บ้านวังช้างในอดีตเป็นป่าทึบมีคลองไหลผ่านบางตอนของคลองน้ำลึกมากจึงเรียกว่าเป็นบริเวณที่ช้างป่าและช้างเลี้ยงลงมาเล่นน้ำเป็นประจำบางคนเรียกว่าคลองอาบน้ำช้าง บ้านวังช้างในสมัยก่อนเป็นป่าทึบ ต่อมามีประชาชนในพื้นที่และจากต่างถิ่นได้มาจับจองเป็นที่ทำกิน โดยเฉพาะชาวไทยเชื้อสายมอญจากอ่างทอง บ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี มาอาศัยอยู่ที่บ้านวังช้าง คนแรกคือหลวงสมาน และต่อมาก็มีชาวบ้านมาอยู่กันมาต่อเนื่องปี 2462 และต่อมาเมื่อปี พ.ศ. 2471 บ้านคลองวังช้างได้แยกมาจากหมู่ที่ 3 มีชาวบ้านอยู่จำนวน 42 ครัวเรือน โดยมีผู้ใหญ่เวียน ทองภูเบศร์ เป็นคนแรก และต่อมาคนที่ 2 คือผู้ใหญ่อุดม มาลานพาล พ.ศ. 2473 คนที่ 3 ผู้ใหญ่ปก คล้ายพรหม พ.ศ. 2474 คนที่ 4 ผู้ใหญ่เสงี่ยม ตั้งสุข และเป็นกำนันตำบลชุมโคเมื่อ พ.ศ. 2517 คนที่ 5 ผู้ใหญ่วิเชียร ชุมเกษียร และเป็นกำนันตำบลชุมโค พ.ศ. 2524 คนที่ 6 ผู้ใหญ่เฉลิม แซ่คู พ.ศ. 2532 คนที่ 7 ผู้ใหญ่รุ่ง ดวงภุมเมศร์ พ.ศ. 2542 ถึงปัจจุบัน
เป้าหมายการพัฒนาหมู่บ้านชุมชน
เป้าหมายการพัฒนาหมู่บ้าน (กำหนดตำแหน่งการพัฒนาหมู่บ้าน)
1. ดำเนินการปลูกป่าชุมชน จัดภูมิทัศน์ ที่พักผ่อนท่องเที่ยวภูเขาข่า
2. ปรับปรุงแหล่งน้ำคลองตาจุ่น เพื่อเป็นที่จัดกิจกรรมและตั้งศาลาพักผ่อน
3. ดำเนินการสร้างศูนย์เรียนรู้ในชุมชน ณ ศาลาเฉลิมพระเกียรติ
4. ปรับปรุงศาลาเฉลิมพระเกียรติให้ได้มาตรฐาน
5. จัดทำโครงการก่อสร้างถนนลาดยางและคอนกรีตให้ครบทุกเส้นทาง
6. จัดทำโครงการขุดเจาะบ่อบาดาลเพื่อขยายเขตประปาให้ทั่วถึงทุกครัวเรือน
7. ดำเนินการขยายเขตไฟฟ้าและโทรศัพท์บ้านให้ครัวเรือนที่ยังไม่ได้ใช้
เป้าหมายการพัฒนาอาชีพและแหล่งรายได้ของหมู่บ้านตามศักยภาพ (กำหนดตำแหน่งการพัฒนาอาชีพ)
1. ส่งเสริมกลุ่มกองทุนสวนยางให้มีประสิทธิดงทุนสวนยางให้มีประสิทธิภาพและเพิ่มรายได้
2. ส่งเสริมกลุ่มผู้เลี้ยงโคนมชุมโคให้มีคุณภาพและความสะอาด
3. จัดดำเนินงานกลุ่มผู้เลี้ยงสุกรให้มีรายได้เพิ่มและมีความเข้มแข็ง
4. การทำโครงการทำปุ๋ยอินทรีย์ชีวภาพเพื่อลดรายจ่าย
5. จัดกลุ่มผู้เลี้ยงไก่พื้นเมืองเพื่อเพิ่มรายได้เสริม
6.ดำเนินการรวมกลุ่มอาชีพปลูกพืชสับปะรด
7.จัดตั้งกลุ่มผู้ปลูกทุเรียน
การดำเนินงานโครงการหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียงต้นแบบเฉลิมพระเกียรติ
84 พรรษา ระดับ พออยู่ พอกิน
บ้านวังช้าง หมู่ที่ 4 ตำบลชุมโค อำเภอปะทิว จังหวัดชุมพร
1 วัน
กิจกรรมที่ 2 ฝึกปฏิบัติการจัดทำแผนชีวิต 1 วัน ข้อมูลครัวเรือน การวิเคราะห์ตนเอง/แผนชีวิตแบบ
พอเพียง การค้นหาตนเองและการกำหนดทิศทางการพัฒนาตนเอง
กิจกรรมที่ 4 การเสริมสร้างการบริหารจัดการชุมชน และการเรียนรู้เรื่องการพัฒนาประชาธิปไตยอันมี
พระมหากษัตริย์เป็นประมุข และการสร้างความสามัคคีของหมู่บ้าน 1 วัน
กิจกรรมที่ 5 ประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อติดตามและประเมินผลความสุขมวลรวมของชุมชนและการจัดการ
ความรู้
ผลการดำเนินงานตามกิจกรรมกระบวนการพัฒนาหมู่บ้าน
ด้วยหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
การพัฒนาหมู่บ้านตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง สุดท้ายที่ต้องการคือชุมชน อยู่เย็นเป็นสุข ท่ามกลางวิถีสังคมแห่งทุนนิยม เพราะเราเปลี่ยนระบบของสังคมไม่ได้ แต่เราสามารถเปลี่ยนวิถีชีวิตให้อยู่รอดได้โดยไม่เดือดร้อน ไม่โลภ ไม่หลง ต่อกระแสที่บั่นทอนสุขภาพของชุมชนที่ทำลายภูมิคุ้มกันของชุมชน ต้องการให้ชุมชนอ่อนแอ ถ้าเราไม่เปลี่ยน เราก็อ่อนแอ เมื่อเราอ่อนแอสุดท้ายชุมชนก็ถูกครอบครอง วิถีของชุมชนอยู่เย็นเป็นสุข ก็ถูกเปลี่ยน เป็นวิถีแห่งการแก่งแย่งแข่งขัน เพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจและการครอบครอง ทำลายล้างซึ่งกันและกัน แบ่งแยกแตกกลุ่ม เบียดเบียนตนเอง เบียดเบียนผู้อื่น เบียดเบียนสิ่งแวดล้อม สุดท้ายคนที่เดือดร้อนคือคนที่อยู่ในชุมชน
กระประยุกต์หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในการพัฒนาหมู่บ้าน เป็นกระบวนการ เชิงระบบ ที่ต้องใช้เวลา เพราะเป็นการเปลี่ยนความคิดของคนให้เปลี่ยนวิถีแห่งการดำรงชีวิต ไม่ใช่เปลี่ยนคนเดียวแต่เปลี่ยนวิถีดำรงชีวิตของคนทั้งชุมชน ซึ่งมีหลายคน เริ่มแรกไม่ต้องเปลี่ยนทั้งหมด แต่ขอสักส่วนหนึ่งก่อนที่รู้และเข้าใจ พร้อมจะเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนให้สำเร็จ
หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เรื่องแรกที่ต้องทำความเข้าใจ คือ ความพอประมาณ ความพอประมาณคือกระบวนการรู้จักตนเอง เน้นที่การพึ่งพาตนเอง ของชุมชน การรู้จักตนเองของชุมชน ให้เริ่มต้นที่บัญชีครัวเรือน บัญชีครัวเรือนบ่งชี้วิถีการดำรงชีวิตของคนในชุมชน กิจกรรมของกระบวนการนี้ เน้นที่กิจกรรมการลดรายจ่ายของชุมชน
ความพอประมาณเรื่องที่สอง คือการค้นหาเพื่อรู้จักตนเอง ในเรื่องของทุนชุมชน ชุมชน มีอะไรดี ที่จะนำมาสู่กระบวนการพัฒนาให้ทุนดังกล่าว เป็นทุนที่ก่อให้เกิดรายได้กับชุมชนอย่างยั่งยืนด้วยกระบวนการพึ่งพาตนเอง ทุนชุมชนไม่ใช่เรื่องเงินอย่างเดียว แต่รวมถึงทุนอื่นๆด้วย ซึ่งได้แก่ ทุนมนุษย์ ทุนกาย-ภาพ ทุนการเงิน ทุนสังคม และทุนธรรมชาติ
เรื่องที่สอง คือ ภูมิคุ้มกัน ทำให้เห็นสถานการณ์ ทางเศรษฐกิจ สังคม การเมือง วัฒนธรรม และสิ่งแวดล้อม ที่กระทบต่อวิถีชีวิตของชุมชน ถ้าชุมชนอยู่ได้โดยไม่เดือดร้อนจากการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์ดังกล่าว แสดงว่าชุมชนมีภูมิคุ้มกัน การที่ชุมชนจะมีภูมิคุ้มกันได้นั้น ภูมิคุ้มกันไม่ได้เกิดขึ้นเอง แต่เกิดจากชุมชนช่วยกันคิดช่วยกันทำ เพื่อแก้ปัญหา หรือป้องกันปัญหาไม่ให้ส่งผลกระทบต่อชุมชน
เรื่องที่สาม คือ เรื่องหลักของเหตุผล หลักเหตุผลที่นำมาใช้ในการพัฒนาหมู่บ้าน คือการค้นหาทุนชุมชน ชุมชนมีอะไรดี แล้วนำมาใช้เป็นทุนในการพึ่งพาตนเองของชุมชน อีกเรื่องหนึ่งที่เป็นหลักของเหตุผล คือการใช้ข้อมูลบัญชีครัวเรือนมาเป็นฐานในการแก้ไขปัญหาของชุมชน โดยคนส่วนใหญ่ของชุมชนร่วมกันคิด มีปัญหาก็นำปัญหาเข้าสู่เวทีของชุมชน เพื่อคิดหาวิธีแก้ไขปัญหา กิจกรรมที่เกิดขึ้นจะเป็นกิจกรรมเพื่อชุมชนที่แท้จริง โดยเน้นที่การพึ่งพาตนเองของชุมชน การใช้หลักเหตุผล ในการพัฒนาหมู่บ้าน จึงเป็นการใช้ข้อมูลมาเป็นฐานในการแก้ปัญหาของชุมชน โดยคนในชุมชนเอง
เรื่องที่สี่ คือ เรื่องของความรู้คู่คุณธรรม ในการพัฒนาหมู่บ้านเมื่อใช้ข้อมูลในการวิเคราะห์แล้ว สิ่งสำคัญที่จะทำกิจกรรมอะไร อย่าทำตามกระแส หรืออย่าทำเพราะเห็นว่าเพื่อนทำแล้วดี เพื่อนทำแล้วสำเร็จ แต่สร้างกิจกรรมจากข้อมูลของชุมชน เมื่อจะทำอะไรให้ถาม ตนเองก่อนว่าเรารู้เรื่องที่จะทำแล้วหรือยัง ถ้ายังไม่มีต้องแสวงหาความรู้ก่อน เมื่อรู้จริงแล้วจึงทำ ทำแล้วจะผิดพลาดน้อย กิจกรรมก็จะประสบผลสำเร็จ ในการบริหารกิจกรรมของหมู่บ้านก็ต้องอาศัยหลักคุณธรรม ซื่อสัตย์ เอื้อเฟื้อแบ่งปัน ในการทำงานร่วมกันชุมชนก็เป็นสุข คนในชุมชนก็เป็นสุข
การจัดทำแผนชีวิตของครัวเรือน
คนที่ดำเนินชีวิตโดยไม่มีเป้าหมายยากที่จะประสบความสำเร็จ เหมือนเรือที่ล่องลอยไปเรื่อย ๆ แล้วแต่น้ำแล้วแต่ลมจะพัดพาไปทางไหน มีเป้าหมายแล้วยังต้องวางแผนว่าจะไปถึงที่หมายอย่างไรด้วย
การวางเป้าหมายชีวิต สิ่งที่ควรทำก่อนคือการทบทวนชีวิตที่ผ่านมาว่าเรามาจากไหน ทำอะไรบ้าง สิ่งที่ผ่านมานั้นผลเป็นอย่างไร เพราะอะไรจึงเป็นเช่นนั้น การทบทวนชีวิตที่ผ่านมาจะช่วยให้เราไม่หลงทิศทางไม่ทำสิ่งที่ผิดพลาดซ้ำ ช่วยให้เราก้าวเดินต่อไปในทิศทางที่ถูกต้อง ก็คือการจัดการตัวเองโดยการจัดทำบัญชีครัวเรือน การจัดทำบัญชีครัวเรือนเป็นเรื่องของการรู้จักตนเองว่าการดำรงชีวิตเป็นอย่างไร สาเหตุแห่งทุกข์มาจากเรื่องใด จะทำให้สุขได้อย่างไร ชอบกินอะไร ไม่ชอบกินอะไร บัญชีครัวเรือนบ่งชี้ได้ ผลประโยชน์ของบัญชีครัวเรือนไม่ได้อยู่ที่การลด แต่อยู่ที่การนำไปใช้ ใช้เพื่อลดรายจ่ายและเพิ่มรายได้ของครัวเรือน การลดรายจ่าย คือวิธีการเพิ่มรายได้ที่ดีที่สุด ง่ายและไม่ต้องลงทุนเพิ่ม
บัญชีครัวเรือนจึงเป็นทางเลือกหนึ่งในการวางแผนชีวิตสู่เป้าหมาย “ครอบครัวไทยเป็นสุข” ในการน้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง มาใช้ในการดำรงชีวิต
1. ร่างกาย ® แข็งแรง
- ภาระกิจ
- ออกกำลังกาย
- การพักผ่อน
2. จิตใจ ® เข้มแข็ง (ต้องมีสมาธิ)
3. เศรษฐกิจ + การเงิน + อาชีพ ® เวลา
4. ทางสังคม (ครอบครัว + ชุมชน) อบอุ่น
5. สติปัญญา ® ข้อมูล / วิชาการ
การดำรงชีวิตแบบพอเพียง (การลดรายจ่ายเพิ่มรายได้)
การทำน้ำยาอเนกประสงค์
เสริมสร้างระบบการบริหารจัดการชุมชนและการเรียนรู้เรื่องการพัฒนาประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขและการสร้างความสมานฉันท์สามัคคีของหมู่บ้าน
ผู้แทนครอบครัวพัฒนาหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียงต้นแบบเฉลิมพระเกียรติ 84 พรรษา จำนวน 30 ครัวเรือน ตั้งปณิญาณเพื่อตอบแทนพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในการน้อมนำเอาหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงไปส่งเสริมให้ชุมชนปฏิบัติ เพื่อความผาสุขของครอบครัว ชุมชน และประเทศชาติ โดยให้ผู้แทนครอบครัวพัฒนาเขียนคำปฏิญาณลงในแผ่นกระดาษสีเหลืองที่ให้เพื่อถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
การติดตามและประเมินผลความสุขมวลรวมของชุมชน
จากการประเมินผลความสุขมวลรวม องค์ประกอบ 30 ตัวชี้วัด ปรากฏว่า ผู้แทนครอบครัวพัฒนามีระดับความพึงพอใจคะแนน 5 ทุกตัวชี้วัด ในองค์ประกอบ 3 ครอบครัวอบอุ่น องค์ประกอบที่ 6 เป็นชุมชนประชาธิปไตย ส่วนองค์ประกอบที่ 1 การมีสุขภาวะ ตัวชี้วัดที่ 1 มีความรู้ในการสร้างสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงไม่เจ็บป่วย คะแนน 4 องค์ประกอบที่ 2 เศรษฐกิจชุมชนเข้มแข็ง ตัวชี้วัดที่ 6, 8 คะแนน 4 องค์ประกอบที่ 4 ชุมชนเข้มแข็ง ตัวชี้วัดที่ 13, 19 คะแนน 4 องค์ประกอบที่ 5 สภาพแวดล้อมดี 9 ตัวชี้วัดที่ 21, 22, 23, 24 คะแนน 4
โครงการ จัดทำปุ๋ยหมัก ผู้ถ่ายทอดองค์ความรู้ นายประชุม รูปสง่า
ความเป็นมา/ข้อมูลทั่วไป
เดิมประกอบอาชีพการเลี้ยงโคนมซึ่งมีมูลโคและเศษวัสดุอยู่และทางอำเภอนำไปทัศนศึกษาดูงานโครงการพระราชดำริชั่งหัวมันและที่หนองใหญ่ ได้แนวคิดกลับมาดำเนินงานโครงการจัดทำปุ๋ยหมัก
ผลที่ทำให้ตนเองและชุมชนเกิดการเปลี่ยนแปลงดีขึ้น
(คำสรุปปิดท้ายที่จับใจ)
สิ่งที่ภาคภูมิใจในโครงการจัดทำปุ๋ยหมักเป็นการน้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาปรับใช้ในชีวิตประจำวัน
โครงการ ปลูกพืชผักปลอดสารพิษ ผู้ถ่ายทอดองค์ความรู้ นางวิไล แสงรุ้ง
ความเป็นมา/ข้อมูลทั่วไป
เดิมประกอบอาชีพสวนยางพารา ต้นยางแก่โค่นทิ้งปลูกยางใหม่ทดแทนยังกรีดไม่ได้จึงปลูกถั่วฝักยาวและแตงที่เป็นพืชอายุสั้น
ผลที่ทำให้ตนเองและชุมชนเกิดการเปลี่ยนแปลงดีขึ้น
เป็นการลดรายจ่ายและเพิ่มรายได้ให้กับตนเองและชุมชนได้ซื้อของในราคาถูกกว่าท้องตลาด และสด มีเงินทุนหมุนเวียนอยู่ในหมู่บ้าน
(คำสรุปปิดท้ายที่จับใจ)
สิ่งที่ภาคภูมิใจในการปลูกผักสวนครัว ซึ่งเป็นอาชีพเสริมจากการทำสวนยางพารา มีรายได้เพิ่ม ในระหว่างที่สวนยางยังไม่ได้รับผลผลิต และเป็นอาชีพที่เลี้ยงครอบครัวได้ส่วนหนึ่ง ซึ่งเป็นการน้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาปรับใช้ในชีวิตประจำวัน
โครงการ ปลูกผักเหลียงในสวนยาง ผู้ถ่ายทอดองค์ความรู้ นายหอม วัดปลั่ง
ความเป็นมา/ข้อมูลทั่วไป
ประกอบอาชีพการทำสวนยางพารา ในระหว่างร่องยางจึงทดลองนำต้นเหลียง ซึ่งเป็นผักพื้นบ้านของจังหวัดชุมพรมาปลูกระหว่างต้นยางได้ผลผลิตคุ้มค่า และเป็นการใช้พื้นที่ที่เกิดประโยชน์
ผลที่ทำให้ตนเองและชุมชนเกิดการเปลี่ยนแปลงดีขึ้น
เป็นการเพิ่มรายได้จากที่ดินที่ปลูกพืชเศรษฐกิจ (สวนยางพารา) ใบเหลียงเก็บขายได้ทุกวันทั้งในและนอกชุมชน และเป็นต้นแบบในการเปลี่ยนแปลงทัศนคติของคนในชุมชน
(คำสรุปปิดท้ายที่จับใจ)
การปลูกต้นเหลียงในสวนยางเป็นสิ่งแปลกในชุมชนในตอนแรกปลูก และต่อมาเป็นสิ่งดีที่ทำให้ครอบครัว ลดรายจ่ายในการซื้อผัก และเพิ่มรายได้กับการจำหน่ายผักเหลียง ซึ่งเป็นการเพิ่มมูลค่าในสวนยาง
โครงการ การทำน้ำยาล้างจาน ผู้ถ่ายทอดองค์ความรู้ นางลัดดาวัลย์ ดวงภุมเมศร์
ความเป็นมา/ข้อมูลทั่วไป
มีการสาธิตการทำน้ำยาล้างจานในหมู่บ้าน จึงรวมตัวกันผลิตน้ำยาล้างจานไว้ใช้เอง และจำหน่ายในชุมชน
ผลที่ทำให้ตนเองและชุมชนเกิดการเปลี่ยนแปลงดีขึ้น
เป็นการลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ให้กับตนเอง และชุมชน ซื้อของถูกและมีเงินหมุนเวียนอยู่ในชุมชน (คำสรุปปิดท้ายที่จับใจ)
ชุมชนเกิดการเรียนรู้ในหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง 3 ห่วง ความพอประมาณ ความมีเหตุผล และภูมิคุ้มกัน 2 เงื่อนไข ความรู้ และคุณธรรม
โครงการ การเพาะเห็ด ผู้ถ่ายทอดองค์ความรู้ นายสุวัช ขยายแย้ม
ความเป็นมา/ข้อมูลทั่วไป
ได้ไปศึกษามาดูงานการเพาะเห็ดแล้วนำพามาปฏิบัติในชุมชน เพื่อให้คนในชุมชนเกิดการเรียนรู้ในวิธีการต่าง ๆ เพิ่มมากขึ้นจึงได้รวมกลุ่มผู้สนใจ
ผลที่ทำให้ตนเองและชุมชนเกิดการเปลี่ยนแปลงดีขึ้น
ได้รู้ถึงวิธีการเพาะเห็ดตั้งแต่เริ่มผสมวัสดุ การบรรจุถุง การนึ่ง การเขี่ยเชื้อ ซึ่งเป็นการเรียนรู้ที่นำมาปฏิบัติให้มีรายได้เพิ่ม มีเงินหมุนเวียนอยู่ในชุมชน
(คำสรุปปิดท้ายที่จับใจ)
การเพาะเห็ด เป็นการเรียนรู้ด้วยการฝึกปฏิบัติ ตั้งแต่เริ่มแรก วิธีการผสมจนถึงวิธีการเพาะเลี้ยง เก็บออกจำหน่ายภายในและภายนอกชุมชน ชุมชนมีรายได้เพิ่มและมีเงินหมุนเวียนในชุมชนเพิ่มขึ้น และคนในชุมชนได้ซื้อผลผลิตในราคาถูกและสด
โครงการ ปุ๋ยหมักชีวภาพรกสุกร ผู้ถ่ายทอดองค์ความรู้ นายมานิตย์ วัดปลั่ง
ความเป็นมา/ข้อมูลทั่วไป
เดิมประกอบอาชีพเกษตรกรรมทำสวนมะพร้าว ประสบภัยพายุเกย์ ปี 2532 หลังจากนั้นบริษัทซีพีเข้ามารวมกลุ่มผู้สนใจเรื่องสุกรโดยผู้เลี้ยงสร้างโรงเรือนเอง บริษัทให้อาหาร พันธุ์สุกร ยาปฏิชีวนะ และต่อมามีความคิดว่ารกสุกรน่าจะนำมาหมักทำเป็นปุ๋ยไว้ใช้เองได้
ผลที่ทำให้ตนเองและชุมชนเกิดการเปลี่ยนแปลงดีขึ้น
สิ่งที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีนั้นก็คือ มีวัตถุดิบคือรกหมู นำมาใช้ให้เกิดประโยชน์เป็นการลดรายจ่าย และเพิ่มรายได้ให้กับตนเองและชุมชน
(คำสรุปปิดท้ายที่จับใจ)
ตามที่บริษัทซีพีได้เข้ามาส่งเสริมการเลี้ยงสุกรในหมูบ้านทำให้ผู้เลี้ยงได้มีแนวคิดว่ารกสุกรน่าจะทำปุ๋ยหมักชีวภาพได้โดยเป็นการลดต้นทุนการผลิต และใช้วัตถุดิบที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์โดยการใช้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในชีวิตประจำวัน
โครงการ เลี้ยงสุกร ผู้ถ่ายทอดองค์ความรู้ นายบุญส่ง ดวงภุมเมศร์
ความเป็นมา/ข้อมูลทั่วไป
หลังจากประสบภัยจากพายุใต้ฝุ่นเกย์ บริษัทซีพีได้เข้ามาส่งเสริมจัดตั้งกลุ่มเลี้ยงสุกรในปี พ.ศ.2537 มีสมาชิก 11 คน โดยผู้เลี้ยงต้องสร้างเล้าเอง บริษัทจะให้แม่พันธุ์ อาหาร ยารักษาโรค
ผลที่ทำให้ตนเองและชุมชนเกิดการเปลี่ยนแปลงดีขึ้น
ชุมชนได้รับการส่งเสริมการเลี้ยงสุกรแบบเล้าปิดตามแบบมาตรฐานที่บริษัทกำหนดระบบนิเวศน์ดีขึ้นและมีรายได้ที่แน่นอน
(คำสรุปปิดท้ายที่จับใจ)
กลุ่มได้รับการส่งเสริมจากบริษัทซีพีเป็นการเลี้ยงสุกรแบบเล้าปิดที่ได้มาตรฐานไม่มีผลกระทบต่อระบบนิเวศน์และผู้เลี้ยงมีรายได้ที่แน่นอนประมาณเดือนละ 60,000 บาท ยังได้หักค่าใช้จ่ายและผู้เลี้ยงสุกรบางรายยังทำปุ๋ยหมักชีวภาพจากรกสุกรไว้ใช้เองในสวนปาล์มซึ่งเป็นการลดต้นทุนการผลิต
โครงการ กลุ่มเลี้ยงโคนม ผู้ถ่ายทอดองค์ความรู้ นายประชุม รูปสง่า
ความเป็นมา/ข้อมูลทั่วไป
เดิมสมาชิกส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรมและประสบภัยพายุใต้ฝุ่นเกย์ ปี พ.ศ.2532 หลังจากนั้นมีหน่วยงานของกรมปศุสัตว์ได้เข้ามาส่งเสริมอาชีพการเลี้ยงโคนมชุมโค โดยรวมกลุ่มผู้สนใจสมาชิก 20 คน เลือกคณะกรรมการบริหารกลุ่มมีนายประชุม รูปสง่า เป็นประธาน
ผลที่ทำให้ตนเองและชุมชนเกิดการเปลี่ยนแปลงดีขึ้น
ทำให้ชุมชนสร้างกระบวนการเรียนรู้ด้านเทคโนโลยีใหม่ ๆ ในการประกอบอาชีพ มีรายได้เพิ่มขึ้น มีเงินทุนหมุนเวียนอยู่ในชุมชนและเป็นการสร้างงานสร้างอาชีพอย่างยั่งยืน
(คำสรุปปิดท้ายที่จับใจ)
จากการดำเนินงานของกลุ่ม ทำให้กิจกรรมของกลุ่มเป็นที่พึงพอใจของสมาชิกในการดำเนินกิจกรรมเป็นการสร้างงานสร้างอาชีพที่มีรายได้เพิ่มขึ้นอย่างยั่งยืนของสมาชิกกลุ่มและชุมชน
โครงการ กลุ่มสหกรณ์กองทุนสวนยาง ผู้ถ่ายทอดองค์ความรู้ นายรุ่ง ดวงภุมเมศร์
ความเป็นมา/ข้อมูลทั่วไป
เนื่องจากชุมชนนี้มีอาชีพปลูกยางพาราเป็นอาชีพหลัก จึงมีการรวมตัวกับชุมชน จึงมีมติให้จัดตั้ง
กลุ่มกองทุนสวนยางพาราขึ้นมา
ผลที่ทำให้ตนเองและชุมชนเกิดการเปลี่ยนแปลงดีขึ้น
ทำให้ชุมชนได้ขายผลผลิต ที่ได้ราคาสูงขึ้นโดยไม่ต้องผ่านพ่อค้าคนกลาง และเพิ่มรายได้ให้กับชุมชนแบบยั่งยืน
(คำสรุปปิดท้ายที่จับใจ)
จากการดำเนินงานของกลุ่ม ทำให้กิจกรรมของกลุ่มเป็นที่พึงพอใจของสมาชิก คือมีรายได้เพิ่มขึ้น และเพิ่มรายได้ให้กับชุมชนอย่างยั่งยืน
สรุปถอดบทเรียนและแลกเปลี่ยนเรียนรู้ตามประเด็นยุทธศาสตร์
จากการวิเคราะห์ชุมชน บ้านวังช้าง หมู่ที่ 4 ตำบลชุมโค กระบวนงานตามประเด็นยุทธศาสตร์ การพัฒนาทุนชุมชน การพัฒนาเศรษฐกิจของชุมชนให้เข้มแข็ง และการเพิ่มขีดความสามารถผู้นำชุมชน ซึ่งได้จัดทำข้อเสนอโครงการ ด้านการพัฒนาทุนชุมชน คือโครงการระดมทุนกลุ่มอาชีพการเพาะเห็ด ด้านการพัฒนาเศรษฐกิจของชุมชนให้เข้มแข็ง คือ โครงการส่งเสริมกลุ่มอาชีพการเพาะเห็ด และด้านการเพิ่มขีดความสามารถผู้นำชุมชน คือ โครงการฝึกทักษะคณะกรรมการบริหารกลุ่มอาชีพเพาะเห็ด
เนื่องจากกลุ่มเพาะเห็ด บ้านวังช้าง หมู่ที่ 4 ตำบลชุมโค เป็นกลุ่มใหม่เกิดจากการขับเคลื่อนหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียงต้นแบบเฉลิมพระเกียรติ 84 พรรษา ระดับ พออยู่ พอกิน ซึ่งต้องดำเนินการขับเคลื่อนใน 5 กิจกรรม คือ
1.ส่งเสริมแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง
2.ฝึกปฏิบัติการปรับเปลี่ยนชีวิตด้วยการทำแผนชีวิต
3.สาธิตกิจกรรมการดำรงชีวิตเศรษฐกิจพอเพียง
4.เสริมสร้างการบริหารจัดการชุมชน
5.การจัดการความรู้วิธีการปฏิบัติการพัฒนาหมู่บ้าน
และใน 5 กิจกรรมนี้ มีการสาธิตกิจกรรมการดำรงชีวิตเศรษฐกิจพอเพียง ด้านการเพาะเห็ด จึงได้มีการรวมกลุ่มผู้สนใจจัดตั้งกลุ่ม มีสมาชิกก่อตั้ง กลุ่ม จำนวน 30 คน คณะกรรมการบริหารกลุ่ม จำนวน 13 คน ในการดำเนินงานกิจกรรมของกลุ่มมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีองค์ประกอบของกลุ่ม 4 ประการ คือ สมาชิก กรรมการ กติกา และกิจกรรม กิจกรรมกลุ่มจะเป็นกระบวนการที่ทำให้กลุ่มสามารถดำเนินการต่อไปได้ โดยมีคณะกรรมการ และสมาชิก ต้องมีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกันในการจัดทำระเบียบข้อตกลงของกลุ่ม ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญ ในการบริหารจัดการกลุ่มให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และวางแผนในการดำเนินงานของกลุ่มไว้อย่างชัดเจน นำไปปฏิบัติได้ แต่ทางคณะกรรมการกลุ่มยังขาดความรู้ ความเข้าใจ ในการบริหารจัดการกลุ่มได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงต้องดำเนินการประชุมคณะกรรมการบริหารกลุ่ม สร้างความรู้ความเข้าใจ ในเรื่องการจัดทำระเบียบข้อบังคับของกลุ่ม การกำหนดแผนการขับเคลื่อนกิจกรรมของกลุ่ม การบริหารจัดการ เอกสารการดำเนินงานของกลุ่ม เพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการดำเนินงานของกลุ่ม
สำหรับแผนการขับเคลื่อนกิจกรรมของกลุ่มในเบื้องต้นคือ การประชุมสมาชิกและคณะกรรมการบริหารกลุ่มจัดทำระเบียบข้อบังคับของกลุ่ม และการจัดหาทุนเข้ากลุ่มโดยคณะกรรมการหมู่บ้านบ้านวังช้าง ร่วมกับคณะกรรมการกลุ่มเพาะเห็ด ได้ประสานงานหน่วยงานภาคีการพัฒนาขอสนับสนุนงบประมาณ จากศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอปะทิว ได้รับงบประมาณสนับสนุนต่อยอดโครงการส่งเสริมการเพาะเห็ด เป็นเงิน 3,000 บาท
ไม่มีความเห็น