส่วงหน้าแล้ว
ช่างมันได้ของแล้วก็เดินทางต่อ เป้าหมายต่อไปคือบ้านทา ลำพูนบ้านเกิดของเรา รับพี่ดอกไม้กับเพื่อนไปขึ้นบ้านใหม่พี่ฝากฝันเมืิงเทพสถิตย์ จังหวัดชัยภูมิด้วยกันด้วยรถของพี่ แต่ว่ายังมีภาระกิจของพี่นงคราญพี่สาวอีกคนที่ให้ไปฉีดยามะเร็งช่องคลอดให้สุนัขที่บ้าน ทำเวลาน่าดู ช่างบังเอิญที่บ้านพี่นงคราญมีหลานๆเต็มบ้านสี่คนกำลังสนุกกัน รวมทั้งพี่นันทาพี่สะไภ้ก็พา คินคุง หลานคนโปรด เพราะมีคนเดียวอยู่ มารวมเล่นกับหลานพี่นงคราญ มองผ่านเข้าไปในสวนมีการเก็บสำไยใส่สาร อยากกินถามพี่นงคราญว่าเป็นขายเหมาก็เลยไม่กล้าไปขอกิน ทำภาระกิจรักษาสุนัขเสร็จก็ฝากรถไว้บ้านพี่นงคราญแล้วเดินทางมาหาพี่ดอกไม้เพื่อขับรถไปกันเลย ที่ไหนได้พี่ดอกไม้ยังพาเพื่อนไปกินก๋วยเตี๋ยวอยู่เลย รอๆๆ จนพร้อมเดินทางก็เกือบจะเที่ยงวันแล้ว เมื่อพร้อมแล้วการเดินทางแสนไกลก็เริ่มขึ้น
ประมาณเที่ยงวันรถเก๋งวีออส ออกจากบ้านหนองยังฟ้า อำเภอแม่ทาลำพูน ผ่านสำปางแวะเดิมน้ำมัน เราก้อทำที่เข้าร้านสดวกชื้อหาหมากฝรั่งมาเคี้ยว ถ้าหมากไทยคงฆ่าพยาธิได้หลายตัว รอจนพี่จ่ายค่าน้ำมันเสร็จก็ออกจากร้าน ไม่อะไรหรอกครับร้านไม่มีแบ้งค์ร้อยเลย เด็กร้านเขาเสียเวลานับใบละยี่สิบให้เก้าร้อยมันเลยช้า แต่เพื่อให้สนุกก็หยอกพี่ว่าชื้อหมากฝรั่งถูกกว่าน้ำมัน..
จากสำปางเดินทางต่อถึงเด่นชัยถนนก็มีการซ่อมสร้างกันตลอดที่เป็นแนวเขาที่มีหินร่วง อย่างไรก็ดีรถก็ยังวิ่งฉิวถึง ปั๊มปอตอทอแยกไปวังทองนั่งพักกินอาหารเบาๆและเข้าห้องน้ำ พอหายเมื่อยช่วงแรกเราก็เดินทางกันต่อเลี้ยวซ้ายไปวังทองถึงวังทองเลี้ยวขวาขับยาวจนถึงบึงสามพัน เสี้ยวเข้าวิเชียรบุรี ระหว่างทางพี่สาวทั้งสองก็ร้องเพลงจ้อย ซอ อนุรักษ์คำเมืองเตรียมว่าถ้าถึงบ้านใหม่จะได้ขับขานอย่างไพเราะเพราะพริ้ง เราขับไปฟังไปก็ไม่ง่วงเสียงร้องพี่แจ๋วเพื่อนพี่ดอกไม้ใสมากๆ น่าจะเป็นนักร้องสบายๆ ทั้งนี้เราไม้ต้องหันกลับไปมองนะ ไม่งั้นความไพเราะใส จะเปลี่ยนใป เพราะวัยไม่ใสเท่าไหร่ 555 ถนนบางช่วงมีหลุมบ่อมากจนหลบไม่ได้น่าสงสารเจ้าวีออส มีอยู่ช่วงมีเสียดังเหมือนโดนยิงด้วยหนังสะติ๊ก หรือกอ้นหินเล็กๆ ทั้งๆที่ไม่มีรถสวน ชึ่งมาทราบจากพี่ดอกไม้ภายหลังว่าที่คิวกันกระแทกของประตูหลุดไปหนึ่งอัน
เราแวะหาชื้อเสื่อปูนอนกันเพราะเข้าใจว่าเจ้าของบ้านจะให้นอนเต้นท์เอาบรรยากาศ แวะที่ตลาดระหว่างทางที่วิเชียรบุรี เพื่อชื้อเสื่อปูนอนในเต้น แต่ไม่มี ได้ของกินยามเย็นมารองท้องกัน กะว่ายังไงจะถึงที่หมายสัก 6 โมงเย็น แต่ อนาคตเราไม่รู้ว่าจะเจออะไร...หลังจากผ่านวิเชียรบุรีท้องฟ้าเริ่มสวยเป็นสีทอง ดวงอาทิตย์สาดส่องผ่านยอดอ้อยและเนินเขาสวยงาม พี่แจ๋วก็รีบบันทึกภาพ ส่วนพี่ดอกไม้ก็โทรหาเครือข่าย ปางสีฝุ่นว่าถึงไหนแล้ว ทราบว่าอยู่ชัยบาดาล เกือบถึงที่หมายแล้ว..
ถนนเริ่มเล็กลงความคิดเริ่มสับสนผู้นำทางอย่างพี่ดอกไม้เริ่มเป๋คล้อยไปตามแสงอาทิตย์ที่ลับขอบฟ้า สติเริ่มขาดการบังคับไตร่ตรอง บ่นกับถนนว่าไปถูกหรือไม่อย่างไร ประกอบการโทรถามเครือข่ายก็ไม่บอกแบบให้สบายใจ พี่ดอกไม้ออกอาการขุนในอารมณ์ พี่แจ๋วต้องปลอบใจ เราก็พยายามให้ค่อยๆคิด และจอดถามข้างทาง ซึ่งวันนี้เป็นวันดีเสาร์ห้ามีงานแต่งงานข้างทางหลายคู่ น่าจอดแวะมั่วเข้าไปกินโต๊ะจีนให้อิ่มหนำสำราญแล้วเดินทางต่อ ทั้งสามคนก็ใช้ความเป็นวันดีว่ายังไงเราก็ไปถึงแน่แค่มันมืดมองไม่เห็นเสันทางและป้ายนำทางเท่านั้นเอง และคำตอบสุดท้ายที่ลุงฝากฝันบอกทางก็คือให้ถึงชัยบาดาลแล้วเลี้ยวต่อให้ถึงลำสนธิ ขึ้นเขาให้ถึงเทพสถิตย์ก็แล้วกันถึงแน่นอน
สามชิวิตกับรถเก๋ง ฝ่าความมืดลุ้นหลักกิโลเมตรตลอดด้วยสายตาวัยครึ่งร้อยกันทั้งหมด ช่วงไหนหญ้าขึ้นมากมองเห็นหลักไม่ชัดก็จะมีการต่อว่ากรมทางบ้าง ชาวบ้านท้องถิ่นมั่งว่าปล่อยให้รกคลุมได้ยังไง หาเรื่องไปเรื่อยครับ ถนนก็มีหลุมเป็นช่วงๆ ประกอบกับรถยนต์การเกษตรที่ไม่มีไฟท้าย รถเกี่ยวข้าวที่โผล่ที่เกี่ยวออกด้านข้างกะบะก็น่ากลัว เสียงเพลง จ้อย ซอ หายไปพร้อมกับความกังวนเรื่องเส้นทาง และกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งเมือเดินทางมาถึงลำสนธิ แวะพักปั๊มน้ำมันปอตอทอ สอบถามเส้นทางดูแผนที่ที่เขาติดไว้ แล้วก็เดินทางขึ้นเขาอย่างที่ปางสีฝุ่นบอกไว้ ไม่กี่อึดใจก็ถึงเทพสถิตย์พอเห็นตลาดพี่ดอกไม้ให้จอดแวะชื้อเสื่อกก ได้ผ้าหมมาด้วย ได้ของที่ต้องการ ก็เดินทางต่ออีกหน่อยก็แยกเลี้ยวซ้ายเข้าเส้นทางทุ่งดอกกระเจียวแต่เข้าไปแค่ 12 ก.ม. ก็เลี้ยวเข้าสวนลุงฝากฝันตามป้ายเล็กๆที่พี่ดอกไม้แชวว่าถ้าเป็นลุงไปบ้านคนอื่นป้ายเล็กอย่างนี้เป็นโดนติ...
ถนนฝุ่นดินขาวระยะทางสักหนึ่งกิโลเมตร ก็มีทางแยกป้ายก็เล็กกว่าเก่า มีลูกศรทับกันให้สงสัยอีกต่างหาก จอดมองให้ชัดจึงตัดสินใจเลี้ยวซ้าย เจอทางเข้าประตูไม้ไผ่ โย้เย้ เลยเข้าไปเป็นทางแยกให้งง เพราะความมืด และถนนที่มีก้อนหินขนาดใหญ่ไม่เหมาะกับเก๋งเล็กๆจะเข้าไปได้ อาจติดขูดท้องรถได้ พี่ดอกไม้ใช้โทรศัพย์อีกครั้งก็ได้รับคำยืนยันว่ามาถูกต้องแล้ว..ไชโย..ถึงแล้วไร่ฝากฝัน..มันจะเกิดอะไรขึ้นอีกนะ...
เมื่อรถเราจอดทุกคนกำลังงงๆกับสถานที่ ออกจากรถยืดเส้นยืดสายคสายความเมื่อย เก้ๆกังๆ สักพักลุงฝากฝัน ก็ออกมาต้อนรับ ทักทายพาพวกเราไปเข้ากลุ่มปัญญาไทย พอได้ที่นั่งเรียบร้อย ก็มีการเสริฟน้ำหมากเม่าและข้าวหลาม..กับบรรยากาศที่หาไม่ได้ในความอบอุ่นกรุ่นไอไมตรีจิต...
ไม่มีความเห็น