พุทธศาสนสุภาษิตกล่าวถึงกรรมว่า" วโส อิสฺสริยํ อำนาจเป็นใหญ่ในโลก" อำนาจของกรรมใหญ่ยิ่งที่สุด ไม่มีอำนาจใดเสมออำนาจของกรรม
จากพุทธวัจน์ ภิกษุ ท.! ข้อที่เรากล่าวแล้วว่า" กรรม เป็นสิ่งที่บุคคลควรทราบ นิทานสัมภวะแห่งกรรม เป็นสิ่งที่บุคคลควรทราบ เวมัตตตาแห่งกรรม เป็นสิ่งที่บุคคลควรทราบ วิบากแห่งกรรม เป็นสิ่งที่บุคคลควรทราบ กัมมนิโรธแห่งกรรม เป็นสิ่งที่บุคคลควรทราบ กัมนิโรธคามินีปฏิปทาแห่งกรรม เป็นสิ่งที่บุคคลควรทราบ
ตั้งแต่เล็กจนโต(แก่) ถูกอบรมสั่งสอนให้เชื่อและกลัวเรื่องกรรม อดีตเข้าใจเรื่องกรรมในแง่เดียวคือแง่ลบ คือความไม่ดี ทำไม่ดีระวังนะจะรับกรรม จะมีเคราะห์กรรม หรือประโยคอื่นๆที่สร้างความวิตกกังวลให้แก่ตนเองเมื่อจะทำอะไรๆที่คิดว่าไม่ดี ครั้งถึงช่วงเวลาที่ได้ศึกษาธรรมะก็เริ่มเข้าใจในความหมายของคำว่า"กรรม"และ "วิบากแห่งกรรม " ดีขึ้น ยิ่งย้อนมองดูการกระทำตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน ยิ่งเข้าใจ เห็นชัดเจนและ ซ.ต.พ. ได้เลย จึงใคร่แบ่งปันให้มิตรแก้วสหายคำ ได้ตระหนักในเรื่องของ"กรรม"ของตนเอง เพื่อท่านจะได้ ซ.ต.พ. ในชาตินี้ นี่แหละ
ชีวิตคนเราในสังคมปัจจุบัน(ที่วุ่นวาย วิกฤตในหลายๆเรื่อง) ส่งผลให้เรามองห่างจากตนเองไปไกลออกไป ไม่ได้รับความสุข ความพึงพอใจ จากสิ่งที่ตนเองปรารถนา ก็จะโทษผู้อื่น โทษสิ่งอื่นๆที่ไม่ตอบสนองให้แก่เรา และพยายามหาทางที่จะแก้ไข หรือกระทำการใดๆเพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งนั้นๆ โดยอาจพลังเผลอว่าผลที่จะได้รับ ผลที่จะตามมาเป็นเช่นไร ชุมชน สังคมจึงไม่สงบสุขกันเสียที ซึ่งตามความหมายของกรรม หมายถึง การกระทำ ดังนั้นขึ้นอยู่กับตัวท่านเองที่จะเลือกกระทำแต่ความดี(กรรมดี) หรือกระทำความไม่ดี(ความชั่ว) ก็เป็นกรรมไม่ดี(กรรมชั่ว)
บางท่านพบแต่ความสุขมาตลอดเพราะท่านทำแต่กรรมดีมาตลอด แต่บางท่านก็ลุ่มๆดอนๆ เพราะกระทำทั้งความดีและความไม่ดีคละกันไป บางท่านรำพึงว่า ทำไมหนอเราเกิดมาช่างอาภัพเสียจัง ไม่มีความสุขกับเขาเลย ระทมทุกข์ตลอดเวลาที่ผ่านมา บางท่านถึงกับแสวงหาวิธีการต่างๆเพื่อแก้เคราะห์กรรมนั้นๆ ไฉนเราไม่ย้อนกลับมามองที่ตัวตนของเราเป็นเบื้องต้นว่า ปัจจุบันกรรมที่เกิดขึ้น(ในชาตินี้)ล้วนมาจากการกระทำของตนเอง(ไม่นับผลกระทบที่ท่านได้รับจากอดีตกรรม) ปรัชญาการแนะแนวกล่าวว่า "พฤติกรรมมีสาเหตุ" เราก็ต้องมองหาสาเหตุของการกระทำที่ทำให้เราเกิดทุกข์ไม่มีความสุข พยายามหาสาเหตุ ต้นเหตุนั้นๆ แล้วหาหนทางในการแก้ไข(ด้วยปัญญา) ก่อนที่เราจะเอาแต่ปลงตกว่าเป็นเพราะวิบากกรรมเราจึงเป็นเช่นนี้ เราจึงระทมทุกข์แบบนี้
"อย่าวิตกต่ออนาคต อย่ารันทดต่ออดีต" เป็นคำกล่าวที่ให้กำลังใจแก่เราในการดำเนินชีวิตให้เป็นปัจจุบัน ทำวันนี้ให้ดีที่สุด ทำดีพร้อมทั้ง กาย วาจาและใจ คิดดี ทำดี พูดดี อะไรๆก็จะดีตามมา ดูแล้วเหมือนง่ายๆนะ(สำหรับบางท่าน) ทว่า...ในสังคมยุคนี้บางครั้งก็โหดเหมือนกัน คิดจะทำอะไรดีๆเพื่อตนเอง เพื่อครอบครัว เพื่อชุมชน เพื่อสังคมและประเทศชาติ ทำไม..บางครั้งยากแสนเข็ญ
แต่...อยากให้กำลังใจมิตรแก้งสหายคำนะ ว่า....ลงมือเถอะ ลงมือทำกรรมดี(กระทำแตความดี) อะไรก็ได้ วิธีไหนก็ได้ที่เราเห็นว่ามันดีสำหรับตนเอง(ก่อน) เพื่อที่เราจะมีพละกำลังในการทำกรรมดีแก่ผู้อื่นต่อไป แม้แต่พระพุทธองค์ยังสอนให้เราแผ่เมตตาให้ตนเองก่อน ก่อนที่เราจะแผ่เมตตาให้สรรพสัตว์ทั้งหลายเลย
วันนี้แบ่งปันให้ท่านได้เข้าใจในความหมายของคำว่า " กรรม" ก่อนเพื่อท่านจะได้ไม่ต้องรอจนแก่เหมือนตนเองจึงจะเข้าใจ ส่วนผลตามมาของกรรมวิธีการแก้กรรมไว้แบ่งปันกับท่านใน กรรม(2) ต่อไป
ไม่มีความเห็น