Moscow ตอนที่ 2 ทัวร์ Kremlin
วันแรกที่เราเริ่มต้นเที่ยวกันคือวันเสาร์ที่ 27 สิงหาคม ซึ่งวันนี้เราก็ตื่นกันแต่เช้าเพื่อไปอีกตึกหนึ่งสำหรับใช้ wifi ในการโทรติดต่อหาเจ้าตัวเล็กที่บ้านด้วย iphone โดยใช้โปรแกรม skype คือต้องนัดกันก่อนว่าจะเปิดพร้อมกันกี่โมงค่ะ โอทีเดียวในการติดต่อแบบนี้เพราะถ้าใครใช้ AIS แบบ IR จะเจอนาทีละ 195 บาทเชียวค่ะ แพงมั่ก มั่ก อ้อ ถ้ามี iphone 2 เครื่อง หรือ ipad 3G ก็สามารถ face time คุยกันแบบฟรีๆ ได้เลยค่ะ
จากนั้นก็มาทำอาหารเช้ากินกัน ที่นี่เค้ามาครัวให้ด้วย ทำอาหารได้ เมื่อวานเราก็เอาเสบียงใส่ตู้เย็นไว้แล้ว พวกเสบียงก็เป็นของแห้ง พกไปง่ายๆ เช่น โจ๊กซอง หมูยอป้าปี๋ บางคนก็เอาอาหารกล่อง S&P ไปก็มีค่ะ ที่นี่มีกาแฟฟรี ชาฟรี ประหยัดได้เยอะเลย อิ่มด้วย
ที่เที่ยวที่เราจะไปในวันนี้มีดังนี้ค่ะ kremlin (เข้า amoury chamber และ cathedral square) จัตุรัสแดง วิหาร St Basil ห้าง Gum ที่แสนเก่าแก่ และ ถนน Arabat
จากที่พักเดินไป kremlin ประมาณ 10 นาทีเท่านั้นเองค่ะ ไม่ไกลมาก ตอนที่เราออกมาก็ยังเช้าอยู่มาก ถึง kremlin ก็ถ่ายรูปกันซะหน่อย
รูปเปลวไฟที่ไม่มีวันดับ.. มีทหารเฝ้าอยู่ 2 ด้านเลย
สักพักก็พากันไปซื้อตั๋วเข้า kremlin เดินไปทางด้านข้างๆ จะมีที่ขายตั๋วอยู่ค่ะ ซื้อตั๋วเข้า Kremlin + amoury chamber ราคา 1,050 ruble
คือทุกอย่างที่เขียนไว้เป็นภาษารัสเซียเกือบทั้งหมด ดูให้ดีนะคะ บางคนก็เข้าแต่ Kremlin ไม่เข้า The Armoury chamber แต่แนะนำว่า เข้าไปดูเหอะค่ะ ไหนๆ ก็มาแล้ว
ทางเข้า amoury chamber จะอยู่คนละที่กับทางเข้า kremlin และจะมีรอบในการเข้าด้วยนะคะ เราได้รอบ 10.00 น. ตอนแรกไปยืนรอคิวตรงทางเข้าที่อยู่ติดกับที่ขายตั๋ว ก็มีคุณลุงใจดีคนนึงเดินมาบอกว่า ตั๋วของคุณน่ะ ให้ไปเข้า amoury ก่อนเพราะใกล้จะ 10 โมงแล้ว ส่วน kremlin มาเข้าตอนไหนก็ได้ อ้าว ก็ขอบอกขอบใจเค้า แล้วก็เดินไปกันต่อทางด้านขวา เดินตามคนไปเรื่อยๆ ค่ะ ก็จะเจอแถวต่อคิวเพื่อเข้าไปข้างในอีก อันนี้ต้องระวังการแซงคิวอีกแล้วค่ะ เมื่อไหร่มีคิวจะมีการแซงคิวกันเสมอใน Moscow ทางเข้าก็จะมีตรวจกระเป๋า และก็ผ่านเครื่องตรวจที่เป็นกล่องๆ พอเข้าไปได้ก็ไปยัง amoury chamber กันก่อน ที่นี่ห้ามถ่ายรูปค่ะ เดินชมข้าวของด้านในก็โอ่อ่า สวยงามสมกับประเทศเค้าแหละค่ะ แต่ก็นะ ของยังมีน้อยกว่าที่ London มากเลย แต่ก็หรูหราสวยงามอีกแบบนึง
จาก amoury chamber เราก็เดินต่อเข้าไปยัง cathedral square ที่นี่ไม่หวงถ่ายรูปค่ะ แต่ต้องมีการตรวจบัตรทุกโบสถ์ที่เข้าไป อลังการสวยงามเช่นกัน การเดินข้ามถนนในวังเนี่ย จะต้องเดินข้ามเฉพาะตรงทางม้าลายเท่านั้นนะคะ มิเช่นนั้นตำรวจจะเป่านกหวีดและเรียกด้วยเสียงอันดังเลยค่ะ ภายใน cathedral square ก็จะมีโบสถ์หัวหอมให้เราชมมากมาย ใหญ่โต โอ่อ่า อลังการ สวยงามมากมากเลยค่ะเริ่มชมกันเลยค่ะ
จากนั้นเราก็ออกจาก kremlin มาหาของกินกลางวันกัน มีรถขายอาหารระหว่างทางก็ซื้อกินค่ะ เป็นไส้กรอกวางอยู่ในขนมปัง เหมือน hotdog แต่ที่นี่เค้าเรียก แซนด์วิช แฮะ อันละ 100 ruble กินแก้หิวกันไปก่อน
อากาศเริ่มร้อนแล้วค่ะ แดดสวย ฟ้าใส มากมาก เราเดินกันต่อไปยังมหาวิหาร St basil ที่ทุกคนที่มา Moscow จะต้องไปเยือน ขณะที่เดินผ่านจัตุรัสแดงก็จะต้องตรวจกระเป๋าที่ทางเข้าอีก อ้อ ช่วงนี้มีการจัดเตรียมสถานที่เพื่อแข่งขันวงโยธวาธิทโลก ด้วยค่ะ บดบังทัศนียภาพเล็กน้อย คนเริ่มเดินกันเยอะมากขึ้น เราเดินผ่านห้าง Gum อันแสนเก่าแก่
เดินไปถึง St basil คนเยอะมาก ถ่ายรูปด้านนอกพอหอมปากหอมคอ ก็เลยชวนกันเข้าไปด้านใน ค่าตั๋วเข้าไปอีกคนละ 250 ruble ไหนๆ ก็มาละ เข้าไปซะหน่อย
ด้านในพอเดินเข้าไปก็เจอ 4 คนนี้ร้องเพลงอยู่ มีภาพ และห้องสไตล์ รัสเซียน ออร์โธดอกส์ ให้ชื่นชม ไม่หวงถ่ายรูปค่ะ มาแล้วก็สัมผัสซะหน่อย
ไหนๆ ก็มาแล้ว เราก็เลยแวะห้าง GUM กันซะหน่อยเพื่อพักขา และใช้บริการห้องน้ำ นี่เป็นบรรยากาศภายในห้างค่ะ
เดินดูของกันซะหน่อย เจอะร้านของที่ระลึก มีตุ๊กตาแม่ลูกดกโชว์อยู่หน้าร้าน เราก็เลย เดินเข้าไปถามราคา พอถามว่า How much? คนขาย 2 คนก็มองหน้ากันแบบเกี่ยงกัน ว่า แกไปสิ แกสิไป อะไรทำนองนี้ แล้วก็มีคนนึงลุกออกมาพร้อมกับเครื่องคิดเลขในมือ เค้าก็กดราคาให้เราดู อ้อ ราคาแพงเอาการ ก็เลยถามต่อว่า ตุ๊กตานี้ทำจากอะไรเพราะดูเหมือนจะเป็นกระเบื้อง ไม่เหมือนทำจากไม้ เค้าก็กดตอบมาอีกว่า 7 ตัว (คงคิดว่าเราถามว่า มีกี่ตัว) 555
จากที่นี่เราก็กลับมาขึ้น Metro สายสีแดง OKHOTNY RYAD (Охотный ряд) คือจังหวะนี้ เราต้องเทียบตัวอักษรกันแล้วค่ะ เพราะเดินไปทางไหนก็ไม่มีภาษาอังกฤษ ถามใครก็ไม่รู้เรื่อง แถมยังไม่เห็นชาวเอเชียด้วยกันเลยแม้แต่น้อย ไปทางไหนก็เป็นชาวเอเชีย 2 คนเดินกันต๊อกต๋อยอยู่ ขึ้นสายสีแดง ไป 1 สถานี แล้วก็เปลี่ยนสายเป็นสีฟ้า ไปลงสถานี SMOLENSKAYA (СМОЛЕНСКАЯ) ขึ้นสถานีมาได้ก็มองหาตึกรูปเค้กแต่งงาน ซึ่งเป็นตึกกระทรวงการต่างประเทศ เพราะที่นั่นเป็นหัวถนน Arabat ที่เราจะไปกันนั่นเองค่ะ วิธีเข้าสถานี Metro ของที่นี่เค้าจะมีทางเข้าและทางออกที่แยกกัน มีป้ายอยู่ค่ะ ทางเข้าจะห้ามออก ทางออกก็ห้ามเข้า เจอทางเข้าแล้วก็ผลักประตูเข้าไปเลย ด้านในจะมีประตูหมุนกั้นอีกที ให้เอาบัตรแตะที่เครื่องอ่าน มันจะโชว์ว่าเหลืออีกกี่เที่ยว และมีไฟสีเขียว แสดงว่าผ่านได้ ประตูก็จะเปิด เราก็เดินผ่านเข้าไปเลยค่ะ ทุกประตูจะมีตำรวจยืนคุมอยู่ ถ้าไม่เห็นตำรวจอย่าคิดว่าไม่มีใครดูนะคะ เพราะเจอวัยรุ่นกลุ่มนึง เข้าไปทีละ 2 คน พอหลุดเข้าไปได้ ตำรวจมาจากไหนก็ไม่รู้มาเรียกไปเลยค่ะ
บรรยากาศถนน Arabat ซึ่งเป็นถนนคนเดินของรัสเซียเป็นแบบนี้ค่ะ
มีคนมาเล่นดนตรีเปิดหมวก
กลุ่มนี้มาเล่นไวโอลิน เพราะมากเลยค่ะ
บางคนก็มาท้าประลอง อย่างสาวน้อยคนนี้ก็ท้าประลองขี่จักรยานให้ได้ 3 เมตร โดยคนเล่นจะต้องจ่าย 100 ruble ก่อน สำหรับการขี่ 3 ครั้ง ถ้าครั้งใดครั้งหนึ่งขี่ไปได้ 3 เมตร คือเธอจะมีเส้นชัยให้ด้วย จะได้เงิน 300 ruble ก็มีคนมาเล่นเหมือนกันค่ะ แต่จักรยานของเธอขี่ไม่ง่ายเลยค่ะ เป็นจักรยานดัดแปลงที่จะต้องหัดขี่มาก่อนจนชำนาญ
คุณลุงคนนี้มาตกขวด แบบเล่นเกม ใครตกได้ก็เอาไปเลย แต่ก่อนเล่นต้องจ่ายก่อน
มีรถพยาบาลมาด้วยค่ะ แต่ไม่เร่งรืบอะไร ไม่น่ามีอะไรฉุกเฉิน
ส่วนนี่น่าจะเป็นร้านขายยาหรือเปล่า เพราะมีสัญญาลักษณ์งูพันถ้วย
เดินมาจนสุดถนน มีอะไรให้ดูเยอะแยะค่ะ มีวาดรูปเหมือนโดยศิลปินชาวรัสเซีย และร้านขายของที่ระลึก ซึ่งราคาของก็ระทึกมาก มีตั้งแต่ไม่กี่ร้อยไปจนถึงราคาเป็นแสน ที่เห็นเยอะๆ ก็จะเป็นตุ๊กตามาโตสก้า (ตุ๊กตาแม่ลูกดก) ลูกดกเยอะที่สุดก็จะนับได้ 50 ตัว คือตัวแม่ก็จะโตเป็นไหเลยค่ะ เราก็เดินสำรวจของที่ระลึกกันก่อน ว่ามีอะไรน่าสนใจบ้าง อ้อ มีร้านอาหารชื่อร้าน มู มู (My My) ที่เราเล็งกันไว้ว่า เดี๋ยวต้องมากินซักมื้อเพราะเห็นแนะนำกันในเว็บว่าอร่อยแปลกดี หน้าร้านจะมีสัญลักษณ์รูปวัว ยืนอยู่ วันนี้ก็ไปถ่ายรูปกับวัวไปก่อน
เดินกันพอเหนื่อยก็กลับกันค่ะ อ้อ จากถนน Arabat เดินกลับที่พักได้เลย ไม่ไกลค่ะ เดินประมาณ 10 นาที กลับมากินอาหารเย็นที่ Hostel กินของที่เตรียมมาเช่นเคย รอติดตามตอนหน้านะคะ จะพาไปเที่ยววิหารชี และอื่นๆ อีกมากมายแบบไปกันเอง...
ตอนต่อไปติดตามได้ที่นี่ค่ะ http://www.gotoknow.org/blog/learn2travel/462639
ความเห็น (3)
การเดินทางเป็นการเรียนรู้ครั้งสำคัญเสมอ
สวัสดีค่ะ
เป็นการเดินทาง ที่ตื่นเต้นและสวยงาม...ประทับใจต่ะ
ช่างจดจำ ช่างเล่า บรรยาย รายละเอียด จนเห็นภาพ น่าติดตาม..ชอบนะ .. น่าจะรวบรวมทำเป็นพ๊อกเก็ตบุ๊คนะ ...