นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล รมว.ศึกษาธิการ เปิดเผยถึงการจัดทำกรอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2555 ของกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ว่า ศธ.กำลังปรับลดกรอบงบฯตามที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มอบหมาย จากที่เสนอไปกว่า 5 แสนล้านบาท ให้เหลือ 4.1 แสนล้านบาทเท่ากับกรอบวงเงินงบฯ ปี 2555 เดิมที่เคยเสนอไปก่อนหน้านี้ ทั้งนี้ ยังไม่รวมกองทุนเงินกู้ยืมเพื่อการศึกษาที่ผูกกับรายได้ในอนาคต (กรอ.) และ กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) และกองทุนเงินกู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ที่จะโยกงบฯ มาตั้งไว้ที่ ศธ.รวมทั้งกองทุนแก้ไขปัญหาหนี้สินครู โดยตนได้มอบให้ ดร.สุเมธ แย้มนุ่น เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) ไปพิจารณาในภาพรวมร่วมกับผู้บริหารองค์กรหลัก ว่า โครงการไหนที่สามารถทำร่วมกันได้ หากงบฯ ส่วนใดมีความจำเป็นและเกินมา ตนก็จะนำเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อขอเพิ่มเติม โดยจะเร่งจัดทำกรอบงบฯ ให้เสร็จภายในสัปดาห์นี้ ที่มา เดลินิวส์ วันศุกร์ ที่ 09 กันยายน 2554
นายวรวัจน์ กล่าวต่อไปว่า ส่วนงบฯโครงการเรียนฟรี 15 ปี นั้น จะใช้วงเงินเดิม ซึ่งตนได้มอบให้ ดร.ชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) ไปทำการสำรวจความคิดเห็น ว่าสิ่งที่นักเรียนและผู้ปกครองต้องการจริง ๆ คืออะไร จากนั้นจัดทำเป็นรายการให้เลือกได้ตามความต้องการภายในวงเงินที่กำหนด โดยจะมีวงเงินให้ว่านักเรียนได้รับเงินอุดหนุนโครงการเรียนฟรีค่าอะไรบ้าง คนละเท่าไหร่ ซึ่งอาจจะมี 10 รายการแล้วให้เลือกได้ 5 รายการ เป็นต้น ทั้งนี้จะเริ่มใช้ในปีการศึกษา 2555 พร้อมกันนี้ได้ให้ ดร.ชินภัทร ไปหารือกับโรงเรียนที่ผู้ปกครองมีฐานะดี และไม่ประสงค์จะรับเงินอุดหนุนในโครงการเรียนฟรีก็จะให้ดูแลกันเอง ซึ่งถ้าโรงเรียนไหนสามารถคุยกับผู้ปกครองได้และผู้ปกครองยินยอมไม่รับเงินอุดหนุน ทางโรงเรียนจะเก็บเงินค่าเล่าเรียนเท่าไหร่ก็ได้ และให้นำเงินเรียนฟรีไปสนับสนุนโรงเรียนขนาดเล็กที่ขาดแคลน ส่วนที่เกรงว่าจะกลายเป็นการตัดโอกาสเด็กยากจนให้เข้าเรียนในโรงเรียนที่มีชื่อเสียงนั้น ต่อไปเมื่อมีการปรับหลักสูตรที่เน้นอาชีพเรียนจบแล้วมีงานทำ แนวโน้มของค่านิยมในการเข้าเรียนในโรงเรียนดังเหล่านี้ก็จะลดลง สำหรับการจัดซื้อคอมพิวเตอร์พกพา หรือ แท็บเล็ต ได้ตั้งงบฯไว้ 3,000 ล้านบาท เพื่อแจกนักเรียนในชั้น ป.1 ส่วนระดับชั้นอื่นจะทยอยแจกต่อไป
“ต่อไปมหาวิทยาลัยจะลงไปจัดทำหลักสูตรและช่วยสอนในโรงเรียนมัธยมศึกษา ซึ่งจะทำให้เด็กได้เรียนหลักสูตรเดียวกับมหาวิทยาลัยตั้งแต่มัธยมฯ โดยจะปรับหลัก สูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน แบ่งตามกลุ่มอัจฉริยภาพของเด็ก รวมถึงจัดระบบใหม่ให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจและสังคม 5 กลุ่ม ได้แก่ เกษตรกรรม อุตสาหกรรม พาณิชยกรรม วิชาการ และความคิดสร้างสรรค์ ซึ่งการแยกหลักสูตรตามวิชาชีพจะแยกตั้งแต่ระดับมัธยมฯ หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานที่เป็นหลักสูตรเดียวของ ศธ.แล้วใช้เหมือนกันทั่วประเทศจะไม่มีแล้ว” นายวรวัจน์ กล่าว.
ไม่มีความเห็น