บุญเป็นที่พึ่งในชาติหน้า
ที่พึ่งของสิ่งมีชีวิตย่อมมีทั้งในปัจจุบันและอนาคต บางสิ่งบางอย่างเป็นที่พึ่งชั่วคราว บางอย่างเป็นที่พึ่งตลอดชีวิต บางอย่างเป็นที่พึ่งในชาตินี้ บางอย่างเป็นที่พึ่งในชาติหน้า ในทางพระพุทธศาสนา สอนว่า บุญกุศล เป็นที่พึ่งอันประเสริฐของมนุษย์โลก (พระไตรปิฏกเล่ม ๓๔ หน้า ๒๑๔)
ชีวิตถูกชรานำเข้าไปใกล้ความมีอายุสั้น ผู้ที่ถูกชรานำเข้าไปใกล้แล้ว ย่อมไม่มีที่ต้านทาน เมื่อบุคคลเล็งเห็นภัยในความตายนี้ ควรทำบุญทั้งหลายอันนำความสุขมาให้ ความสำรวมทางกาย ทางวาจา และ ทางใจ ในโลกนี้ ย่อมเป็นไปเพื่อความสุขแก่ผู้ที่ละโลกนี้ไปแล้ว ผู้ซึ่งสร้างสมบุญไว้แต่เมื่อยังมีชีวิตอยู่
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน ในเมืองสาวัตถี มีพราหมณ์ ๒ คน เป็นคนชรา มีอายุ ๑๒๐ ปี ได้ชวนกันไปเฝ้าพระผู้พระภาคเจ้า ได้กราบทูลถามว่า.....
ข้าแต่พระพุทธเจ้า ผู้เจริญ พวกข้าพระองค์เป็นพรามหณ์ชรา แล้ว แต่กาลเวลาที่ผ่านมาไม่ได้สร้างบุญกุศล มิได้ทำกรรมอันเป็นที่ต้านทานความขลาดไว้
ขอพระองค์ ทรงสั่งสอนพวกข้า เพื่อประโยชน์และความสุขแก่พวกข้าพระองค์สิ้นกาลนานเถิด
พระพุทธองค์ตรัสว่า...ดูก่อนพรามหณ์ ที่แท้ พวกท่านเป็นคนชรา ล่วงกาลมาแล้ว ไม่ได้บำเพ็ญบุญกุศล และคุณความดี มิได้ทำกรรมอันเป็นที่ต้านทานความขลาดไว้(ขลาด คือกลัวตาย)
ดูก่อนพรามหณ์ โลกนี้มีชาติ ชรา พยาธิ มรณะ นำเข้าไปอยู่แล เมื่อ ชรา พยาธิ มรณะ เข้าใกล้อยู่เช่นนี้ " ความสำรวมทางกาย ทางวาจา ทางใจ ในโลกนี้ ย่อมเป็นที่ต้านทาน เป็นที่เร้น เป็นที่เกาะ เป็นที่พึ่ง เป็นที่ยึดหน่วงของเขาผู้ละไปแล้ว" ความสำรวม คือ การบำเพ็ญสมาธิภาวนา เสมอ ๆ โดยทางกาย ยืน เดิน นั่ง นอน ให้พิจารณา โดยทางวาจา สวดไหว้พระ มีสติกำกับเมื่อพูด ทุกครั้ง โดยทางใจ กำหนดรู้ความเกิดแก่เจ็บตาย เป็นมรณะ เสมอเถิด
ไม่มีความเห็น