นำข้อคิดจากสามก๊ก มาใช้ในการบริหาร


"อ่านคนออก บอกคนได้ ใช้คนเป็น"

 บทความจาก "กลั่นสามก๊ก  ฉบับผู้บริหาร" เหมาะในการบริหารคน ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการบริหาร

โจโฉ

อ่านคนออก  บอกคนได้  ใช้คนเป็น

ตอน  โจโฉให้โอกาสกวนอูออกรบกับฮัวหยง       

          ถ้าจะกล่าวกันอย่างสั้นๆ ง่ายๆ ถึงความหมายของคำว่า การบริหาร นั้น  หมายถึงการใช้คนให้เหมาะสมกับงาน  เพราะการบริหารก็คือ  การใช้คนอื่นให้ทำงานแทนตน  ผู้บริหารไม่จำเป็นต้องลงมือทำเองในทุกเรื่อง เพียงแต่คอยพิจารณาเลือกหาคนที่มีความรู้ความสามารถเหมาะสมกับงานนั้น  มาช่วยทำงานให้สำเร็จ  ดังนั้น  ผู้บริหารที่ดี  จะต้องมีคุณสมบัติพิเศษ  ต่างจากคนธรรมดาทั่วไปอยู่ประการหนึ่ง คือ อ่านคนออก  บอกคนได้  และใช้คนเป็น ซึ่งโจโฉนับว่าเป็นบุคคลหนึ่ง  ที่คู่ควรเป็นนักบริหารมืออาชีพ ดังเรื่องราวของโจโฉที่จะนำเสนอต่อไปนี้

            เมื่อตั๋งโต๊ะก่อการกบฏขึ้น โจโฉจึงได้รวบรวมคนมาจัดตั้งกอบทัพปฏิวัติเพื่อจะโค่นล้มทรราชย์ตั๋งโต๊ะ  และยกให้อ้วนเสี้ยวเป็นแม่ทัพใหญ่  มีอำนาจสูงสุดในการบัญชาการรบ  ของกองทัพ  17  หัวเมือง  ในครั้งนั้น  เล่าปี่  กวนอู  และเตียวหุยยังเป็นแค่ทหารเลวไร้ชื่อ  ที่อาสามากับกองทัพของกองซุนจ้าน  คนทั่วไปไม่รู้จักในฝีมือ  และอ้วนเสี้ยวเองก็ดูแคลนเล่าปี่ว่าดีแต่เกิดในแซ่เล่าซึ่งเป็นราชตระกูล  แต่มีทหารเลวที่คอยติดตามไม่ถึงหนึ่งกองพัน(คำว่า ทหารเลว นี้ หมายถึง ทหารธรรมดาที่ยังไม่มียศศักดิ์  มิได้แปลว่าทหารที่ไม่ดี)

            ส่วนโจโฉผู้มีสายตาแห่งการเป็นผู้นำ  มิได้คิดเช่นนั้น  แต่กลับคิดว่า  เล่าปี่นั้นถ้าว่ากันตามศักดิ์  ก็เป็นถึงพระเจ้าอาของพระเจ้าเหี้ยนเต้  แม้จะมีทหารเลวติดตามเพียงสามกองร้อย  แต่คนผู้นี้หากคิดตั้งตนเป็นใหญ่เมื่อใด  ความเป็นพระเจ้าอานี้จะรวมใจคนให้มาสวามิภักดิ์ได้มากกว่าคนทุกผู้  และองครักษ์ข้างขวาและซ้ายของเล่าปี่  อันได้แก่กวนอูและเตียวหุยนั้น  ดูห้าวหาญกว่าองครักษ์ของเจ้าเมืองคนอื่นๆ แม้ทั้งสามจะไม่อยู่ในสายตาของอ้วนเสี้ยวแม่ทัพใหญ่  แต่ก็อยู่ในความสนใจของโจโฉ ผู้เป็นรองแม่ทัพ  และเป็นนักอ่านคนตัวยง

            เมื่อกองทัพปฏิวัติของอ้วนเสี้ยวเริ่มทำศึกกับกองทัพของตั๋งโต๊ะ ฮัวหยงทหารเอกของตั๋งโต๊ะก็อาสาออกไปรบ  ขุนทหารของกองทัพปฏิวัติ 17 หัวเมือง  ออกรบกับฮัวหยงไม่ทันสามเพลง  ก็คอขาดกระเด็นไปตามๆ กันจนบรรดานายทัพทั้งหลายพากันขยาด  ไม่มีใครกล้าออกรบ อ้วนเสี้ยวจึงต้องเรียกประชุมเจ้าเมือง 17 หัวเมือง  เพื่อหาทางแก้ไข

            ในที่ประชุมวันนั้น เล่าปี่ กวนอู และเตียวหุย ได้เข้าร่วประชุมด้วย   อ้วนเสี้ยวก็ปรารถว่าเสียดายที่ขุนพลประจัญบานของข้าพเจ้า  คือ งันเหลียงและบุนทิวนั้นไม่อยู่  ถ้าคนใดคนหนึ่งอยู่ ณ ที่นี้  จะต้องวิตกอันใดกับฮัวหยง

            ทันใดนั้นเอง กวนอูซึ่งอยู่ในที่ประชุม  ก็พูดสวนขึ้นว่า  ถ้าท่านงันเหลียงและบุนทิวยังไม่มา  ข้าพเจ้าขอรับหน้าที่ไปเอาศีรษะของฮัวหยงมาเอง   อ้วนเสี้ยวได้ยินคำพูดของกวนอูที่ยกตัวตีเสมอขุนพลของตนเองว่าจะออกรบแทนงันเหลียงและบุนทิวก็โกรธ  สั่งให้เฆี่ยนกวนอูโทษฐานที่ตัวเองเป็นแค่ทหารเลว  ถือเกาทัณฑ์ระวังหน้าม้าของคนที่ไม่เคยปรากฏว่ามีฝีมือย่างเล่าปี่  แล้วบังอาจจะอาสาออกรบแทนทหารตัวนาย

            ฝ่ายโจโฉผู้มีนัยตาของความเป็นเจ้านายคน  ได้จับจ้องมองดูเจ้าคนหน้าแดง คิ้วและหนวดงามราวเส้นไหม  ตาสวยเหมือนหงส์  รูปร่างสูงใหญ่เหมาะที่จะปล้ำกับยักษ์ผู้นี้  ถ้าปล่อยให้ถูกเฆี่ยนก็น่าเสียดายหลังของกวนอู

            โจโฉจึงยืนขึ้น  แล้วขอร้องอ้วนเสี้ยวว่า  คนที่ท่านสั่งโบยนี้  เขาอาจจะมีความผิด  เพราะกล่าวถ้อยคำเกินฐานะของตัว  ต่อหน้าที่ประชุมอันทรงเกียรตินี้ แต่ขอได้โปรดระลึกว่า  บัดนี้เราอยู่ต่อหน้าสงคราม  ซึ่งต้องต่อสู้แบบเอาชีวิตแลกชีวิต  คำโตที่เขาคุยโตนั้น  ไม่สามารถรักษาคอหรือชีวิตของเขาไว้ได้  ถ้าเขาไม่มีฝีมือสมดังที่เขาได้ลั่นวาจาอาสาข้าพเจ้าขอวิงวอนต่อท่านแม่ทัพ  ได้โปรดถอนคำสั่งโบย  และอนุญาตให้คนผู้นี้ออกรบกับฮัวหยงเถิด

            แต่อ้วนเสี้ยวยังคงยืนยันในคำสั่งเดิม  ฮัวหยงคงจะหัวร่องอหายที่เราส่งทหารที่ไร้ชื่อไปรบกับเขา  และจะทำให้พลอยเสียเกียรติมาถึงข้าพเจ้าผู้เป็นแม่ทัพใหญ่ด้วย  

            คำกล่าวของอ้วนเสี้ยวนี้ ทำให้โจโฉชักเดือดดาล  ข้าพเจ้าไม่ลืมคำปฏิญาณว่า  จะเชื่อฟังในความเป็นแม่ทัพของท่าน  แต่ขอให้ท่านมองดูร่างอันสง่างามเยี่ยงชายชาติทหารของคนผู้นี้ ขอให้การรบเป็นเครื่องตัดสินว่า คนผู้นี้ควรจะมีชื่อต่อไปในวันข้างหน้าหรือไม่  ถ้าเราให้คนผู้นี้ออกรบ  กองทัพเราก็มิได้เสียอะไรเลย  เพราะถ้าเขารบแพ้ก็ต้องเสียหัวซึ่งมีปากอันอวดเก่งให้แก่ง้าวของฮัวหยง  ถ้าเขาปราชัยหนีรอดกลับมาในค่าย  ก็ต้องเสียหัวให้แก่อาญาสิทธิ์ของท่านอยู่ดี  เขาไม่มีทางรอดถ้าไม่ได้หัวของฮัวหยงมา

            แล้วโจโฉก็รวบรัด  ให้ผู้นำทัพอีก 16 หัวเมืองช่วยลงประชามติว่า  จะให้กวนอูออกรบหรือไม่  ที่ประชุมนั้นมีมติให้ออกรบ  อ้วนเสี้ยวจึงจำใจต้องถอนคำสั่งโบย  ด้วยกิริยาประชดประชันว่า  เมื่อทุกคนเห็นดีเห็นงานตามคำโจโฉ  อยากให้กวนอูออกรบก็เชิญ แล้วโจโฉก็แสดงน้ำใจของผู้เป็นนายที่ดี  ด้วยการรินเหล้าอุ่นๆ ถ้วยหนึ่งส่งให้กวนอู  เป็นการบำรุงขวัญก่อนออกรบ  แต่กวนอูของรับไว้ด้วยใจ  พร้อมกับกล่าวว่า  อย่าได้ถือว่าเป็นการจองหองอันใดเลย  ข้าพเจ้ามิบังอาจรับเหล้าถ้วยนี้  จากมืออันมีเกียรติของท่าน  เพราะมือของข้าพเจ้ายังไม่มีเกียรติพอในกองทัพ  ข้าพเจ้าขอรบกับฮัวหยงโดยไม่มีเหล้าสักหยดในกระเพาะ  มิฉะนั้นแล้วคนทั้งหลายจะพากันคิดว่า  ข้าพเจ้าออกรบเพราะฤทธิ์เหล้า

            แล้วกวนอูก็เดินออกนอกค่าย  ท่ามกลางสายตาที่ดูถูกเหยียดหยามของอ้วนเสี้ยว  การต่อสู้ในครั้งนั้นบรรดานายพลทั้งหลายต่างคิดว่ากวนอูคงหัวขาด  เพราะนักง้าวชั้นเลวหรือจะสู้ขุนง้าวชั้นเลิศที่ตัดหัวทหารเอกมาแล้วอย่างช่ำชอง  ในตอนนั้น  ไม่มีใครรู้จักฤทธิ์เดชของง้าวนิลนาคะของกวนอู 

       ปรากฏว่ากวนอูสามารถเอาชนะฮัวหยงได้ แล้วโจโฉผู้อ่านคนออก  บอกคนได้  และใช้คนเป็น ก็ส่งเหล้าจอกเดิมให้กวนอูดื่มเป็นรางวัล  โจโฉน้อมคารวะกวนอูดุจผู้มีศักดิ์เสมอตน        แม้กวนอูจะทำความชอบให้ปรากฏแล้ว  แต่อ้วนเสี้ยวก็ทำเป็นไม่ยินดี  ทั้งที่ตัวเป็นแม่ทัพใหญ่  ควรบำรุงขวัญทหารด้วยการบำเหน็จความชอบ  โจโฉจึงพูดเหน็บแนมเอาเจ็บๆ ว่า ซึ่งจะมาถืออิสริยยศในท่ามกลางศึกครั้งนี้  ไม่ควรคำพูดนี้ทำให้อ้วนเสี้ยวโกรธมาก  ถึงกับขอถอนทัพของตนกลบ  เมื่อโจโฉเห็นอ้วนเสี้ยวพาลแล้วจะถอนหุ้นออกดังนั้น  ก็พูดจาไกล่เกลี่ยขอให้อ้วนเสี้ยวรำลึกถึงการใหญ่เบื้องหน้า  แล้วผลการประชุมในวันนั้น  ก็จบลงโดยมิได้ปูนบำเหน็จความชอบให้กวนอู

     ความคิดเห็น : เห็นด้วยกับคำกล่าวที่ว่า "ผู้บริหารที่ดีต้อง ดูคนออก บอกคนได้ ใช้คนเป็น" เพราะผู้บริหารนั้นเป็นผู้ที่ต้องใช้คนให้ทำงาน ดังนี้จะต้องรู้ว่าใครเหมาะสมกับงานแบบไหน เนื่องจากแต่ละคนมีความสามารถและความถนัดที่แตกต่างกัน ดังนั้นการจะใช้คนทำงานจึงต้องรู้ขีดความสามารถของคนๆนั้นจึงจะทำให้งานสำเร็จ

หมายเลขบันทึก: 46513เขียนเมื่อ 26 สิงหาคม 2006 15:14 น. ()แก้ไขเมื่อ 21 มิถุนายน 2012 13:34 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (5)
สนุกและได้ข้อคิดดีค่ะ   ขอบคุณค่ะสำหรับข้อมูลดีๆ

สุดยอดดดเลย

เนื้อหาดีมากๆ เก่งๆ

ให้ข้อคิดดี อ่านแล้วเพลิน ชวนติดตามต่อ

ขึ้นกับบริบทด้วยครับ

หากมีข้อจำกัดคือ ไม่มีคนให้ใช้ หรือ คนที่พอใช้ได้ไม่มี หรือถ้ามีถ้าใช้ไปก็  "ไม่รอด"

ผู้บริหารที่ดีย่อมต้อง"ทำให้ดู" หรือ "ฝึกตามครู" ก่อน เพื่อเป็นการพัฒนา "ผู้ถูกใช้" อีกโสตหนึ่งด้วย โดยจะหาข้ออ้างว่าข้าเป็นผู้บริหาร จะทำงานเช่นนั้นเช่นนี้ไม่ได้ ก็ดูจะไม่แน่จริง นะครับท่าน หากจำเป็นก็ต้อง"ทำเอง"ได้ด้วย

ผู้บริหารยุคใหม่ ดูจะลืมว่า ตนเองไม่ใช่เป็น"ผู้ใช้" เสมอไป ในสามก๊กก็มีหลายตอนที่ท่านผู้นำ "นำจริงๆ" คือ "ทำเอง" ก็หายคน และหลายหน   

ดังนั้น จึงขอเสนอว่า ดูคนออก บอกคนได้ ใช้คนเป็น "ทำเองให้เห็นได้" จึงจะแน่ นะครับเจ้านาย

พี่ค่ะแล้วบูรณาการในเรื่องวสามก๊กคืออะไรตอบให้หนูด้วยค่ะ ฮือๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท