การทำความดี


การทำความดี

การทำความดี

ถ้ามีคนถามว่า...การทำความดีนั้นยากหรือไม่?...ผู้เขียนไม่สามารถตอบได้ว่ายากหรือไม่ยาก เพราะทั้งนี้ “น่าจะขึ้นอยู่กับจิตใจของแต่ละคนว่าเป็นเช่นไร?” ...แต่ถ้าหมายถึงตัวของผู้เขียนเองแล้วล่ะก็ “คิดว่าไม่ยาก” และทุกวันนี้ก็ได้ทำความดีกับทุก ๆ คน กับครอบครัว กับตนเอง กับผู้บังคับบัญชา กับเพื่อนรอบข้าง กับน้อง ๆ ในที่ทำงาน...นั่นคือ การทำจิตใจให้เบิกบาน สดใส มีความสุข แค่เพียงคิดว่า “คิดดี พูดดี ทำดี” เท่านี้ก็ถือว่าตัวเราเองทำความดีแล้ว...

สำหรับคำพูดและการกระทำของตัวเราก็ต้องไม่ไปกระทบหรือทำร้ายคนอื่นด้วย คือ ไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อนและนอกจากนั้นตัวเราก็ยังต้องสามารถทำตัวให้เป็นที่พึ่งพาให้คนอื่นได้อยู่อย่างเป็นสุข หรือที่เรียกว่า “อยู่ให้ตัวเองมีความสุขในขณะเดียวกันก็ช่วยให้คนอื่นเป็นสุขด้วย”

มีน้อง ๆ ในที่ทำงาน บอกกับผู้เขียนว่า “ทำไมผู้เขียนจึงไม่เหมือนกับผู้บริหารคนอื่นที่เคยได้อยู่มา”...ผู้เขียนถามเขาว่า “เป็นอย่างไร” น้องท่านนั้น บอกว่า “เห็นผู้เขียนทำตนแล้ว น่าศรัทธา มีหลักการ มีเหตุผลในเวลาทำงาน ไม่ใช้ความรู้สึกส่วนตนในเวลาทำงานและดูเหมือนคนไม่มีความทุกข์” ผู้เขียนเลยบอกน้องท่านนั้นว่า “ก็ไม่รู้ว่าจะทุกข์ไปทำไม การมีทุกข์ไม่ใช่ดีต่อจิตใจ + ร่างกาย” แค่รับรู้ว่า “ทุกวันนี้ เราคือใคร มีหน้าที่เช่นไร และถูกมอบหมายให้ทำอะไร เท่านี้ ก็ถือว่าได้ทำหน้าที่ของตนเองเกี่ยวกับเรื่องงานและเรื่องส่วนตัวในแต่ละวันแล้ว” เพราะนิสัยส่วนตัวของผู้เขียนจะไม่ทำอะไรที่นอกเหนือที่ตนเองจะกระทำ เช่น ผู้เขียนเป็นผู้หญิง ในความเป็นจริงของผู้หญิงจะชอบมีนิสัย “พูดมาก จู้จี้ ขี้บ่น” แต่สำหรับผู้เขียนจะพูดก็เฉพาะเรื่องงาน (ถ้าเป็นเรื่องส่วนตัวก็จะพูดคุยและเล่าสู่ให้กันฟังถึงความตลก เรื่องจรรโลงสร้างสรรค์มากกว่าที่จะนินทา หรือให้ร้ายป้ายสีถึงคนในครอบครัวหรือคนรอบข้าง)...

การพูดถึงเรื่องตลก + เรื่องที่สร้างสรรค์...จะทำให้จิตใจเราและคนรอบข้างสบายใจ แต่ถ้าเป็นเรื่องความทุกข์ ก็จะพูดเพื่อหาแนวทางในการแก้ไขปัญหามากกว่า ถ้าเป็นเรื่องที่ซุบซิบ นินทา ผู้เขียนจะขอ bye เพราะคิดว่า ไร้สาระและไม่เกิดประโยชน์ต่อตนเอง ต่อสังคมหรือต่อผู้ที่ได้ยิน ได้ฟัง...และจะทำหน้าที่ คล้าย ๆ กับ ศิราณี เพื่อเป็นที่ปรึกษาให้กับน้อง ๆ หรือผู้อื่นที่มาขอคำปรึกษา แนะนำ...(หรือเพราะว่าการที่ได้ทำงานเกี่ยวกับเรื่องงานบุคคลมานานมันจึงฝังเข้าไปอยู่ในสายเลือดเสียแล้ว...เพราะงานบุคคล เป็นงานที่เกี่ยวกับการหาคำตอบให้กับผู้ที่ต้องการหาคำตอบที่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อตนเองให้มากที่สุด)...เมื่อตัวผู้เขียนทำหน้าที่แบบนี้อยู่เสมอ จึงทำให้ตนเองกลับรู้สึกมีความสุขที่ได้ให้คำอธิบาย คำปรึกษา เพราะคนบางคนก็หมดหนทางแก้ไขปัญหาเอาดื้อ ๆ...สำหรับการให้คำปรึกษา ต้องไม่ทิ้ง “หลักการ” + “ความมีเหตุผล” เพราะถ้าทิ้งทั้ง 2 เรื่องนี้แล้ว จะไม่เป็นผลดีต่อตนเองและต่อผู้ที่มาขอคำแนะนำได้

สำหรับในเรื่องของการคิด ก็จะคิดในเชิง “สร้างสรรค์” มากกว่า “คิดลบ” เพราะสังเกตจากความคิดของตนเอง อะไรที่เป็นเรื่องที่ติดลบจะไม่คิด แต่ถ้าเป็นเรื่องที่ดี + ก่อให้เกิดการพัฒนา ก็จะนำมาคิด เรียกว่า “คิดในเชิงบวกมากกว่า” และก็ไม่เคยคิดร้ายกับคนอื่น ซึ่งผู้เขียนเองก็ไม่ทราบว่า “คนอื่นจะคิดร้ายหรือไม่” แต่ผู้เขียนคิดเสมอว่า “ตัวเราคิดดีต่อผู้อื่นซึ่งไม่เคยคิดร้ายกับคนอื่นเลย” สำหรับคนอื่นจะคิดเหมือนผู้เขียนหรือไม่ก็ตาม...จึงทำให้ตัวผู้เขียนเองไม่คิดร้ายและคิดติดลบกับผู้อื่น...และผู้เขียนก็มีความเชื่อว่า “สิ่งที่ผู้เขียนคิดนี้ คือ ความดี”...และก็ตรงกับหลักธรรมทางศาสนาพุทธ ที่สอนให้มนุษย์รู้จัก คิดดี และกระทำดี...

ในเมื่อตนเอง พูดดี คิดดีแล้ว และทำไมล่ะ? สำหรับการทำดีจะไม่ตามมา ในเมื่อกว่าเราจะพูด จะคิด ก็เป็นสิ่งดี ๆ แล้ว สำหรับการทำดีไม่ต้องพูดถึง เพราะสมองภายในสั่งการในเรื่องของการทำดีตลอด การกระทำก็จะออกมาดี...ถ้าถามว่า “ทำไม? ถึงต้องทำดี” ผู้เขียนก็ตอบไม่ได้ว่า ทำไม? เพียงแต่ทราบว่า เมื่อทำความดีแล้วตัวเราเองเกิดความรู้สึกสบายใจ มีความสุข สิ่งนี้แหล่ะที่ผู้เขียนต้องการและปัจจุบันก็เป็นอยู่ แต่ถ้าทำไม่ดีแล้วมันก็เกิดทุกข์ กว่าจะหาทางแก้ไขได้ ทำให้จิตใจเป็นทุกข์ไม่เกิดความสุข ดังนั้น ผู้เขียน จึงขอเลือกที่จะขอทำความดีมากกว่า...จึงทำให้กลายเป็นเสมือนคนที่ไม่มีความทุกข์ ไม่ว่า คำพูด ความคิด การกระทำ มันจะสอดรับกันไปหมดว่าตัวเราทำความดี แม้แต่ “ใบหน้า” ก็จะเหมือน “คนอิ่มบุญ”...ก็เป็นเรื่องแปลกดีเหมือนกัน...สำหรับคนเราที่ทำ “ความดี”...

ผู้เขียนก็มีความเชื่อว่า “ทุกคนเกิดมาก็มีการกระทำความดีอยู่ในตัวเองทั้งนั้น” เพียงแต่ว่า คน ๆ นั้น อาจทำความดีได้ไม่สมบูรณ์เต็มร้อย...เพราะคนเราอาจมีดี มีเสียในตัวเอง เพียงแต่ว่าส่วนไหน “ระหว่าง มีดี กับมีเสีย สิ่งใดจะมีมากกว่ากันเท่านั้นเอง...”

หมายเลขบันทึก: 467500เขียนเมื่อ 7 พฤศจิกายน 2011 19:57 น. ()แก้ไขเมื่อ 3 เมษายน 2016 15:52 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)
  • ขอบคุณค่ะ อาจารย์ Ico48
  • ขอขอบคุณสำหรับดอกไม้กำลังใจด้วยนะค่ะ
  • นำรูป "เจ้าฟ้าคราม" มาฝากด้วยค่ะ
    • ขอโทษอาจารย์ Ico48 ด้วยค่ะ คลิกไป คลิกมา ทำไมกระทู้ของอาจารย์หายไปก็ไม่ทราบค่ะ...
    พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
    ClassStart
    ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
    ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
    ClassStart Books
    โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท