GPD หรือ GNH สร้างสังคมใหม่ไม่พิการ
วานก่อนฟังและชมข่าวภาพเด็กหญิงจีนอายุสองขวบ ถูกรถชนแล้ว คนขับเหยียบซ้ำ คนที่เดินและขับขี่รถผ่านเด็กน้อยที่น่าสงสารนั้นจำนวน 18 คนไม่มีใครช่วย จนคนเก็บขยะมาช่วยลากเด็กหลบเข้าข้างทางและขอความช่วยเหลือ ต่อมาเด็กก็เสียชีวิตลง ชาวจีน(ประเทศจีน)นำวีดีโอเหตุการณ์นี้ขึ้นมากล่าวประณามความไร้น้ำใจของคนที่ผ่านไปมา โดยปราศจากความช่วยเหลือ ผู้เขียนพอดูข่าวภาพแล้วรู้สึกหดหู่ใจ และขอบคุณคนจีนที่มีคุณธรรมนำข่าวนี้มาเปิดเผยพฤติกรรมคนในประเทศจีน ซึ่งทำให้อีกหลายๆคนต้องหันมามองว่าหากสังคมบ้านเราเป็นเช่นนี้แล้วจะทำอย่างไร และทำอย่างไรมิให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ในบ้านเรา อีกหน่อยคงจะมีกฎหมายให้คนที่พบเห็นเหตุการณ์ต้องช่วยเหลือคนเจ็บมิฉะนั้นจะผิดกฎหมายดีไหม เวลาคนจะทำอะไรต้องใช้กฎหมายบังคับ ทำด้วยใจไม่มีอีกแล้ว ฟังดูแล้วเศร้า และน่ากลัวนะ เหมือนทำอะไรทำด้วยกฎกติกาไม่ใช่เกิดจากความรับผิดชอบสังคมร่วมกัน ดูดูแล้วเหมือนมนุษย์เราทุกวันนี้เห็นแก่ตัวเพิ่มขึ้น ไร้จิตวิญญาณ ไร้ความรู้สึก แต่ผู้เขียนก็มั่นใจว่าคนไทยคง ไม่มีเหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นแน่ คิดดูขนาดสุนัขทางภาคอีสานถูกจับใส่กรงไปขายให้ชาวต่างประเทศ คนไทยทั่วประเทศร่วมกันบริจาคเงินช่วยเหลือกันมากมาย แล้วคิดดูนี่เด็กนะ ขนาดสุนัขถูกรถชนพิการหลายคนยังวิ่งเข้าไปช่วยพาไปหาหมอ (หากมันไม่ตายเสียก่อน)
จากเหตุการณ์ที่กล่าวมา ถือว่าเป็นกระจกส่องให้ทุกคนได้เห็นว่าสังคมพิการนั้น บางส่วนเกิดขึ้นจากการอยู่ร่วมกันด้วยอย่างขาดความเอื้อเฟื้อ ขาดการแบ่งปันความสุขของประชาชนในชาตินั้นๆ ดังนั้นหากคนอยู่ร่วมกันด้วยความเอื้อเฟื้อ แบ่งปัน พยายามลดปัญหาช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจน หรือลดการใช้ทรัพยากรที่มากเกินของเมือง พร้อมทั้งส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีโดยเสมอหน้ากัน ซึ่งความอยู่ดีมีสุขของประชาชาติ หรือที่หลายคนเรียกว่า GNH ความสุขมวลรวมประชาชาติเป็นการเน้น “ความสุข” ที่แท้จริงของสังคม ไม่ใช่พัฒนาเศรษฐกิจอย่างเดียว หากควรดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม ส่งเสริมวัฒนธรรม การปกครองที่ดี รวมทั้งการปฏิรูปการศึกษาสุขภาพกายและสุขภาพจิต เวลาว่างและชีวิตการทำงาน ครอบครัวและชุมชน ทั้งหมดนี้จะต้องไปด้วยกันตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงที่ยึดทาง สายกลาง ของทุกครอบครัวไปถึงระดับประเทศเพื่อการพัฒนาและบริหารประเทศให้พร้อมที่จะจัดการต่อผล กระทบจากการเปลี่ยนแปลงทั้งภายนอกและภายใน ซึ่งต้องอาศัยความ “พอประมาณ มีเหตุผล มีภูมคุ้มกัน” บนเงื่อนไข “ความรู้และคุณธรรม” จึงจะทำให้เกิดดัชนีโลกมีสุข เพื่อการอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข แทนการเกลียดชัง การแข่งขันและการทำลายกันอยู่ทั้งในและนอกประเทศในปัจจุบัน
หรือหากจะกล่าวแบบชาวพุทธก็คือขอให้ทุกคนทุกท่านให้มีเมตตาธรรมประพฤติปฏิบัติตนเป็นคนดีของสังคมให้มาก เหมือนกับน้ำใจคนไทยที่ช่วยกันคนละไม้คนละมือ บริจาคเงินและสิ่งของช่วยคนไทยน้ำท่วมและเพื่อนบ้าน ตลอดจนให้กำลังใจกันอย่างเต็มที่ทุกหน่วยงานและเอกชน ใครที่ทำดี ดีต้องตอบสนองใครทำชั่วกรรมต้องตามสนองทันตาเห็นเลยละ
ไม่มีความเห็น