เชียงคาน เมืองโบราณ ริมฝั่งโขง ตอนที่๑


สวัสดีค่ะ หนึ่งไม่ได้เข้ามาเขียนบันทึกซะนานพอควรทีเดียวค่ะ สำหรับบันทึกนี้เป็นทริปสั้นๆช่วงวันหยุด ๒๒ - ๒๓ ต.ค.๕๔ ที่ผ่านมานี้เองค่ะ ทริปนี้จริงๆเราวางแผนกันไว้ว่าจะไปสวนผึ้งค่ะ นัดแนะสมาชิกกันอย่างดี ปรากฏว่าเกิดน้ำท่วมใหญ่จนถึงปัจจุบัน ทำให้ทริปสวนผึ้งของเราต้องพับเก็บเอาไว้ก่อน (สถานการณ์น้ำท่วมปีนี้หนักหนาสาหัสจริงๆค่ะ ท่วมหนัก ท่วมนาน และขยายขอบเขตเป็นวงกว้างทีเดียว ขอส่งกำลังใจให้ผู้ประสบอุทกภัยทุกท่านด้วยนะคะ สู้ๆๆๆๆๆ >O<)
เมื่อเจอสถานการณ์ไม่คาดคิดเกิดขึ้นแบบนี้ เราก็มีแผนสำรองค่ะ อิอิ ปรับเปลี่ยนสถานที่จากสวนผึ้งมาลงตัวที่เชียงคานใกล้ๆบ้านเรานี่เอง โดยสมาชิกทริปติดน้ำท่วมบ้างอะไรบ้างคงเหลือ ๓ ชีวิต คือ หนึ่ง สาม และอ้นค่ะ
หนึ่งกับสามอยู่ที่อุดร แต่อ้นเดินทางจากฉะเชิงเทรามาลงที่อุดรและออกเดินทางไปเชียงคานพร้อมกันค่ะ 
ทริปนี้หนึ่งอาสาเป็นพนักงานขับรถเองค่ะ สู้ๆๆๆ
เนื่องจากเรามีข้อจำกัดคือเวลาน้อย แต่กิจกรรมที่เมื่อไปเชียงคานแล้วขาดไม่ได้มีเยอะ ทำให้เราตัดสินใจออกเดินทางกันเช้ามืดของวันที่ ๒๒ ต.ค.๕๔ เพื่อไปให้ทัน "ใส่บาตรข้าวเหนียว" โทรติดต่อเจ้าของบ้านพักที่เราจองไว้แนะนำว่าให้มาถึงก่อน ๖.๓๐น.
และแล้วเราก็มาทันใส่บาตรข้าวเหนียวพอดี๊พอดีค่ะ ^^
วัฒนธรรมที่งดงามของชาวเชียงคาน "การใส่บาตรข้าวเหนียว" ส่วนใหญ่ชาวเชียงคานจะใส่บาตรเฉพาะข้าวเหนียวเท่านั้นค่ะ ส่วนกับข้าวนั้นจะนำไปถวายที่วัดอีกที ตอนแรกก็เงอะๆงะๆกันอยู่พักนึงเพราะไม่กล้าใช้มือหยิบข้าวเหนียวใส่บาตรค่ะ กลัวข้าวเหนียวที่จะใส่ในบาตรพระท่านจะสกปรก แหะๆ (ข้าวเหนียวเค้าเตรียมให้เป็นกระติบ เวลาใส่บาตรก็ใช้มือปั้นข้าวเหนียวใส่บาตรขนาดพอดีคำค่ะ) ปล.อย่าลืมล้างมือก่อนใส่บาตรนะคะ^^
คืนนี้ดึกแล้ว ขอมาเล่าต่อพรุ่งนี้นะคะ
เมื่อวานเข้า gotoknow ไม่ได้เลยค่ะ ข้ามมาวันนึง ต่อเลยดีกว่านะคะ หลังจากใส่บาตรข้าวเหนียวกันเสร็จเรียบร้อย (แน่นอนค่ะ ต้องล้างมือด้วย อิอิ) เราก็มาเดินเล่นกันริมแม่น้ำโขง เดินมาอีกนิดเดียวก็ถึงแม่น้ำโขงแล้วค่ะ
ยามเช้าแบบนี้ยังคงมีหมอกปกคลุมอยู่ไปทั่วเลยค่ะ อากาศสดชื่นจริงๆ
 
เราเดินเล่นกันมาตามถนนคนเดิน ซึ่งจะมีร้านค้าต่างๆมาขายสินค้ากันในช่วงเย็นๆค่ะ พบว่านักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ก็ตื่นเช้าเพื่อมาใส่บาตรข้าวเหนียวกัน และพาหนะที่ชาวเชียงคานใช้กันก็คือจักรยานนั่นเองค่ะ ไม่ว่าจะเดินไปบ้านไหนเราก็จะเห็นจักรยานจอดอยู่แทบทุกบ้าน
เมื่อเดินมาเรื่อยๆเราก็พบวัดศรีคุนเมือง (วัดศรีคุณเมือง) เห็นเค้าเขียนป้ายไว้สะกดไม่เหมือนกันค่ะ ไม่แน่ใจว่าใช้ตัวสะกดไหน (วัดที่อยู่ในหนังสือท่องเที่ยวที่เราต้องไม่พลาดค่ะ)
วัดศรีคุณเมือง ตั้งอยู่ที่ซอย ๗ ถนนริมโขง จากในหนังสือท่องเที่ยวเค้าบอกว่าเป็นวัดที่มีสถาปัตยกรรมคล้ายวัดในหลวงพระบาง ภายในพระอุโบสถมีศาสนสมบัติที่ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณวัตถุของประเทศไทยไว้คือ
  • ธรรมมาสน์ไม้สักแกะสลักลายประดับกระจกสี
  • พระพุทธรูปยืนชนิดไม้ทาน้ำทอง
  • พระพุทธรูปปางประธานอภัยชนิดไม้ทาน้ำทอง
  • ศิลาจารึกชนิดหิน
เป็นศิลปะล้านช้างในช่วงพุทธศตวรรษที่ ๒๓-๒๔ (อ่านข้อมูลเพิ่มเติม ที่นี่ค่ะ)
หนึ่งเองก็ยังไม่เคยไปหลวงพระบางเลยไม่สามารถบอกได้ว่าใช่รึเปล่าค่ะ แหะๆ สงสัยคงต้องจัดทริปไปหลวงพระบางเร็วๆนี้ซะแล้ว ^^
เมื่อเดินเล่นกันจนพอใจ ในช่วงที่ยังเช็คอินเข้าที่พักไม่ได้ เราก็ออกเดินทางกันไปสถานที่ท่องเที่ยวรอบๆเชียงคานกันก่อนเลยค่ะ
ก่อนออกเดินทางเราสอบถามพี่เจ้าของที่พัก (เฮือนไม้แฮกดี) ว่าถ้ามาเชียงคานจะต้องไปที่ไหนบ้างถึงจะถือว่าถึงเชียงคานแล้ว พี่เค้าแนะนำที่นี่ก่อนเป็นอันดับแรกค่ะ
"วัดพระพุทธบาทภูควายเงิน"
โบราณสถานเก่าแก่ทางพระพุทธศาสนาอีกแห่งหนึ่ง ในอำเภอเชียงคานจังหวัดเลยถือเป็น ศาสนสถาน ศักดิ์สิทธิ์ สำคัญที่อยู่คู่บ้านคู่เมืองเชียงคานมานาน แต่อดีตซึ่งในครั้งเก่าก่อนเชื่อกันว่า ใครก็ตามที่จะมาถึงวัดพระพุทธบาทภูควายเงินได้ ต้องเป็นผู้ที่มีบุญวาสนาจริงๆ เท่านั้น ส่วนคนที่มีบุญหรือมีวาสนาไม่ถึงก็จะมีเหตุและอุปสรรค์ต่างๆ ทำให้มาไม่ได้ทั้งที่ตั้งใจไว้อย่างเต็มที่แล้วก็ตาม
ช่วงที่เราไปกำลังอยู่ในช่วงสร้างพระอุโบสถที่เห็นในภาพค่ะ
ภาพจำลองพระอุโบสถที่กำลังก่อสร้างค่ะ
วัดพุทธบาทภูควายเงิน
ตั้งวัดเมื่อ พ.ศ.๒๔๘๐ โดยชาวบ้านช่วยกันสร้างวัดขึ้นเพื่อดูแลรักษารอยพระพุทธบาท ที่พรานล่าเนื้อไปพบบนก้อนหิน ตั้งชื่อวัดว่า "พระพุทธบาทภูควายเงิน"
ชาวบ้านเรียกว่าวัดพระพุทธบาท 
 
รอยพระพุทธบาทได้ขึ้นทะเบียนไว้ แต่เดิมคงเป็นรอยธรรมชาติบนแท่นหินแกรนิต และได้มีการฉาบปูนตกแต่งและซ่อมแซมอย่างน้อย  ๒  ครั้งด้วยกัน คือ ในช่วงประมาณก่อนปีพ.ศ.๒๔๗๘  ปี พ.ศ.๒๕๒๘ (เนื่องจากถูกลับลอบทำลาย) ตามรูปแบบดั้งเดิมจากหลักฐานภาพถ่ายในปี พ.ศ.๒๕๑๕  ดังสภาพในปัจจุบัน   ทุก ๆ ปีจะมีงานเทศกาลนมัสการเป็นประจำในช่วงวันเพ็ญเดือน ๓ หรือ ๔
(อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ ที่นี่ค่ะ)
ถึงแม้จะยังอยู่ในช่วงก่อสร้าง แต่เราก็สามารถเข้าไปกราบนมัสการได้ค่ะ และเมือมาถึงที่นี่แล้วอย่าเพิ่งรีบกลับนะคะ เดินขึ้นมาอีกนิด
มากราบนมัสการ พระเจ้าใหญ่พุทธฉัพรรณรังสี ที่ตามพระวรกายประดับไปด้วยกระจกเงาชิ้นเล็กๆ เป็นพระพุทธรูปองค์ใหญ่และงดงามมากๆค่ะ
ในบริเวณวัดมีฝูงกระต่ายป่าน่ารักๆ บางตัวก็วิ่งเข้ามาหาโดยไม่กลัว
แต่บางตัวก็ขี้อายค่ะ อิอิ
ตัวนี้เป็นฝาแฝดกะตัวที่อยู่ในมือหนึ่งเลยต้องขอเก็บภาพไว้นิดนึงค่ะ อิอิ
ส่วนตัวนี้เค้าเป็นน้องกระต่ายนักรบ "มีหนวดเหมือนนายจันทร์หนวดเขี้ยว" อิอิ น่ารักที่สุด^^

บันทึกชักจะยาวไปหน่อยแล้ว งั้นขอเล่าต่อในบันทึกหน้าตอนที่ ๒ นะคะ

หมายเลขบันทึก: 466499เขียนเมื่อ 28 ตุลาคม 2011 23:24 น. ()แก้ไขเมื่อ 20 พฤษภาคม 2012 11:00 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (8)

เห็นมั้ย

แนวปฏิบัติของพยาบาล  นำไปใช้ได้ทุกสถานการณ์จริงๆ

โปรดล้างมือก่อนทำกิจกรรม

ปล. หลังทำกิจกรรมก็ต้องล้างมือด้วย

เพราะ ข้าวเหนียวติดมือ  อิ อิ

หากมีโอกาสจะแวะไปเที่ยวครับ

สวัสดีค่ะพี่กระติก

ใช่เลยค่ะ อิอิ จะให้ดีต้องล้างมือให้ถูกวิธีตามหลัก IC ด้วย

ที่สำคัญหลังทำกิจกรรมยิ่งต้องล้างมือ เพราะข้าวเหนียวติดมือจริงๆค่า อิอิ

สวัสดีค่ะคุณอักขณิช

ช่วงหน้าหนาวอากาศดี๊ดีค่ะ เป็นอีกแห่งที่น่าหลบความวุ่นวายมาพักผ่อนชิลๆจริงๆค่ะ ^^

น้องหนึ่ง อิจฉาคนได้ไปเที่ยว

อยากไปเที่ยวจัง ไม่เคยไป

สวัสดีค่ะอาจารย์ขจิต

นานๆเที่ยวที ที่เชียงคานก็เหมาะนะคะ ^^

สวัสดีค่ะคุณครูโจดศรี

เมืองเชียงคานน่ามาเที่ยวพักผ่อนกายและใจจริงๆค่ะ ^^

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท