เคยไหมคะ เมื่อใครสักคนพูดแทงใจดำ แล้วเราก็ "เดือด" แสดงอาการบางอย่าง ที่.
อ.แต้ว่าเจ้าของทฤษฎีเก่งไหมคะ...ที่นำเรื่องราวของสมองมาให้เราได้เรียนรู้...
หากเรารับรู้ว่า...หลักการดังกล่าวช่างอธิบายให้เราเข้าใจได้ดีจังเลยในเรื่องสมองกับอารมณ์ และพฤติกรรม...
แต่นั่นก็ไม่เท่ากับปรีชาญาณของพระพุทธองค์ว่าทำไมท่านจึงได้เข้าใจเรื่องต่างๆ ได้อย่างทะลุแจ่มแจ้ง และเชื่อมโยง ซึ่ง ณ ตอนนี้กำลังเรียนรู้ตามรอยหลังท่าน ซึ่งดูเหมือนจะเป็นเพียงเสี้ยวเล็กๆ...เท่านั้นเอง
"...สอง..ระบายลมความร้อน ของ Amygdala
จึงมีคำแนะนำว่าให้หายใจเข้าออกลึกๆ..."
Ummmh, I have been wondering about this for some time.
We and dogs "pant" (breathe quickly but shallowly) when we are "hot" -- to "cool" down(?) or to get more oxygen(?)
More oxygen c/would mean more 'oxidization' leading to more heat generation -- getting hotter!
By deep breathing (slow and long inhaling and exhaling), we slow down the oxygen input and carbon dioxide output -- we lower heat generation by limiting fuel (O2) and keeping high level of retarder (CO2).
Is this a physiological/metabolic valid description of what happens?
Is this "ancient knowledge" (Yoga, Buddhist, Qi) of controlled breathing really "advanced wellness practice"?
ดีจังค่ะที่เชื่อมโยงกายภาพกับมโนธรรมแห่งการมีขันติ .. โกรธไปใย ..เกลียดทำไม..ใจไร้สุข..ขอบคุณค่ะ :)
สงสัยงูในหัวพี่ชอบกินถั่ว เลยร้อนบ่อยๆ ร้อนเร็ว ต่อไปจะขัดขวางการเจริญเติบโตของถั่ว โดยการเอาสติมาอุดรูน้ำและปุ๋ย ไม่ให้ไปเลี้ยงถั่วมาก
ยิ่งอานตอนสุดท้าย ยิ่งกลัวเหมือนทหารสองคนนั่น
กลัว ( นึกถึงอันตรายที่อยู่ตรงหน้า)กังวล ( นึกถึงอันตรายในสิ่งที่ยังไม่เห็น)โกรธ ( มักเกิดจากอีโก้ถูกกระทบ)กลุ้ม (อึดอัด สับสน)การนับหนึ่งถึงสิบ ก็อาจผ่านกลไกนี้
ให้ดอกไม้ไว้ก่อนนะครับ.................
สุขสันต์....ฟ้าโปร่ง....ดอกไม้บาน....ผ่านหมอกเคลื่อน.....
เช้าวันพฤหัสบดีครับ อาจารย์.
ขอบคุณคะพี่ ดร.kapoom
เลยนึกขึ้นได้ว่าน่าจะให้เกียรติใส่ชื่อเข้าของทฤษฎีไว้ด้วยคะ
----
ดังที่พี่ว่าคะ นักวิทยาศาสตร์รุ่นหลัง ค่อยๆ แกะรอยสิ่งที่พระพุทธองค์ทรงค้นพบไว้
โดยเฉพาะการเจริญสติ เพียงแต่เรียกขาน แตกต่างออกไป :-)
ขอบคุณคะ คุณ Sr สำหรับคำถามชวนขบคิด
By deep breathing (slow and long inhaling and exhaling), we slow down the oxygen input and carbon dioxide output -- we lower heat generation by limiting fuel (O2) and keeping high level of retarder (CO2).
ตรงนี้ เยี่ยมมากคะ..ตัวเองก็เคยเข้าใจว่า การหายใจเข้าออกลึกๆ เพิ่มออกซิเจนเข้าร่างกายมากขึ้น ซึ่งพอไปค้นคว้าจาก เอกสารนี้ กลับเป็นว่า ทั้งการหายใจลึกๆ ช้าๆ แบบโยคะ (pranayamic) กับการหายใจตื้นๆ เร็วๆ ( nostril breath) ระดับออกซิเจนในเลือดไม่ต่างกัน -- หรือออกซิเจนจากการหายใจเข้าลึก อาจลดลงด้วยซ้ำ จากคำอธิบายตามที่อ่านในเอกสาร ต่อไปนี้คะ
....
เมื่อหายใจเข้าลึกๆ เนื้อเยื่อส่วนปอดขยาย ส่งสัญญาณทางเคมี และประสาท ไปที่สมองกระตุุ้นระบบประสาทผ่อนคลาย (parasympathetic) -> ลดการทำงานของ amygdala ลง --> ลด metabolism "cooling down" พร้อมกับ หลั่งสาร melatonin ซึ่งช่วยให้สดชื่น ผ่อนคลาย
....
เท่าที่จับใจความได้คะ ไม่ได้เป็นผู้เชี่ยวชาญ เดี๋ยวรอท่านใดมีความรู้มาเติมเต็มอีกที :-)
......
ขอบคุณคะ พี่ใหญ่ คนไม่โกรธ ไม่เกลียดใคร จึงเย็นน่าเข้าใกล้เสมอ
"กลับหลังหัน" เป็นอีก tactic ที่น่าจะดีคะ
ปิดตา เพื่อจะได้เปิดใจ
เวลาอารมณ์เดือด ก็ไปหาที่เงียบๆ ตัดทุกสิ่งทุกอย่างออกไปให้หมด
เมื่อมีสติ ทำใจได้ ค่อยกลับมาเผชิญเรื่องเดิมอีกครั้งค่ะพี่หมอ
สว้สดีคะ คุณครูพิชชา
แอบไปอ่าน 21st century skill ของคุณครูมา
ความฉลาดทางอารมณ์ น่าจะช่วยเรื่อง life and career skill ด้วยคะ :-)
สวัสดียามเช้าวันพฤหัส (แต่คืนวันพุธที่นี่คะ)
คุณแม่ฝากขอบคุณที่ให้กำลังใจมาด้วยคะ :-)
สวัสดีค่ะอาจารย์หมอ
ส่วนตัวบางทีก็เป็นค่ะ อาจเกิดจากการมีทางลัดจากทาลามัสถึงอมิกดาลา ทำให้แสดงอารมณ์อิสระออกมา สมองไม่ทันตั้งตัวค่ะ แสดงออกไปเร็วมาก บ่อยครั้งที่รู้สึกผิดทีหลังค่ะ
เวลาผ่านไป พออายุมากขึ้นก็รู้สึกเย็นลงมากค่ะ บางทีจนเฉื่อย ได้ทบทวนประสบการณ์ชีวิตก็ช่วยเราพัฒนาอีคิวตนเองได้ระดับหนึ่งค่ะ
ในชั่วโมงการอบรมทางจิตเวชชั่วโมงหนึ่ง อาจารย์จิตแพทย์ท่านหนึ่งสอนให้โป้งค่ะ โป้งอารมณ์ เช่นโป้ง ฉันรู้สึกโกรธแล้วนะ ให้เราจับอารมณ์เราได้ รู้เท่าทันและก็ปล่อยให้มันผ่านไปค่ะ
ขอบคุณบันทึกดีๆนี้ค่ะ
ขอบคุณมากคะ ท่านอาจารย์ JJ
ชีวิตไม่พอเพียง ไม่เดินทางสายกลาง
แถมคิดฟุ้งซ่าน ไม่ถูกกาละเทศะ
แม่นเลยคะ ท่านอาจารย์ :-)
สวัสดีคะ สุขสันต์วันทำงาน
พี่มนัสดา ฝึกโยคะเป็นประจำ สุขภาพกาย สุขภาพใจ แช่มชื่น
Hi Patama :-)
สวัสดีค่ะแวะมาอ่าน Emotional intelligence และนิทาน...โชคดีที่เป็นคนโกรธง่ายหายเร็ว เลือดจึงยังไม่ขึ้นหน้าค่ะ...ถ้าถูกพิษงูก็คงพอจะรักษาทันอยู่ค่ะ...เป็นคนที่ถ้าไม่ชอบอะไรก็จะลบออกจากความทรงจำ...ไม่ครุ่นคิดให้เสียเวลา...ในโลกนี้มีหลายสิ่งหลายอย่างมากมายทั้งผู้คนที่ดี... สัตว์ต่างๆที่น่ารักและธรรมชาติที่สวยงามรอเราอยู่
เป็นหลักการทางวิทยาศาสตร์
1.ปัญหา-ทุกข์
2.สาเหตุแห่งปัญหา-สมุทัย
3.การแก้ปัญหา-นิโรธ
4.ทางเข้าถึงการแก้ปัญหา-มรรค
ÄÄÄ..ขอบคุณกับ..ความรู้..ที่ว่า..เจ้าตัว..ความโกธร..มีหน้าตาเหมือน..งู..แถม..อยู่ในสมอง..มิน่า..เล่า...เอาไม่ออก..ตายก่อน..แน่..อ้ะๆๆ...สวัสดี..เจ้าค่ะ..ยายธี
เทคนิคหนึ่งที่ดีคะ อยู่เงียบๆ สักพัก ไม่ต้องคุยกับใคร แล้วตั้งหลักได้ใหม่ :-)
เห็นด้วยคะคุณครู ขึ้นกับสถานการณ์
ข้อดีของการรับฟังความขัดแย้งบ้าง ก็เป็นการฝึก ยิ่งฝึกก็ยิ่งเรียกสติกลับมาได้เร็ว
เย้ จิตเวชตัวจริงเสียงจริงมาแล้วคะ ขอบคุณมากที่แบ่งปันเคล็ดลับดีๆ
การออกเสียง "โป้ง" น่าจะกระตุ้นสติกลับมาได้รวดเร็ว จะลองดูคะ
โป้ง..ง่วงแล้ว :-D
ภาพสื่อความหมายได้ดี IQ EQ ประกอบกันและกันคะ
ขอบคุณคะอาจารย์
มีคนกล่าวว่า การจำนั้นไม่ยาก สิ่งที่ยากคือจำไม่ให้จำ
ฝึกเลือกลบสิ่งที่ไม่ต้องการจำได้ แล้วอยู่กับสิ่งสวยงามรอบตัว กันนะคะ :-)
ยิ่งอ่าน ยิ่งดูชีวิต ยิ่งเห็นจริงตามที่อาจารย์ว่าคะ
ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค ปรัชญาวิทยาศาสตร์ พิสูจน์ได้ ทำซ้ำได้
สวัสดีค่ะ
ขอบคุณคะ ภาพวิวมองไกลๆ แบบนี้มองแล้วปลอดโปร่งดีจังคะ
55 สวัสดีคะ คุณยายธี น่ารักอีกแล้ว
ตามทฤษฎีเขาว่า สมองคน ก็มาตามวิวัฒนาการ ยังมีสมองงู สมองหนู แต่โดนสมองมนุษย์ควบคุมโปะไว้คะ :-)
สวัสดีค่ะ
ขอบคุณนะคะที่ไปเยี่ยม
ชอบ เป็นแชมป์เอาแต่ใจ จุดเดือดต่ำ
เหมือนกันคะ เข้าใจ แต่ตามการรู้ให้ทันเจ้างูก็ไม่ง่ายเลย :-)
ขอบคุณคะ เชื่อว่าเด็กทุกคนเกิดมาต่างเอาแต่ใจ เป็นธรรมชาติ
โลกค่อยๆ กล่อมเกลา เรียนรู้ว่าโกรธมักให้โทษมากกว่าคุณ คะ :-)
มาตามเฉลย ครับ นำรูปหมอฮัวโต๋ มาฝาก ครับ
สวัสดีค่ะคุณหมอบางเวลา ป.
เจ๋งอีกแล้ว ขอบคุณค่ะ
ขอบคุณคะอาจารย์ "หมอฮัวโต๋ผู้รักษาทั้งอำมาตย์ และ ไพร่" :-D
สวัสดีคะคุณ poo คอมช้า แต่ยังมีน้ำใจส่งข้อความสั้นๆ
วันหนึ่งคิดได้ว่าน่าจะลดนามแฝงให้สั้น เรียกง่ายๆ เหมือนในมาลัยเสี่ยงรัก :-D
จะมีเวลางูออกฤทธิ์ งอแงบ้าง เวลาเหนื่อยล้า ปวดไหล่-บั้นเอว
(จากท่าทำฟันและสะสมมาจากเล่นคอมพ์)
จึงต้องหยุดพัก บริหารเป็นระยะ หากกล้ามเนื้อเริ่มตึง
คืนนี้ก็...ราตรีสวัสดิ์
ลาไปพักผ่อนก่อนนะคะ
(ตกลงว่ามีที่กด Like ให้ Comment หรือยังคะ ฝากกดให้ อ.วิรัตน์ 1 ครั้งค่ะ)
เป็นแบบเดียวกันเลยคะ ปวดไหล่ปวดเอว
เพิ่งตัดสินใจเปลี่ยนเก้าอี้แบบปรับขึ้นลง เอนหน้าเอนหลังได้เยอะๆ ก็ค่อยยังชั่วหน่อย
ความเห็น ท่าน อ.วิรัตน์ ทุกท่านต่างช่วย เติมเต็มแล้วยังต่อยอดความคิด
ราตรีสวัสดิ์คะ :-)
หนึ่งในคุณสมบัติที่สำคัญของผู้นำคือ สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพภายใต้สภาวะกดดัน
ผู้นำเก่งๆมักไม่โกรธง่าย ไม่หุนหันพลันแล่น และไม่มัวเสียเวลาทำอะไรที่ไม่ใช่เป้าหมายครับ
บ่อยครั้งพี่ชอบ ปล่อยเฉย ๆ แบบสักพักค่อยมาว่ากันใหม่ หรือลอยตัว ต่อเรื่องที่เรารู้สึกว่ายากต่อการตัดสินใจ
อ่านเรื่องนี้แล้่วรู้สึกว่า ทำไม่ถูกแฮะ แม้นว่าไม่ค่อยโกรธใคร แต่การปล่อยเฉย หรือ ลอยตัวเหนือปัญหา มันไม่ใช่วิืธีแก้ปัญหา
ฮืมมม
ต้องคิดวิธีแก้ปัญหาโดยหาหมอหลวง-หาทาง หาทีม หาคนช่วยคิด
บ้างแล้ว
ขอบคุณค่ะ
ขอบคุณคะอาจารย์ เห็นด้วยคะ การวางเฉย มิใช่การอยู่เฉย
แม้บางครั้ง หมอหลวง ก็คือคนใกล้ๆ ตัวที่เราเคยมองผ่านคะ :-)
หมอเวลาเจอไฟต้องเอานํ้ามาดับครับยกเว้นนํ้ามัน เพราะนํ้ามันเย็นหรือไม่ก็เอาดินหรือขี้เถ่า
ดับไฟด้วยนำมันคงไปกันใหญ่
แต่อย่าดับด้วยน้ำอัดลมเมาเทนดิว ละกัน ;-)
ขอบคุณ อ. หมอ ที่แวะไปให้กำลังใจ
ผมเหนื่อยเพลียกับอาการที่มันไม่แน่นอนของเจ้าโรคนี้จริงๆ (ไวรัสตับอักเสบ-ซี)แต่ผมก็จะสู้และเรียนรู้อยุูไปกับมันครับ
ผมจะเป็นย่างนายทหาร ค. ให้จงได้
เป็นกำลังใจให้คะ การต่อสู้กับเชื้อไวรัสที่ดีที่สุดคือ ภูมิคุ้มกันที่เกิดจากกำลังใจเราเองคะ
สวัสดีค่ะ ครูป. อาจารญ์หมอ (ชอบครูป.อะ)
ขอบคุณมากๆๆๆ นะคะ ที่แวะไปเยี่ยมพร้อมดอกไม้ เช้าค่ำ ชื่นใจๆ ชื่นใจจังนิ มีแฮงหลายเน้อ ตะกี้ แกะรอยคุณมะปรางเปรี้ยวไปแบบ "ฮงๆ" ไปเจอดงกลอยอีกแว้วววอิอิ (ฮงมากเลยนิ ครูเม้งเค้าเขียนประวัติได้หนุกหนานจริง เฮาเขียนบ่ออกเด้เนาะ) ขอบคุณหลายเด้อค่า ที่ไปเยี่ยมไปหากัน
ขอบคุณคะ ที่แบ่งปันภาพการทำน้ำหมักชีวภาพ
และมาเยี่ยมแบบ "ฮงๆ" (หรือเปล่า :-)
"ฮืมมม์.."............ลอง"ฮืมมม์.."ดูอย่างที่คุณหมอบอก ด้วยการ"ฮืมมม์.." ออก ยาวๆ แล้วก็ "ฮืมมม์.." เข้า ยาวๆ มันได้ผลเหมือนที่หญิงเล็กกับหลวงปู่ท่านบอกเอาไว้เลยครับ หัวใจฉ่ำ สติมา(แม้จะเพียงนิด) ใจเย็นขึ้นแล้วล่ะ ลุยน้ำไปซื้อมาม่าก่อนดีกว่า :)
ขอบคุณคะ ผู้ใหญ่ที่หวังดีกับเรา มักมีคำแนะนำดีๆ เสมอ
ปล. กินอะไรก็อร่อยหากไม่เหงาคะ..
เคยเห็นหนังสือเล่มหนึ่งเขียนหน้าปกไว้ว่า "อย่ากินข้าวคนเดียว" (บ่อยๆ :-)
ถ้าอยู่เหนือหรือไกล้กว่านี้อีกหน่อย ผมจะรับคำแนะของคุณหมอ ขอไปกินข้าวเย็นที่บ้านคุณหมอด้วยคนล่ะครับ....จริงๆก็ไม่ได้เดียวดายก่ายกองอะไรนักหรอกครับคุณหมอ เมื่อวานยังมีเพื่อนเก่า เขาชื่อปีเตอร์(แมงสาบใต้ตู้) แวะมานั่งทานมื้อค่ำเป็นเพื่อน ใหนจะเจ้ากระป๋อง(จิ้งจกที่หัวเตียง) แวะมาทักตอนสายๆหลังมื้อเช้าเกือบทุกวัน ก็พอให้ได้อร่อยพ้นวันอยู่นะครับ :)
วันหนึ่ง ลูกชายวัยซนกลับบ้านด้วยหน้าตาบวมปูด และบอกสาเหตุกับแม่ว่า ถูกเพื่อนล้อเลียนจึงทะเลาะกับเพื่อนและถูกเพื่อนต่อย
"แม่บอกแล้วไม่ใช่เหรอว่า เวลาถูกยั่วโมโหให้นับ 1 ถึง 10 ถ้าเชื่อแม่ซักหน่อย ก็จะไม่เจ็บตัวอย่างนี้" แม่ดุด้วยความหัวเสีย
"ก็เพราะเชื่อแม่นะสิ หนุ่ยจึงมัวแต่นับ 1 ถึง 10 ให้ไอ้จ้อนมันชกหน้าอยู่ฝ่ายเดียวจนตาปิดอย่างที่แม่เห็น" ลูกครวญ
ฝากทักทาย ปีเตอร์ กับ กระป๋องด้วยนะคะ :-D
ขอบคุณที่ให้เกียรติคะอาจารย์ ทุกครั้งที่อาจารย์มาเยือน ได้เติมเต็ม ทั้งสาระและอารมณ์ดีไปด้วยคะ
อ่านเรื่องสั้นอาจารย์แล้วนึก..สงสัยต้องยอมให้ hijack วิ่งหนีไปก่อน แล้วค่อยนับ 1 ถึง 10 ทีหลังคะ :-)
อาจารย์จุดประเด็น เชื่อมโยงทางสายกลาง กับ Qualitative / Quatitative research ได้อย่างน่าสนใจยิ่งคะ ทั้งสองวิธี มีจุดแข็ง จุดอ่อน ที่น่าจะเสริมกันมากกว่าแข่งขันกัน คล้าย ชาย กับ หญิง / หยิน กับ หยาง...สถานศึกษาน่านำไปพิจารณามากๆ คะ
เรื่องแก้ไขการเขียน หนูต้องขอบคุณอาจารย์ถึงจะถูกคะ เสน่ห์ของ gotoknow อยู่ที่ตรงนี้แหละคะ :-D
เคยลองใช้วิธีผ่าตัดอารมณ์ของอจ.หมอวิธาน
ตอนนี้มาเรียนรู้แลกเปลี่ยนกับหมอ ป.ก็ดีอีกแบบ
เอาว่าทั้งชีวิตถ้าเกิดปี๊ดแตกเมื่อไหร่เลือกใช้....
ได้หลายวิธี...
ฟังดูน่าสนใจจังคะ "ผ่าตัดอารมณ์" อยู่ในหนังสือของ อ.หมอวิธานหรือเปล่าคะ
พี่อรพรรณมีปี๊ดด้วยหรือคะ หรือเป็นภูเขาไฟหิมะ :-)
ขอบคุณคะ เป็นกำลังใจให้รับมือกับน้ำท่วมด้วยนะคะ
เห็นด้วยค่ะ
มัวแต่ถกเถียงกันเลยไม่ทันการณ์ (รู้มาก ปัญหามาก ไม่ลงตัวมัวแต่คิดแต่ไม่ทำ)
แม้จะโดนพิษแบบ ค แต่เมื่อพยายามก็สำเร็จ
เป็นข้อคิดที่ดีคะ รู้มาก ไม่สำคัญเท่ากับ ใช้ความรู้ให้ถูกกาละเทศะ
เคยเป็นคนปรอทขึ้นเร็วมากและไม่ค่อยกลัวใคร หรือ กลัวอะไรค่ะจึงพาให้คนขยาดและคงไม่อยากยุ่งด้วย อดีตจึงทำร้ายตัวเองและผู้คนรอบๆโดยไม่รู้ตัว พบวิชาธรรมะ ได้ข้อคิด วิธีปฏิบัติที่ฝึกบ่อยๆจนดีขึ้นมากๆ แม้จะยังโกรธง่ายอยู่ แต่จะรู้ตัวเร็วมากและ "เห็น" อารมณ์โกรธ เห็นมันมา จนเห็นมันจางไป เลยไม่ใส่ใจสิ่งที่ทำให้โกรธ
การเรียนรู้กลไกของร่างกายเช่นนี้จะช่วยได้เยอะนะคะสำหรับการนำไปช่วยฝึกเด็กๆในเบื้องต้นให้จัดการกับอารมณ์โกรธ
ตอนนี้ใช้แนวทางท่านอาจารย์มิตซูโอะค่ะ เวลากิเลสทั้งหลายมาเยือน รับรู้...ยิ้มน้อยๆในใจ หายใจเข้าลึกๆ ...หายใจออกยาวๆ
ขอบคุณคะอาจารย์ มีอารมณ์เป็นเรื่องปกติ ขึ้นกับว่าใคร รู้ตัว และ "เห็น" อารมณ์ของตนเองได้ทันท่วงทีหรือไม่
ได้ยินชื่อท่านอาจารย์มิตซูโอะ บ่อยครั้ง คงต้องขอคำแนะนำหากมีหนังสือดีๆ ของท่านนะคะ