มอเตอร์ไซค์รับจ้าง.- คิวที่ ๑


โตนี่ - ฟาง. GotoKnow.

* เรื่องแรกที่ผู้เขียนอยากให้ท่านได้อ่านนั้นจบลงแล้ว  อาจจะยาวเกินไป.สำหรับนักอ่านไทยในสมัยนี้.. เรื่องใหม่นี้ขอบอกว่าสั้นกว่าเรื่องเดิม และน่าสนใจพอพอกัน แถมยังดีสำหรับคนขับรถมอเตอร์ไซค์รับจ้างด้วยน๊ะ-ทุกคิว.เพราะอ่านจบแล้วยังจะได้รู้ถึงวิธีปฎิบัติและวิธีป้องกัน ถ้า..เผอิญเกิดเหตุการณ์ขึ้นกับตนเองหรือญาติโยม.

มอเตอร์ไซค์รับจ้าง. โดยมอเตอร์ไซค์เบอร์ห้า. เริ่มเขียนใน ๑๖ ม.ค. ๕๓

กล่าวนำ. 

เป็นที่ทราบกันมานานแล้วว่า  คนเรานั้นสามารถเดินทางได้สามทาง คือทางบก , ทางเรือ และทางอากาศ ผู้เขียนอยากเขียนเรื่องจริงจากประสบการณ์ทางบกชนิดหนึ่งซึ่งเป็นที่นิยมกันมานานแล้ว ให้ท่านได้อ่านกันอย่างน้อยท่านยังสามารถนำไปเป็นประสบการณ์ หรือนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ เพื่อความอยู่รอดของตัวท่านเองตลอดจนญาติมิตร  ขอให้ท่านได้ใช้พิจารณญานในการอ่านเรื่องนี้  เมื่ออ่านจบแล้วผู้เขียนขออวยพรให้ท่านเดินทางไปไหนมาไหน ? ด้วยรถมอเตอร์ไซค์รับจ้าง อย่างรู้เท่าทันและปลอดภัยจาก อันตรายทั้งปวงน๊ะครับ.

ด้วยความปรารถนาดี.

จากมอเตอร์ไซค์เบอร์ห้า.

มอเตอร์ไซค์เบอร์ - ๕.

มียานพาหนะชนิดหนึ่ง ที่เล็กกระทัดรัดใช้ได้ทั่วไปบนท้องถนนหลวง ดีสำหรับตามตรอก - ซอก - ซอย. ท้องไร่ท้องนาหรือแม้กระทั่งในป่าเขา สามารถนำพาเรา - ท่านๆไปไหนมาไหนได้สะดวกรวดเร็วพอสมควร ตั้งแต่ยุคก่อนจนถึงยุคปัจจุบัน ซึ่งตรงกับคำในภาษาอังกฤษว่ามอเตอร์ไซค์เคิ้ล - Motorcycle. ภาษาที่ใช้ตามชายแดนไทย - มาเลย์เซียหรือภาษายาวีเรียกว่ามูตูซิก้า - Mutucika.ในสมัยที่ผู้เขียนยังเรียนอยู่ระดับมัธยมที่รร.วัดธาตุทอง พระโขนง กรุงเทพฯ ช่วงประมาณปี ๒๕๐๗ บิดาเคยพาไปเที่ยวแถวกาญจนบุรี และผมยังจำได้เสมอว่าพอเราลงจากรถบขส.ก็จะมีรถมอเตอร์ไซค์ขี่วนเวียนมาใกล้ๆเราแล้วชี้มือขึ้นไปบนฟ้า. คงเป็นการเรียกลูกค้านั่นเอง ! สมัยนั้นคนขับรถยังไม่นิยมตะโกนเรียกลูกค้า  แต่ในสมัยที่ผมมีโอกาสมาขับมอเตอร์ไซค์รับจ้างนั้น เราจะเรียกผู้โดยสารด้วยการถามว่า..พี่ครับมอเตอร์ไซค์ไหมครับ ? ส่วนมือนั้นก็ยังคงชี้ขึ้นฟ้า เหมือนรุ่นพี่พี่ที่เขาทำกันมานานแล้วนั่นเอง. ผมมีโอกาสมาให้บริการกับผู้โดยสารจริงๆรวมเวลาประมาณสี่ปีเห็นจะได้ครับ. ช่วงประมาณปี ๒๕๓๓ - ๒๕๓๖. ความจริงยังไม่ปรากฏหลักฐานเป็นที่ชัดเจนว่า มอเตอร์ไซค์รับจ้างนั้นเกิดขึ้นยุคใดสมัยใด ?

ผมเคยอ่านพบในหนังสือได้ความว่าเกิดจากการที่บรรดาสมาชิกชาวเรือ ซึ่งมีที่พักอยู่แถวๆอาคารพัก   บริเวณทุ่งมหาเมฆ. มักจะมาพบปะสังสรรค์กันเสมอๆ แต่เวลาจะกลับก็ยังไม่มีรถไปส่งกันแต่อย่างใด ? บรรดาสมาชิกชาวเรือที่มีน้ำใจก็มักจะนำรถมอเตอร์ไซค์ของตนไปส่ง แรกๆก็ไปส่งกันแบบไม่คิดสตางค์พอบ่อยเข้า เพื่อนๆก็คงเกิดการเกรงใจขึ้นมาบ้างจึงให้เงินเพื่อเป็นค่าน้ำมันรถ ต่อมาเมื่อได้มีการรับ - ส่งสมาชิกกันบ่อยๆเข้า จึงมีคนคิดที่จะนำรถมอเตอร์ไซค์ของตน มาคอยรับและส่งบรรดาเพื่อนๆกันเองและรับ - ส่งผู้โดยสารคนอื่นๆบ้าง  โดยต่อมาได้ทำกันเป็นรูปธุรกิจแบบเล็กๆไปก่อน. นี่กระมัง ! จึงเป็นการเปิดสัมปทานรถมอเตอร์ไซค์รับจ้างขึ้นมาในช่วงแรกๆ ต่อมาจึงได้เกิดการขยายสาขาหรือขยายคิวกันขึ้น ไม่ว่าจะเป็นในกทม.หรือปริมณฑลและตามจังหวัดใกล้เคียงอื่นๆ แรกๆก็คงยังไม่ค่อยจะวิ่งกันจริงจังนัก  แต่พอเริ่มเห็นเงินเป็นกอบเป็นกำขึ้นมา จึงมีการตั้งคิวขึ้นเป็นแบบธุรกิจโดยมีคนคุมคิวกันแบบธรรมดาบ้าง มีตำรวจมาคุมบ้าง และที่ขาดกันไม่ได้ก็คือมีนักเลงมาคุมอีกต่างหาก. แรกๆก็ยังมีผู้โดยสารมาใช้บริการกันไม่มากนัก อาจเป็นเพราะผู้โดยสาร  ยังไม่คุ้นเคยก็เป็นได้. ต่อมาพอมีโอกาสมาใช้บริการจึงทราบว่า  เออ..สะดวกรวดเร็วกว่าการใช้บริการรถเมล์ แถมราคาก็ใกล้เคียงกันหรืออาจจะถูกกว่ากัน ที่สำคัญพอเรียกใช้ก็สามารถไปได้เลยครับไม่จำเป็นต้องมารอให้ผู้โดยสารเต็มรถเสียก่อน เหมือนรถสองแถวบางคันหรือบางคิว ซึ่งจะต้องให้ผู้โดยสารเต็มรถเสียก่อน หรือต้องจอดตามเวลาที่ในคิวกำหนดจึงจะนำรถออกจากคิวได้ เรื่องที่ผมจะได้เขียนให้ท่านอ่านนี้ผมจะขอนำเสนอเฉพาะเรื่องที่ได้เกิดขึ้นที่คิวของผมเท่านั้น ! คิวสีฟ้าที่สัตหีบ ขณะที่เขียนเรื่องนี้ สมาชิกได้เลิกวิ่งรถกันไปหมดแล้ว.สาเหตุที่ทำให้บรรดาสมาชิกต้องทิ้งคิวและเลิกอาชีพกันเป็นเพราะเศรษฐกิจแย่ลงบ้าง  สมาชิกถูกย้ายหน่วยงานกันไปที่หน่วยอื่นๆบ้าง ที่สำคัญคือผู้โดยสารหลายๆคนที่เคยมาใช้บริการกับเรา  พี่แกดันไปออกรถมาแล้วนำมาวิ่งคิวแข่งกับพวกเรา เหตุนี้เองจึงทำให้  คนขับรถมอเตอร์ไซค์รับจ้าง  มีมากกว่าผู้โดยสาร. ช่วงที่ผมแก้ไขเพิ่มเติม เรื่องนี้ผมมีโอกาสผ่านไปที่คิวเดิมปรากฏว่าคิวได้ล้มไปแบบถาวรแล้ว  สาเหตุเพราะรถบัสคิวสัตหีบ - กรุงเทพฯนั้นเลิกกิจการไปแล้ว พ.ศ.นี้รถตู้ถือว่า สะดวกและคล่องแคล่วที่สุดแต่มักมีอุบัติเหตุกับรถตู้บ่อยที่สุดเช่นกัน คดีที่เด็กสาวอายุยังไม่ถึงตามที่กฎหมายกำหนดแล้วแอบมาขับรถและเกิดอุบัติเหตุ  จนทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง ๙ ศพ คดียังไม่จบง่ายๆหรอกครับ !

ต่อมาผู้โดยสาร ที่เคยใช้บริการก็เลิกใช้รถมอเตอร์ไซค์รับจ้างกันไปหลายคน เพราะผู้ขับขี่ได้เพิ่มราคาค่ารถขึ้นอีก  เพื่อแข่งกับราคาน้ำมันซึ่งยังคงขึ้นเอา ขึ้นเอา แบบรายวัน  น่าเห็นใจทั้งสองฝ่ายครับ.  ที่จริงภายในพื้นที่สัตหีบนี้ ผมจะขอกล่าวตั้งแต่หน้าหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน ไปจนถึงบริเวณกม.หนึ่งเท่านั้น.  ช่วงที่ผมเริ่มวิ่งมอเตอร์ไซค์คิวนั้นถนนสุขุมวิทยังเป็นเลนเดียวอยู่เลยครับ  ก็มีคิวหน้านย. พลเรือนและทหารผสมกัน. เลี้ยวซ้ายไปทางกม.หนึ่ง   จะเป็นคิวพลเรือนล้วนๆ. ตั้งอยู่ใต้ต้นก้ามปู.   เลยมาก็เป็นคิวสีเหลืองซึ่งตั้งคิวอยู่ที่ทางแยกกม.หนึ่ง เข้าตลาดสัตหีบ ซึ่งได้แยกมาเป็นบางส่วน จากคิวหน้าร้านอินทราในตลาด. คิวนี้จะผสมกันระหว่างพลเรือน  และข้าราชการรปภ.ฐานทัพฯ และคิวที่มีสมาชิกมากพอสมควรในตลาดก็คือคิวสีชมพูหน้าธนาคารออมสิน ต่อมาใครอยากจะตั้งคิวก็เอาป้ายมาติด  เอารถมาจอดแล้วก็ดำเนินธุรกิจกันไป  โดยไม่มีการขออนุญาตใดใด ? ช่างดีเหลือเกินน๊ะ !แน่นอนครับ พอเริ่มมีคิวรถเพิ่มมากขึ้นผู้โดยสารก็เริ่มลดลงเป็นธรรมดา. ที่ขาดไม่ได้ก็มักจะมีคนเข้ามาเรียกขอเก็บค่าคุ้มครอง  อันนี้ผมสามารถพูดได้เลยเพราะถูกเรียกด้วยตัวเอง  จากผู้มีอำนาจในท้องที่  ผมได้ปฏิเสธไปว่าผมมิใช่เจ้าของคิวไม่สามารถตอบรับหรือปฏิเสธได้  การวิ่งรถนั้นก็มาวิ่งเฉพาะวันหยุดราชการ และช่วงที่มาพักจากชายแดนเท่านั้น !  ผู้ที่มาเรียกเก็บก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรกับผมดี  สมาชิกในคิวเราจึงยังคงวิ่งกันไปเรื่อยๆ      หลายปีต่อมา ทางการได้ประกาศให้รถมอเตอร์ไซค์รับจ้างต้องมาขึ้นทะเบียนเพื่อเสียภาษีและใช้ป้ายทะเบียนเป็นสีเหลือง โดยจะเริ่มจากกทม.ก่อน ตามด้วยคิวต่างๆในปริมณฑล.  น่าเสียดายที่ยังขยายมาไม่ถึงคิวสีฟ้าของเรา. แต่สมาชิกในคิวเราได้เลิกวิ่งกันเรียบร้อยไปแล้วด้วยเหตุผลหลายอย่างเช่นน้ำมันแพงขึ้น  ถ้ายังวิ่งต่อก็จำเป็นต้องไปเรียกเก็บค่าโดยสารแพงขึ้นอีก , ผู้โดยสารที่มาจากกทม.ก็ลงกันที่หน้าค่ายกรมหลวงชุมพร ฯเสียเป็นส่วนใหญ่   จึงทำให้ผู้โดยสารหายไปกว่าครึ่ง.ต่อมารถโชควัฒนาซึ่งเป็นคิวเก่าแก่วิ่งระหว่างสัตหีบ - กรุงเทพฯได้เลิกกิจการเสียแล้ว  พอถนนสุขุมวิทสร้างเสร็จรถเมล์ที่เคยเข้ามาส่งผู้โดยสารในตลาดสัตหีบก็ได้วิ่งผ่านสายบายพ๊าสไป By Pass.  ผู้โดยสารต่างๆก็ไปใช้บริการกับคิวอื่นๆที่ตั้งขึ้นใหม่และสะดวกกับผู้โดยสาร  โอ๊ย ! ยังมีอีกหลายสาเหตุครับช่นพื้นที่สัตหีบนั้นใครๆก็ทราบดีว่า เป็นพื้นที่ทหารแถมยังมีไม่รู้กี่หน่วยงาน ? ทางทหารเรือยังจัดรถสวัสดิการทหารเรือขึ้นอีก ทีนี้ผู้โดยสารหายไปกว่าครึ่ง  ต่อมามีการร้องเรียนเพราะมีพลเรือนจำนวนมากนิยมมาใช้บริการจากรถสวัสดิการ ก็แหม !ค่ารถถูกกว่ากัน วิ่งรวดเดียวเพราะไม่จอดรับคนกลางทาง  ผู้โดยสารไม่ต้องต่อรถอีก โดยเฉพาะผู้ที่มาลงรถในใจกลางเมืองหลวงเช่นแถวท่าราษฎร์ฯ  สนามหลวงหรือข้ามไปแถวฝั่งธนฯ  สะดวกและง่ายดายแถมยังราคาถูกอีกต่างหาก ผู้โดยสารจึงนิยมหันมาใช้บริการกัน  ต่อมาสถานีนี้จึงได้ออกมาตั้งนอกค่ายเพื่อสะดวกในการจองตั๋วสำหรับบุคคลภายนอก  เพราะไม่ต้องมีการตรวจบัตรให้ยุ่งยากในการเข้าไปจองตั๋วที่ร้านค้าของฐานทัพเรือสัตหีบ หรือชื่อเดิมเดิมว่าตลาดกอง..  ผมนำเรื่องเสียยาวไปหน่อย มาถึงบรรทัดนี้ผู้อ่านหลายๆท่านคงอยากทราบกันแล้วสิครับว่า  ผมเข้ามาวิ่งคิวได้อย่างไร ?  เริ่มมาให้บริการกันตั้งแต่เมื่อไร ? รายได้ดีหรือไม่ ?  พี่ต้องใจเย็นสักนิดน๊ะครับ  ที่จริงผมกำลังจะเริ่มเล่าให้ท่านได้ทราบอย่างละเอียดกันเลยครับ. ก่อนที่ผมจะได้มาเป็นสมาชิก  เพื่อมาวิ่งมอเตอร์ไซค์รับจ้างในคิวนี้. อยู่ตรงกันข้ามกับคิวรถสัตหีบ - กรุงเทพฯ หรือที่นิยมเรียกกันว่าคิวรถโชค  ตัวคิวอยู่ติดร้านกล้วยแขกข้างประตูวัดหลวงพ่ออี๋ ด้านชายทะเล  ผมได้ย้ายมาจากภาคใต้เพื่อมาประจำยังหน่วยงานใหม่ในพื้นที่สัตหีบ  หลายปีต่อมาผมได้ไปราชการแถวๆพื้นที่ภาคตะวันออก และถูกเรียกกลับมาเพื่อช่วยงานระดับชาติยังพื้นที่พัทยา  ชื่อว่าการแข่งขันกระโดดร่มนานาชาติ. ทางกองทัพเรือเป็นเจ้าภาพผมมีโอกาสมาเป็นจนท.ประจำทีม ถึงสามครั้งสามครา.พอมีโอกาสผมได้ไปติดต่อกับเจ้าของคิวเพื่อมาวิ่งรถหารายได้ กับเขาบ้าง. จ่าสุวิทย์ หัวหน้าคิวซึ่งเป็นคนใต้บ้านเดียวกับผม  แต่เราอยู่กันคนละจังหวัด.  เขารับราชการอยู่ที่หน่วยงานใกล้ๆกับผม   “  ถ้าพร้อมก็ให้มาวิ่งได้เลยครับพี่ ”  เขาบอกผมแบบนั้นจริงๆไม่ต้องเสียค่าคิวใดใดทั้งสิ้น. หมายถึงค่าคิวก่อนเข้า.  ปกติตามคิวต่างๆในสมัยนั้นหัวหน้ามักจะเรียกเก็บเพียงหลักร้อยเท่านั้น ! ซึ่งเป็นเงินกินเปล่า ปัจจุบันนี้เก็บกันเป็นหมื่นแล้วครับ  ขึ้นอยู่กับทำเลต่างๆ. ถ้าเป็นในกรุงเทพฯผมคิดว่า น่าจะเก็บกันเป็นหลักแสนที่จริงผมว่ายังไงๆก็น่าจะคุ้มครับ. สมมุติว่าเราเสียค่าคิวไปหนึ่งแสนบาท เราจะวิ่งเป็นอาชีพหรือเป็นงานนอกเวลาก็ตาม  เราใช้เวลาวิ่งไปสักพักใหญ่ๆ ๓ - ๔ ปี. เราก็จะได้เงินผ่อนคืนกลับมา  เป็นค่าผ่อนรถบ้างค่าใช้จ่ายภายในบ้านบ้าง แม้เราจะมีรายได้จากเงินเดือน ก็ตามเห็นไหมครับว่า อย่างน้อยก็มีเงินใช้แบบไม่ขาดมือ วันใดที่ต้องการจะหยุดวิ่งเป็นการถาวร  ก็สามารถขายคิวต่อให้กับใครก็ได้ ซึ่งตอนนั้นราคาอาจจะเพิ่มขึ้นแล้วพอขายคิวได้ก็เสมือนว่าเราได้ดอกเบี้ยจากการฝากเงินนั่นเอง ! จากนั้นก็ทำการปิดบัญชี เชื่อผมเถอะครับ ยังไงๆก็ต้องมีกำไรบ้างไม่มากก็น้อย สำหรับที่คิวสีฟ้าซึ่งผมมาวิ่งอยู่ในขณะนั้นสมาชิกส่วนใหญ่ จะเป็นข้าราชการจากหน่วยงานต่างๆในพื้นที่ใกล้เคียง ค่าคิวตอนเข้าไม่ต้องเสียแต่สมาชิกไม่สามารถนำรถไปให้ผู้อื่นวิ่งโดยรับช่วงต่อจากเราได้..ที่สำคัญเมื่อต้องการจะหยุดหรือเลิกวิ่ง ก็เลิกไปได้เลย ห้ามนำไปขายต่อให้ใครโดยเด็ดขาด ส่วนค่าคิวประจำเดือนนั้นผมจำไม่ได้แล้วครับว่าต้องเสียคันละเท่าไร ? น่าจะประมาณ ๕๐ บาทต่อเดือน. เราต้องนำไปจ่ายค่าน้ำ - ค่าไฟให้กับเจ้าของสถานที่ทุกเดือน ยังไงๆก็แสนจะคุ้มครับเพราะเฉลี่ยแล้ว  ค่าคิวเพียงวันละประมาณ ๑. ๕๐ บาทหรือหกสลึงนั่นเอง  ! ส่วนรายได้ประจำวันนั้นใครขยันก็วิ่งกันไป. สำหรับผมมักจะเอาเพียงวันละหนึ่งร้อยบาทเท่านั้นจึงจะกลับเข้าบ้าน. ในความเป็นจริงแล้วบางครั้ง..ไม่มีผู้โดยสารเลยก็มี และถ้ามีบางคนก็ไม่ยอมมาใช้บริการ แฟนขับมารับเองบ้าง มีของมากต้องไปรถตุ๊กๆ ไปขึ้นคิวอื่นบ้าง.  

บางครั้งคนในคิวเรานี่แหละครับ ! ที่ตั้งใจทำลายลูกค้าเสียเองด้วยการเก็บเงินแพงเกินกว่าที่คิวได้กำหนดไว้ เรียกว่าโกง  หรือเอาเปรียบลูกค้านั่นแหละ !   จึงจะเหมาะกว่าที่จะใช้คำอื่นๆ. เวลามีการกินเลี้ยงประจำเดือนของคิวสีฟ้า  ผู้เข้าใหม่จะต้องออกเหล้าหนึ่งกลมหรือสองกลม  แล้วแต่น้ำใจซึ่งไม่มีการบังคับ  ส่วนค่าอาหารจะนำเงินค่าคิวมาจ่าย  มีครับบางครั้งที่ติดลมจนเค้าขาดก็มี  ไม่มีปัญหาครับเพราะเรามักจะทำการเรี่ยไรกันในวงนั่นเอง. คอเหล้าไม่มีใครขัดข้องครับ. ช่วงที่ผมมาวิ่งรถมอเตอร์ไซค์รับจ้างวันแรกนั้น  สาเหตุเพราะผมมีเวลาว่างจากการมาทำงานระดับชาติ ให้กับหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน ตามที่อธิบายด้านบนแล้ว.  อย่าหาว่าผมอวดอ้างเลยน๊ะครับ. จึงถือโอกาสมาลองวิ่งดูครับ ก็แหม ! จ่าสุวิทย์เขาบอกแล้วไงว่าพร้อมเมื่อไรให้พี่มาวิ่งได้เลย. ตอนนั้นผมคิดเพียงมาวิ่งแบบสนุกๆเท่านั้นเอง !  เงินทองไม่เคยคิดว่าจะได้มากหรือน้อย  ช่วงนั้นผมยังอยู่ระหว่างไปราชการ  เบี้ยเลี้ยงก็มีครับ  เงินเดือนก็ได้รับทุกเดือน. แต่พอมาวิ่งเข้าจริงๆเออ..พอเห็นน้ำเห็นเนื้อครับ  เป็นอันว่าเมื่อมีเวลาว่างจากการกลับมาพักจากชายแดนครั้งใด ?  ผมมักจะมาทำการวิ่งคิวเกือบทุกวัน  ก่อนกลับไปชายแดนผมจึงมีเงินก้อนไปใช้จ่ายบ้าง  โดยมิได้ยุ่งกับเงินเดือนแต่อย่างใด ? เงินเดือนของผมในตอนนั้น ผมใช้ผ่อนที่ดินของทร. หนึ่งร้อยตารางวา   ที่เหลือนั้น  ผมได้ให้ครอบครัวเพื่อไว้ใช้จ่าย. รวมเวลาประมาณสี่ปีที่ผมใช้เวลาช่วงการไปราชการมาวิ่งรถมอเตอร์ไซค์คิว ผมมาวิ่งรถเฉพาะ ช่วงที่กลับมาพักเท่านั้น ! พอกลับจากราชการแล้วผมยังคงวิ่งรถอยู่ตามปกติ  ในช่วงเช้าก่อนไปทำงานบ้าง แล้วมาวิ่งหลังเลิกงานบ้าง อย่างน้อยต้องได้หนึ่งร้อยบาทยืนพื้นจึงจะกลับเข้าบ้าน เงินยอดนี้มักจะใช้เป็นค่ากับข้าวก็ถือว่าเป็นรายได้ที่พอใช้ครับ  เพราะสมัยนั้นค่าครองชีพยังไม่สูงมากเท่ากับในยุคปัจจุบัน   ท่านอาจจะไม่เชื่อผมก็ได้น๊ะว่า ช่วงแรกๆที่ผมมาวิ่งมอเตอร์ไซค์รับจ้างนั้นผมอายครับ..เพราะไม่เคยทำแบบนี้มาก่อน. แถมยังต้องมาวิ่งในพื้นที่ซึ่งจะต้องพบกับผู้คนมากหน้าหลายตา แถมส่วนใหญ่ยังเป็นข้าราชการในพื้นที่เสียด้วยสิ.คิวที่ผมมาวิ่งอยู่นั้นผู้โดยสารส่วนใหญ่จะเป็นข้าราชการและครอบครัวสัตหีบเป็นพื้นที่ทหารนั่นเองครับพลเรือนก็มีครับ และสถานที่ซึ่งลูกค้านิยมว่าจ้างให้เราไปส่ง  ก็แบ่งได้ตามเวลาคือ : ก่อนเวลางาน  ก็มักจะไปตามสถานที่ราชการ หลายแห่งที่ผมเคยไปส่งมาเช่น ท่าเรือแหลมเทียน , ท่าเรือจุกเสม็ด ช่วงแรกๆวิ่งกันวันละหลายเที่ยวเพราะ ช่วงที่เรือเข้ามาจอดและเปิดทำการใหม่นั้น บรรดาชาวเรือยังมิได้ย้ายมาอยู่ในพื้นที่จึงยังไม่มีใครนำรถมอเตอร์ไซค์มาใช้เป็นการส่วนตัวนั่นเอง ต่อมาผู้โดยสารจึงหายไปหมดเพราะพี่แกนำรถมาใช้งานกันเองแล้ว.ผมมีโอกาสเข้าไปส่งผู้โดยสารที่เรือจักรีฯบ้าง เรือสิมิลันบ้าง พบว่ามีรถมอเตอร์ไซค์ของข้าราชการ จอดอยู่ในพื้นที่นั้นเกือบร้อยคันเห็นจะได้ มิน่าล่ะช่วงนั้นผู้โดยสารหายไปหมดเลย.   ที่สอ.รฝ.บ้าง  ในพื้นที่ของนย.บ้าง , กองพลนาวิกโยธินบ้าง  ผมเคยเลยไปส่งที่เกล็ดแก้วสามถึงสี่ครั้ง แน่นอนครับสถานที่แต่ละแห่งใกล้ - ไกลไม่เท่ากัน ราคาค่าโดยสารจึงมากน้อยต่างกันด้วย. คนขับในคิวนี้ โดยเฉพาะพลเรือนคือนายเจี๊ยบ กับนายวิเชียร. ก็มักจะเอาเปรียบสมาชิกในคิวเสมอๆ เช่น เวลาเร่งด่วนพี่แกไม่ค่อยอยากจะไปส่งไกลๆ เพราะเกรงว่าจะกลับมาช้า. จึงเลือกไปส่งแต่ที่ใกล้ๆโดยการวิ่งซอย รีบไปรีบมา. ซึ่งเทียบแล้วจะได้เงินมากกว่าแถมยังไม่ต้องไปไกล พอเผลอก็เรียกค่าโดยสารแพงกว่าปกติ บ่อยครั้งที่มีผู้โดยสารมาฟ้องบ้าง  ต่อมาเขาได้หนีไปใช้บริการกับคิวอื่นบ้าง เราเคยเห็นสิครับเออคนนี้เคยมาใช้บริการกับเราแต่พี่แกเดินไปขึ้นคิวอื่นเฉยเลย สมน้ำหน้าที่ทำตัวเอง..ลำพังพวกเรานั้นมีเงินเดือนประจำอยู่แล้ว..จึงไม่เคยกังวล เวลาที่รายได้น้อยไปบ้าง. ช่วงเวลางาน.  ส่วนใหญ่มักจะมีแต่พลเรือนเท่านั้น ถ้ายังมีข้าราชการก็มักจะเป็นพวกที่เข้างานสายบ้าง, ไปติดต่องานตามอำเภอ หรือที่ต่างๆบ้าง ฯ ผมมีโอกาสส่งคนไปทั่วพื้นที่เลยครับ เช่นไปส่งไต๋เรือที่ช่องแสมสาร ,ไปส่งที่พัทยาบ้าง ผมเคยเลยไปส่งลูกเรือชาวกัมพูชาถึงจังหวัดระยองด้วยครับ เคยมีลูกเรือพม่าหลงมาที่คิวพูดคำเดียวว่า ไปเพชรบุรี..เงียบกันทั้งคิวเลยครับ. เงินทองทุกคนอยากได้กันทั้งนั้นแหละครับ ! แต่แปลกจริงๆไม่มีใครไปส่งผู้โดยสารคนนั้นเลยเขาจึงได้เดินจากไปแบบผิดหวัง.ผมใช้เวลานานพอสมควรกว่าจะเข้าที่เข้าทางจนรู้สึกว่าวันไหน ?ที่มิได้นำรถมาให้บริการล่ะก็รู้สึกว่าจะเหงาหรือขาดอะไรไปบ้าง อ๋อ ! เรื่องเงินนั้น ผมมิได้นำมารวมกับความรู้สึกด้วยเลย..ทางใครทางมัน. มีข้าราชการจากหน่วยงานเดียวกับผม แต่เป็นคนละรุ่นกัน. มาเจอกับผมเพราะมาใช้บริการ เขามาที่คิวแล้วเรียกรถให้ไปส่งเขาช่างเผอิญจริงๆครับ เพราะดันเป็นคิวของผมเสียด้วยสิ. โอ้โฮ ! พี่แกว่าผมเสียหายเลยครับ ดูสิครับว่า...เขาว่าผมอย่างไรบ้าง ?

 ผู้โดยสาร  : ก่อนขึ้นนั่งที่รถ แกไม่รู้มาก่อนว่า  ผมวิ่งคิวอยู่ที่นี่. สวัสดีครับพี่ 

                พี่มาทำอะไรอยู่ตรงนี้ครับ ?

ผู้เขียน     : เอ้า ! ผมก็มาวิ่งมอเตอร์ไซค์รับจ้างน่ะสิ. ทำไมเหรอ ?

ผู้โดยสาร  : โอ้โฮเสียเลยน๊ะพี่..แหม ! อุตส่าห์ไปเรียนถึงเมืองนอกเมืองนามา

                แล้วดันมาวิ่งมอเตอร์ไซค์รับจ้าง..

ผู้เขียน     : จะไปเสียอะไรกันล่ะ ? เดี๋ยวพอคุณลงรถคุณก็ต้องจ่ายค่ารถให้ผม

                ถ้าจะต้องมีการเสียคุณนั่นแหละ ! จะต้องเป็นผู้เสีย ค่าโดยสาร.

ผู้โดยสาร  : พี่แกเงียบไปชั่วขณะ  แล้วจึงย้ายก้นมานั่งที่เบาะหลัง แต่ผมว่า

                 ยังไงๆพี่แกก็ยังไม่หายสงสัย.

 ทีนี้ท่านผู้อ่าน พอจะเห็นใจผู้เขียนอย่างผมขึ้นมาหรือยังครับ ? แถมมีบางครั้งที่ผมถูกตะโกนหยอกเย้าด้วยคำพูดที่น่าจะเรียกได้ว่าแรงเกิน. ไม่ทราบว่าผู้ที่ตะโกนนั้นหยอกแบบสนุกปากหรือตั้งใจว่าผมจริงๆ แต่ผมไม่ได้ขำด้วยเลยจริงๆอยากจะโกรธเสียด้วยดีที่ผมยังห้ามใจได้ คิดว่าเขาคงจะไม่รู้ความจริงนั่นเอง.ผมกล่าวสวัสดีครับก่อนเลยน๊ะ เออ.นอกจากพี่แกไม่สวัสดีตอบแล้ว ฟังที่พี่แกพูดสิ. เฮ้ย  ! มีงย้ายที่ทำงานมาอยู่ที่นี่แล้วหรือ ?แล้วขับรถผ่านไปโดยไม่ให้โอกาสผมอธิบายแต่อย่างใด ?ใครมาได้ยินเข้าผมว่าร้อยทั้งร้อยต้องคิดว่าผมเอาเวลาราชการมาทำอาชีพส่วนตัวเป็นแน่. ท่านใดที่อ่านมาถึงตรงนี้ก็โปรดเข้าใจผมด้วยน๊ะครับถือว่า ผมขอชี้แจงมาให้ทราบก็แล้วกันชี้แจงครับ..มิใช่แก้ตัว.ช่วงเวลาที่ผมได้มาทำการวิ่งรถมอเตอร์ไซค์รับจ้างที่คิวนี้มีเรื่องมากมาย  ที่ผมประสพมากับตัวเอง ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ากลัวบ้าง เป็นเรื่องที่น่าขำบ้าง ผมอยากจะมาเล่าสู่เพื่อท่านผู้อ่านจะได้ทราบและนำไปใช้บ้างดังนี้ครับ  :  ช่วงที่ผมกลับมาพักจากชายแดนนั้น  ผมได้นำรถออกมาให้บริการกับลูกค้าตามปกติ ผมมักจะออกมาวิ่งช่วงตีห้า. ผมวิ่งไปเรื่อยๆจนกว่าจะได้เงินตามที่ตั้งเป้าไว้แล้วจึงกลับเข้าบ้านเพื่อพักผ่อน ผมจะตั้งเป้าไว้ที่ สามร้อยบาทเสมอ.ถ้าผู้โดยสารมีมากหรือได้ไประยะไกลๆ ก็จะอยู่ที่ประมาณเที่ยงวันจึงจะได้ครบตามที่ตั้งเป้าไว้ ถ้าเงียบเหงาเกินบางทีก็เลยไปถึงช่วงบ่ายโน่น ! อย่างไรก็ตามถ้าสายมากผมมักจะกลับเข้าบ้านมาทานมื้อเที่ยง และพักผ่อนช่วงแรกก่อนเสมอ. ตามที่ผมบอกไปแล้วว่าที่คิวสีฟ้านี้คนขับส่วนใหญ่จะเป็นข้าราชการ  กลางวันจึงมีแต่ผมและพลเรือนหนึ่งคน นายวิเชียรคนนี้มีภรรยาแล้ว  ขายกล้วยแขกที่หน้าวัด. ซึ่งจ่าสุวิทย์ได้อนุญาตให้เขามาวิ่ง เพื่อเป็นการเฝ้าคิวไว้ ในช่วงที่ทุกคนไปทำงานราชการในช่วงกลางวัน  นับว่าพี่แกมีรายได้ดีทีเดียวแต่ก็น่าแปลกครับพอวิ่งไปๆพี่แกกลับไม่มีเงินเหลือเก็บเลย อะไรเสียอีกล่ะ ! นอกจากจะเป็นพวกนักเล่น. การพะนันไม่เคยทำให้ใครได้ดีบางท่านอยากจะเถียง  ถึงจะมีแต่ก็คงจะน้อยมาก.ผู้เขียนพูดเอง.

 ๑.เมื่อผมถูกผู้โดยสารจี้. ผมออกจากบ้านมาประมาณตีห้า  พอได้เงินสักสามร้อยหรือห้าร้อยบาท  ผมก็จะเข้าบ้านเพื่อพักผ่อนตามที่บอกมาแล้ว ประมาณเที่ยงหรือบ่ายนั่นแหละครับ ! แล้วแต่จังหวะ  จะมีผู้โดยสารเหมาไปไกลหรือใกล้. พอฟื้นตัวแล้วผมมักจะออกมาอีกครั้งในช่วงเย็นๆ   ช่วงนี้เองครับที่คิวเรามักจะมีสมาชิกออกมากันหลายคน บางคนไม่อยากอยู่บ้าน บางคนตั้งใจมาวิ่งรถ บางคนออกมาหาเหล้าดื่มครับ ต่างคนต่างความคิด..ไม่ว่ากัน. ส่วนใครที่จอดรอเพื่อจะได้ออกตามคิวก็มักจะมีเรื่องต่างๆมาคุยกัน ระหว่างรอผู้โดยสารผมฟังเรื่องจากเพื่อนๆบ้าง และก็เล่าเรื่องแปลกๆของผมบ้างเพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนกัน สุดท้ายมาถึงเรื่องที่ผมถูกผู้โดยสารจี้มาเมื่อคืนก่อน ผมเล่าเพื่อเตือนสมาชิกว่าอย่าได้ประมาททีเดียวน๊ะ รู้ไหมว่า ? ช่วงครบรอบวันสำคัญต่างๆนั้นนักโทษตามเรือนจำต่างๆ มักจะได้รับการปลดปล่อยออกมา ไม่รู้ว่ากี่ร้อยคน ? และประมาณสองยามเมื่อคืนที่ผ่านมานั้นพอดีเป็นจังหวะคิวผม และตั้งใจว่าถ้าได้ผู้โดยสารเที่ยวนี้ผมก็จะกลับเข้าบ้านเสียเลย   ปกติผมมักจะนั่งค่อมรถเพื่อเป็นการพร้อมทันที  เมื่อลูกค้าเรียกใช้บริการ.  ผมยังจำได้ดีว่าตอนนั้นผมจอดรถโดยหันหน้าไปทางโรงพัก  และตัวเองก็ยังนั่งคร่อมรถอยู่ มีคนเดินมา๔ - ๕ คนผมว่าถ้าเขาเรียกใช้รถยังไงๆผมก็ต้องได้ไป เพราะรถที่คิวสีเหลืองเหลือเพียงคันเดียว ช่วงแรกคนพวกนี้ได้เดินเลยไปก่อน คงจะมาดูลาดเลาและวางแผนก่อน. ผมมองตามไปในกระจกมองข้างปรากฏว่าพวกมันไปหยุดรวมพล ประชุมครั้งสุดท้ายที่ตรอกไพโรจน์.ป็นสถานที่เที่ยวยามราตรี. ของบรรดารั้วของชาติและบุคคลทั่วไป มีผู้หญิงหาเงิน  อยู่หลายสำนัก. ประมาณสิบนาทีต่อมาผมแปลกใจสิครับเพราะชายกลุ่มนั้นเดินกลับมาทางเดิมและโดยที่ผมยังมิได้ระวังตัวแต่อย่างใด ? ก็มีชายคนหนึ่งขึ้นมานั่งคร่อมที่รถผมในตำแหน่งผู้โดยสาร  เขาบอกให้ผมไปส่งที่กม.๑โดยระบุว่าให้เลี้ยวรถไปทางหนองตะเคียน ความจริงผมตั้งใจไปทางตลาดเช้าเพราะตามถนนมีไฟแสงสว่าง และดูแล้วน่าจะปลอดภัย กว่าทางอื่นๆในเวลานั้น. ผมจึงมิได้ขัดใจเขาแต่อย่างใด ? เพราะตัองตามใจลูกค้าเสมอๆ ตราบใดที่เขาเป็นฝ่ายจ่ายเงินให้เรา. แต่ในใจนั้นผมคิดว่ามันดูแปลกๆครับ ผมเลี้ยวรถไปตามที่ผู้โดยสารโจรต้องการ โดยผ่านมาทางไปรษณีย์สัตหีบ ผมขับไปจนเข้าเขตที่ออกกำลังกายของสัตหีบที่มีชื่อว่าหนองตะเคียน โจรร้ายสั่งให้ผมเลี้ยวขวาเข้าไปในพื้นที่หนองตะเคียน : ท่านใดคิดว่าผมเลี้ยวตามที่โจรสั่ง  ท่านคิดผิดครับ.

ผู้เขียน : ผมขับมาอย่างระมัดระวังคิดเสมอว่าถ้าเกิดเรื่องไม่ดีขึ้น จะขอเอาหมวก

            กันน๊อคที่แขวนไว้ที่แฮนด์รถ  ฟาดหรือเหวี่ยงพี่โจรใจร้ายให้ถนัดมือ

            แม้ว่าความจริงแล้ว  ผมไม่ใช่คนใจร้ายแต่อย่างใด ?

โจร     : มือล้วงอยู่ใต้เสื้อ  เสมือนว่ามีอาวุธอะไรสักอย่าง. มันสั่งให้ผมเลี้ยวขวา 

            เข้าไปที่หนองตะเคียน.

ผู้เขียน : ได้ยินครับแต่มิได้เลี้ยวไปตามคำสั่ง  ผมยังคงขับตรงไปเรื่อยๆ.

โจร     : เริ่มโมโหเฮ้ย ! กูบอกให้เลี้ยวทำไมมึงไม่เลี้ยว โจรเริ่มออกลายแล้ว.

            ตะคอกมาว่ามึงรู้ไหมว่ากูเป็นใคร ? เป็นคำถามของพวกที่ไม่เคยรู้ว่า

            ตัวเองเป็นใคร ?มักจะชอบถาม แล้วมักจะมาหาคำตอบจากคนอื่น

            แปลกจริงๆครับ. พี่เองยังไม่รู้เลยแล้วผมจะรู้ได้อย่างไรว่า..มึงเป็นใคร ?

ผู้เขียน : ผมไม่ได้ตกใจด้วยหรอกครับเพราะได้เตรียมใจไว้ก่อนแล้ว แถมยังย้อนว่า

            ไม่รู้หรอกเออ..แล้วมึงเป็นใครล่ะ ? ผมว่าตอนนั้น  โจรคงเริ่มเสียขวัญแล้ว

            ผมจึงมาเลี้ยวขวาเข้าถนนสุขุมวิท  มุ่งหน้าไปทางกม.หนึ่ง

โจร    : พอเห็นว่าผมมิได้เลี้ยวตามที่มันสั่ง  มันจึงสั่งให้ผมเลี้ยวเข้าซอยเทพบูรพา

           เอ้า ! ถ้ายังงั้นเลี้ยวเข้าซอยนี้ ชี้มือไปทางซอยเทพบูรพา.

ดีน๊ะที่กระดาษหมดเสียก่อน  มิฉนั้นผู้เขียนอาจจะถูกโจรราคาถูกฝากมีดไว้บนร่างกายก็ได้..คงต้องรออ่านตอนหน้าน๊ะครับ..

หมายเลขบันทึก: 461888เขียนเมื่อ 21 กันยายน 2011 12:56 น. ()แก้ไขเมื่อ 19 มิถุนายน 2012 19:45 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

- เรื่องมอเตอร์ไซค์รับจ้างนี้ น่าอ่านครับและสั้นกว่าเรื่องทหารเรือไทยในอเมริกา - ๑

อย่างไรก็ตามผู้เขียนว่าถ้าเป็นนักอ่านที่ดีต้องพูดสำเนียงอิสานดังๆว่า.." บ่ยั่น"..

- ขอบคุณหนุ่มกร.ที่นำรูปเก่ามาลงให้ มิฉนั้นผู้อ่านคงไม่ได้เห็นภาพเป็นแน่..ขอขอบคุณอีกครั้งครับ..

* ใช่แล้ว..ชื่อคิวหน้าวัดหลวงพ่ออี๋..ขณะเขียนเรื่องคิวนี้สลายตัวกันไปหมดแล้ว..ถ้าใครอยากใช้บริการ

ให้ไปใช้คิวถัดไป..บริการทั่วราชอาณาจักร..

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท