“วรวัจน์” เตรียมนัดดูความพร้อมของเนื้อหาที่บรรจุในแท็บเล็ต


“วรวัจน์” เตรียมนัดดูความพร้อมของเนื้อหาที่บรรจุในแท็บเล็ต

 

“วรวัจน์” เตรียมนัดดูความพร้อมของเนื้อหาที่บรรจุในแท็บเล็ต ชี้ หากบางเนื้อหาพร้อมบรรจุจะทำให้การใช้หนังสือลดลง แต่ไม่ได้ยกเลิกหนังสือทั้งหมดแน่นอน ขณะที่ “ชินภัทร” ขอให้ มศว ทำวิจัยศึกษาความพร้อมผลที่เกิดจากการใช้แท็บเล็ต ระบุ ผลการดำเนินงานปีการศึกษา 55 จะเป็นตัวกำหนดทิศทางการใช้หนังสือเรียนและสื่อเรียนอิเล็คฯในอนาคต

นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) กล่าวถึงความคืบหน้าเรื่องการแจกแท็บเล็ตให้กับนักเรียนตามโครงการ OneTablet Pc per Child ของรัฐบาล ว่า โครงการดังกล่าวยังอยู่ระหว่างการดำเนินการ ซึ่งตนมอบให้ นายสุเมธ แย้มนุ่น เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (เลขาธิการ กกอ.) ดำเนินการร่วมกับนายชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) และมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) ไปประชุมร่วมกันระหว่าง ศธ.กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) เพื่อวางกรอบการทำงานที่จะต้องผนวกเครือข่ายของไอซีที และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคที่มีอยู่แล้วให้เกิดประโยชน์ร่วมกัน ที่สำคัญต้องไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อนของการใช้งบประมาณ

อย่างไรก็ตาม เร็วๆ นี้จะประชุมเกี่ยวกับเนื้อหาการเรียนการสอนที่จะจัดใส่ลงในแท็บเล็ต ว่า มีอยู่เพียงพอหรือไม่ เบื้องต้นทราบว่า สพฐ. และสถาบันอุดมศึกษาต่างๆ มีเนื้อหาเป็นจำนวนมาก ซึ่งหากเนื้อหาใดมีความพร้อมที่จะนำบรรจุลงแท็ปเล็ตได้การใช้หนังสือก็อาจจะลดลง ซึ่งอาจจะต้องยกเลิกบางรายการเท่านั้น แต่ขอย้ำว่าตนไม่ได้หมายความว่าจะยกเลิกทั้งหมดแน่นอนซึ่งต้องรอดูรายละเอียดอีกครั้งหนึ่ง

ด้าน นายชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) กล่าวว่า การจัดทำเนื้อหาในแท็บเล็ต นั้นเป็นเรื่องสำคัญจะต้องมีความพร้อมทั้งในเรื่องของอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ที่เป็นเนื้อหาการเรียนการสอนเพราะคือสาระการเรียนรู้ที่จะช่วยให้ครูจัดกิจกรรมให้กับนักเรียนได้อย่างเหมาะสมและจะเอื้อกับการเรียนรู้ของนักเรียนแต่ละช่วงวัยและแต่ละช่วงชั้น ที่ผ่านมา สพฐ. ได้มีการพัฒนาสื่อการเรียนรู้ดิจิตอลในวิชาหลัก เช่น ภาษาไทย คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ สังคมศึกษา ไปแล้วประมาณ2,000 หน่วยโดยได้เน้นช่วงชั้นที่ 1-3 เป็นหลัก ดังนั้น สพฐ.จะนำมาจัดระบบเพื่อให้นักเรียนและครูสามารถเข้าถึงเพื่อนำมาใช้ในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ของนักเรียนได้

“ในช่วงเปลี่ยนผ่านต้องค่อยๆ ดู ว่า การเรียนผ่านสื่อการเรียนรู้อิเล็กทรอนิกส์จะเข้ามาเสริมการเรียนรู้ในส่วนใดได้บ้างเนื่องจากสื่อการเรียนรู้ดิจิตอลยังไม่ครบ 100% อาจจะยังมีความจำเป็นที่ต้องใช้แบบเรียนที่เป็นหนังสืออยู่ระยะหนึ่ง ดังนั้น หากจะใช้ช่วงปี 2555 ซึ่งเป็นช่วงเปลี่ยนผ่านนั้นต้องดูว่าบทบาทของการใช้หนังสือเรียนกับสื่อการเรียนรู้อิเล็กทรอนิกส์จะเสริมกันอย่างไรได้บ้าง เพราะผลการดำเนินการจะเป็นตัวที่จะชี้ถึงทิศทางเกี่ยวกับหนังสือแบบเรียนต่างๆ ชัดเจนมากขึ้น และขณะนี้ สพฐ.ได้ขอให้มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒมาช่วยทำการวิจัยในเรื่องความพร้อม ผลที่เกิดจากการใช้แท็บเล็ตในระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 แล้ว และจะทราบด้วยว่าการลงทุนในจุดไหนถึงจะเกิดประโยชน์สูงสุด” นายชินภัทร กล่าว

 

ที่มา ASTVผู้จัดการออนไลน์ 14 กันยายน 2554

 


 

สพฐ.อัดเนื้อหาลงแท็บเล็ตแล้ว2,000หน่วย

"วรวัจน์" ยอมรับแท็บเล็ตยังไม่คืบ ต้องหารือไอซีทีกับการไฟฟ้าก่อน ชี้เรียนผ่านแท็บเล็ตแต่ยังไม่ทิ้งหนังสือ ขณะที่ "ชินภัทร" ระบุ สพฐ.เตรียมเนื้อหาดิจิตอลในวิชาหลักไป 2,000 หน่วยแล้ว แต่ยังไม่ 100% เผยปี 55 คงเริ่มใช้จริงได้ ให้ มศว วิจัยผลกับเด็ก ป.1

นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล รมว.ศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการแจกแท็บเล็ตให้กับนักเรียนของรัฐบาลว่า ขณะนี้ยังอยู่ในขั้นตอนดำเนินการ โดยให้นายสุเมธ แย้มนุ่น เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) นายชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) และมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) ไปประชุมร่วมกับกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ในการวางกรอบการทำงาน ที่จะต้องผนวกเครือข่ายของไอซีที และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคที่มีอยู่ เพื่อไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อนของการใช้งบประมาณ และในเร็วๆ นี้ จะมีการประชุมเกี่ยวกับเนื้อหาการเรียนการสอนที่จะใส่ลงในแท็บเล็ตว่ามีอยู่เพียงพอหรือไม่ เพราะทราบว่ามีเนื้อหาเป็นจำนวนมาก ซึ่งอาจจะลดการใช้หนังสือเรียนในบางรายการก็ได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะยกเลิกทั้งหมด

ขณะที่นายชินภัทรกล่าวว่า ที่ผ่านมาสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้มีการพัฒนาสื่อการเรียนรู้ดิจิตอลในวิชาหลัก อาทิ วิชาภาษาไทย คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และสังคมศึกษาแล้วประมาณ 2,000 หน่วย โดยได้เน้นช่วงชั้นที่ 1-3 เป็นหลัก (ป.1-ม.3) ดังนั้น สพฐ.จะนำมาจัดระบบเพื่อให้นักเรียนและครูสามารถเข้าถึง เพื่อนำมาใช้ในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ของนักเรียนได้ ทั้งนี้ ในช่วงเปลี่ยนผ่านต้องค่อยๆ ดูว่า การเรียนผ่านสื่อการเรียนรู้อิเล็กทรอนิกส์จะเข้ามาเสริมการเรียนรู้ในส่วนใดได้บ้าง เนื่องจากสื่อการเรียนรู้ดิจิตอลยังไม่ครบ 100% ดังนั้น อาจยังมีความจำเป็นที่ต้องใช้แบบเรียนที่เป็นหนังสืออยู่ระยะหนึ่งไปก่อน

“ผมคิดว่าหากจะใช้ช่วงปี 2555 เตรียมเปลี่ยนผ่านดูว่า บทบาทของการใช้หนังสือเรียนกับสื่อการเรียนรู้อิเล็กทรอนิกส์จะเสริมกันอย่างไรได้บ้าง ซึ่งผลการดำเนินการในปี 2555 นี้ จะเป็นตัวที่จะชี้ถึงทิศทางเกี่ยวกับหนังสือแบบเรียนต่างๆ ชัดเจนมากขึ้น และขณะนี้ สพฐ.ได้ขอให้ มศว มาช่วยทำการวิจัยในเรื่องความพร้อม และผลที่เกิดจากการใช้แท็บเล็ตในระดับชั้น ป.1 แล้ว ซึ่งจะทราบด้วยว่าการลงทุนในจุดไหนถึงจะเกิดประโยชน์สูงสุด” เลขาธิการ กพฐ

ที่มา ไทยโพสต์ วันที่ 15 กันยายน 2554

หมายเลขบันทึก: 461182เขียนเมื่อ 18 กันยายน 2011 06:13 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 20:42 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท