ทหารเรือไทยในอเมริกา - ครั้งที่ ๑ ตอนที่ ๑


โตนี่ - ฟาง. GotoKnow.

สวัสดีครับพี่ - น้องทุกท่าน.

ผมได้เขียนเรื่องจริง  จากประสบการณ์ไว้นานพอสมควรแล้ว ทีแรกตั้งใจว่าจะไปจ้างเขาพิมพ์ออกจำหน่าย แต่ลองมาบวกลบคูณหารดูแล้ว กลัวจะได้กำไรมากเกิน เดี๋ยวจะหัวใจวายและไม่ได้ใช้เงิน..พอดีมาพบเพื่อนร่วมรุ่นเขาได้แนะนำว่าควรพิมพ์ให้คนอ่าน เพื่อจะได้นำความรู้จากประสบการณ์จริงของผมไปใช้ได้บ้าง..ไม่มากก็น้อยหรืออ่านเฉยๆและไม่ยอมใช้ก็ได้..ใครจะกล้าไปว่าท่านล่ะครับ ? เพราะยังไงๆผู้เขียนคงไม่ได้ใช้แล้วล่ะ....อาจจะตายวันนี้พรุ่งนี้ก็ไม่ทราบ ทีนี้จะมาเสียดายภายหลังว่า แหมอุตส่าห์เขียนแล้วแต่ไม่มีใครได้มาพบเรื่องน่าอ่านของเราเลย..เสียดายสิครับ.ขออนุญาตเอ่ยนามเพื่อนที่แนะให้ผม นำเรื่องนี้มาลงในบล๊อคนี้ท่านนั้นคือ น.อ.ทวีศักดิ์ สุภานันท์ ขอขอบคุณมา ณ ที่นี้ด้วยครับผู้การ.ผมจะเริ่มทะยอยนำมาลงครั้งละตอน และจะพยายามแนบรูปมาให้ได้ชมวีรกรรมกันบ้าง เชิญเข้ามาอ่านกันได้แล้วครับ.

นักเขียนหน้าใหม่.

โตนี่ - ฟาง.

ทหารเรือไทย ใน อเมริกา - ๑. 

THAI  NAVY  IN  USA. - 1

กล่าวนำ. 

ความจริงมีทหารไทยทุกเหล่าทัพ ประจำอยู่ต่างแดนในหลายประเทศเช่นเอเซียยุโรป หรือโดยเฉพาะ ในสหรัฐอเมริกา มีทั้งที่ไปศึกษาและดูงานในช่วงสั้นๆ หรือไปปฎิบัติงานตามปกติ เกินหนึ่งปีขึ้นไป.ฑูตทหาร.ทหารไทยเหล่านั้นไม่ว่าจะเป็น นายทหารชั้นประทวนหรือ นายทหารสัญญาบัตร ยังไม่เคยมีใครที่กลับมาแล้วมาเขียนเรื่อง เพื่อเล่าประสบการต่างๆของตนเองให้กับทหารด้วยกัน หรือนักอ่านอย่างเรา - ท่านๆได้อ่านเพื่อประดับความรู้ หรือเป็นประสบการณ์กันเลย ถ้ามีแล้ว-ต้องขออภัยครับ.ไม่รวมเรื่องสั้นที่เขียนตามวรสารของกองทัพ.ปี ๒๕๐๙ ตอนที่ผู้เขียนมาเป็นนักเรียนทหารนั้น ทราบว่ามีทหารเรือท่านหนึ่งเขียนหนังสือทำนองนี้ออกขายขายดีและเป็นที่สนใจของนิสิตฯ ตามสถาบันต่างๆเป็นอย่างมาก  เสียดายที่ผู้เขียนไม่สามารถจำชื่อเรื่องได้แต่จำชื่อผู้เขียนได้ถ้าจำไม่ผิด.คือคุณประเทือง  ศรีสุข ผมจำไม่ได้อีกแล้วว่าช่วงนั้น ท่านยังเป็นนร.ทหารหรือจบมารับราชการแล้ว. ปกติตัวผมเองมักชอบการอ่านมากกว่าการเขียน ในชีวิตผมอ่านหนังสือมามากกว่า๑๐๐ เล่มแต่เรื่องการเขียนนั้น  ผมไม่เคยคิดที่จะเขียนเลยจริงจริงครับ นี่จึงถือได้ว่าเป็นเรื่องแรกที่ผมเริ่มเขียน เนื่องจากมีเวลาว่างมากนั่นเอง.  หลังการเกษียณจากงานบริษัทแล้วท่านลองคิดดูน๊ะครับว่า คนเราจะมีเวลาว่างมากเพียงใด ? ตลอดอายุที่ยังพอมีเวลาเหลืออยู่ของบั้นปลายชีวิต ผมคิดว่าตัวเองเคยไปศึกษาและฝึกงานที่สหรัฐอเมริกามาถึงสามครั้งสามครา น่าจะเขียนเรื่องการเดินทางต่างๆของผมเพื่อเล่าให้ชนรุ่นหลังได้ทราบ เกี่ยวกับประสบการของผมและผู้ที่เคยมีโอกาสไปต่างประเทศกันมาแล้วว่า มีอะไรที่คล้ายคลึงกันหรือแตกต่างกันบ้าง ?ซึ่งผู้อ่านสามารถนำความรู้ต่างๆไปปรับปรุงและแก้ไข เพื่อนำไปใช้กับชีวิตประจำวันชีวิตราชการบ้างก็ได้ส่วนใครคิดว่าไม่จริงล่ะก็..น่าจะอ่านเรื่องของผมดูก่อนแล้วค่อยตัดสินน๊ะว่าจะติหรือจะชมดี ?เรื่องนี้ยังไม่เคยลงพิมพ์ที่ใด? มาก่อนเลยขอบอก. อ่านจบแล้วเผอิญอยากจะแนะนำหรือติติงจริงๆล่ะก็ ผู้เขียนยินดีน้อมรับครับ ขอให้เพลิดเพลินกับเรื่องจริงของผมได้แล้วครับ.กรุณาส่งมาที่  :  [email protected]   

*ผมต้องเอ่ยนามบางท่านที่มีส่วน ในเรื่องเขียนของผมครั้งนี้ต้องขออภัยมาล่วงหน้าน๊ะครับ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าท่านต่างๆ ที่เกี่ยวข้องในเรื่องเขียนของผมนี้ คงไม่ถึงกับฟ้องร้องผมน๊ะครับ ในส่วนที่ดีดีนั้นผมขอมอบให้กับผู้อ่านทุกท่านส่วนเรื่องที่ดีน้อย ผมขอรับไว้เองครับ.

ด้วยความปรารถนาดีจากผู้เขียน ..สวัสดีครับ.

จ.อ.พันธ์พงศ์  เลิศบุญชู ทร.๐๙.

ศิษย์เก่าพันป.ผส.นย.                                                     

ก่อนไปสหรัฐอเมริกาครั้งแรก.  Before heading to USA.

เขียนเมื่อ ๔  กพ.  ๔๙. 

เมื่อประมาณสามสิบปีก่อน  ถ้าพูดถึงประเทศสหรัฐอเมริกาแล้วมีคนอยากไปกันมากทีเดียว เพราะต่างก็อยากจะไปขุดทองกันบ้างก็อยากจะไปเป็นโรบินฮู๊ดทั้งๆที่ขี่ม้าไม่เป็น. เพื่อจะได้มีสิทธิ์เป็นคนอเมริกัน  จะได้ทำงานและมีบ้านอาศัยอยู่ที่นั่นปัจจุบันนี้ง่ายมาก  ถ้าใครมีความปรารถนาอย่างแรงกล้าล่ะก็  Mr. Don.  นายดอนเขาเชื้อเชิญคนเอเซียอยู่ทุกวินาที ขอเพียงแต่คลิ๊กเข้าไปที่เวปไซ๊ด์ของเขาและแจ้งความประสงค์ ที่จะขอสมัครให้เขาจับฉลากเพื่อเลือกไปเป็นอเมริกันชน  ซึ่งสามารถเข้าไปอยู่อาศัยและทำงานได้ เฉกเช่นอเมริกันชนทั้งหลายถึงปีละห้าหมื่นคน ผมยังเคยแอบคลิ๊กเข้าไปด้วยครับทุกวันนี้พี่แก ยังพยายามตื๊อจะเอาเงินจากผมให้ได้  คุณดอนครับทำไมตื๊อเก่งจริงๆเข้าใจคำว่า..ตื๊อไหมล่ะ ? วันไหนถ้าผมเปิดเมล์ดูละก็จะต้องมีเมลจากนายดอนจอมตื๊อ ทุกครั้งเลยสิเอ้า ! ขนาดยอมลดราคาให้ด้วยถึง๑๕ %  ผมเปิดพบทีไรเป็นต้องลบทิ้งทุกทีเพราะประเทศนี้ ผมไปแล้วถึงสามครั้งสามครา ทำไมต้องการให้ผมไปอยู่ที่นั่นอีกล่ะครับ ?ผมขอตายที่แผ่นดินแม่ดีกว่า เออถ้าไปตายที่บ้านคนอื่นนั้นมันดีตรงไหนล่ะ ? ท่านที่อายุยังน้อยและยังมีความประสงค์ที่อยากเสี่ยงดวงล่ะก็..ยังไม่สายครับแต่ต้อง เตรียมเงินไว้อย่างน้อย ๑๐๐ เหรียญยูเอสดอลล่าร์. แต่ต้องระลึกไว้เสมอว่าถ้าจับฉลากไม่ได้พี่ดอนแกจะไม่คืนเงินให้หรอกน๊ะ ! นี่ล่ะคือธุรกิจที่เขาทำกันในปัจจุบัน. ถ้าเขาจับชื่อท่านขึ้นมาได้จริงๆล่ะก็ผมคิดว่าสุดแสนที่จะคุ้มทีเดียว เพราะเขาจะออกค่าตั๋วให้๑ เที่ยว-ท่านสามารถพากันไปได้ทั้งครอบครัวทีเดียวตามที่คุยไว้ ถือว่าคุ้มค่ามากครับบางคนอ้างว่าฉันเป็นคนไทยย่ะ ! รักเมืองไทยเหนืออื่นใดที่ไหนได้ดันหนีบ้านพ่อ - เมืองแม่ไปตั้งรกรากที่สหรัฐอเมริกาเสียฉิบ.ไม่รู้ว่าพี่เขารักชาติกันแบบไหนน่าเศร้าจริงๆผมเองถ้าจะว่าไปแล้วชีวิตทั้งชีวิต คงจะไม่มีโอกาสมาถึงสหรัฐอเมริกาแน่ๆ   เพราะฐานะทางบ้านยากจนครับพ่อผมทำงานเพียงคนเดียว แถมมีพี่น้องถึงเจ็ดคน พูดไปแล้วอดนึกถึงพระคุณของพ่อไม่ได้ที่ได้ส่งเสียให้ผมได้มีการศึกษาที่ดี..แม้ว่าจะจบจากรร.วัดก็ตามถ้าเอ่ยชื่อรร.หลายท่านอาจจะแอบยิ้มก็ได้เออ..ไม่ใช่วัดกระจอกนี่หว่า !เป็นวัดที่มีชื่อและก็อยู่ในกทม.เสียด้วยสิ.ใช่ครับ.อยู่แถวๆสถานีรถขนส่งภาคตะวันออกนั่นแหละ ! ถูกต้องน๊ะครับ.สถานีเอกมัย.เมื่อปี๒๕๐๘ ผมจบม.๖ จาก รร.วัดธาตุทอง พระโขนง กรุงเทพฯ ผมเป็นลูกศิษย์อาจารย์ผ่อง อนันตกูลในรุ่นเดียวกัน พอจบมาต่างก็แยกย้ายกันไปเหมือนคอนเวอทร์ครับ Convert.เป็นชื่อรองเท้ายี่ห้อหนึ่ง  เคยเป็นที่นิยมของพวกขาโจ๋มานานแล้วแต่ปัจจุบันนี้ก็ยังนิยมกันอยู่ครับ เจ้าลูกชายผม..เพิ่งจะชวนผมไปซื้อเมื่อไม่นานมานี้เองครับ ขนาดมือสองแท้ๆยังราคาแพงกว่าของใหม่บางยี่ห้อเสียอีก.อย่างไรก็ตามสโลแกนของเขาก็คือ.ทางใครทางมัน. ที่เป็นทหารบกพอจะจำได้ช่วงที่เจอกันตอนเลี้ยงรุ่นครั้งล่าสุด เมื่อหลายปีมาแล้วที่รร.วินเซอร์แถวๆสุขุมวิทก็คือ พต.อรุณ งามมานะ , ที่เป็นทหารเรือเป็นนายพลแล้วก็มีครับแต่น่าเสียดายครับ ที่ประสพอุบัติเหตุจากเฮลิคอร์ปเตอร์ตกและเสียชีวิต.เศร้าสิครับ.ต้องเสียชีวิตก่อนวัยอันควรและที่น่าเสียดายกว่านั้นก็คือ ผู้เขียนจำชื่อเขาไม่ได้จริงๆ  ขออโหสิครับท่านผู้การ !

๖.ไปเที่ยวสุดสัปดาห์ - ที่คอปรัสคริตสตี้ - Copus Christy. ปี ๒๕๒๘.

ส่วนทหารอากาศถ้าจำไม่ผิดก็คือ ฉัตรไชย  ผดุงชีวิต เจอกันตอนเลี้ยงรุ่นนั้นเขาบอกว่าเป็นนักบินขับไล่แต่ไม่ได้บอกว่า ใครไล่ใคร ? เป็นเรืออากาศเอก  แถมยังชวนผมไปถ่ายภาพทางอากาศเสียด้วยสิ  ผมไม่ได้ไปกับเขาหรอกครับเพราะผมบอกเขาไปว่า เออเพื่อน..กูไม่มีตังค์ค่าฟิล์มว่ะ ! ไม่ทราบว่าขณะเขียนเรื่องนี้ยังอยู่ในกองทัพกันหรือเปล่า ?ถ้ายังอยู่ยศคงจะสูงทีเดียวครับ หรืออาจจะเป็นนายพลไปแล้วก็ได้ นายอรุณและฉัตรไชยเคยอยู่ห้องเดียวกับผมครับ เพราะเรียนไม่เก่งจึงอยู่ห้องฉอฉิ่ง.  ส่วนท่านนายพลเรือนั้นเรียนเก่งกว่าผมครับ ที่เป็นตำรวจอีกท่านหนึ่งก็คือ..รตอ.เอกจรัญ ชิตะปัญญา เรียนเก่งสิครับ.มาจากห้องกอไก่.  ผู้เขียนคงต้องขออนุญาตเอ่ยนามอีกน๊ะครับ   มิฉะนั้นคงไม่มีใครทราบแน่ๆถ้ายังห้ามกันยุบยิบ..ต่อไปคงไม่มีใครอยากจะเก่งเป็นแน่.เจอกันครั้งสุดท้ายช่วงเลี้ยงรุ่นนั่นล่ะครับ  เวลาผ่านไปเร็วเหลือเกินหลายครั้งแล้วที่ผมไม่มีโอกาสไปงานเลี้ยงรุ่นกับเขา จึงไม่ทราบข่าวคราวของเพื่อนอีกเลย ไม่รู้ว่าผู้กองได้เป็นนายพลหรือยัง ?  แม้จะเป็นนร.เตรียมทหาร รุ่นเดียวกับนายกรัฐมนตรีบางท่านก็ตามเถอะ. ขณะเขียนต้นฉบับอยู่มีหลายองค์กรพยายามเดินขบวนขับไล่ โดยอ้างว่าซุกหุ้นบ้าง คอรัปชั่นบ้าง วุ่นวายกันไปหมด ทำไมพวกพี่ไม่มองในสิ่งที่เขาทำดีไว้บ้างล่ะ ? อย่างไรก็ดีเอาไว้ค่อยดูกันในวันที่๒๖กพ.๔๙ ดีกว่าน๊ะ ตอนที่ท่านอ่านอยู่คงรู้ดำรู้แดงกันไปแล้วล่ะ !เห็นว่าจะรวมพลกู้ชาติกันครั้งใหญ่ พวกนี้บางทีน่าจะส่งไปยังสามจังหวัดชายแดนใต้เสียเลย จะไปปราบหรือไปเป็นปุ๋ย ก็ช่างเถอะผมไม่อยากรู้หรอกครับ. น่าเสียดายที่ผมไม่มีอำนาจ.เอ๊ะ !ลูกพี่.จะกู้ไปทำไม ? ชาติไทยไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย ก็ยังไม่วาย.นายสมพงษ์ อนุ. ชื่อและนามสกุลเดิม.เป็นรองผู้ว่าอยู่ที่ตราดและได้ย้ายไปกินตำแหน่งใหม่แล้ว ท่านรองคนนี้ ก็มาจากห้องกอไก่เหมือนกันครับ.ขณะที่เขียนเรื่องนี้ผมเห็นชื่อแว๊บๆว่าได้ขึ้นเป็นผู้ว่าฯแล้ว ขอให้ท่านรักษาจังหวัดของท่านให้ดีน๊ะ อ้อ !..ยังมีเพื่อนร่วมห้องฉอฉิ่ง  ที่ผู้เขียนควรกล่าวถึงอีกท่านหนึ่งครับ คนนี้มาจากเด็กวัดอย่างแท้จริง และท่านเป็นเด็กวัดเต็มตัวครับ พตอ.ปุรฉัตร เกตุมา  ต่อมาได้เปลี่ยนนามสกุลเป็นจามรมาลย์ ถ้าเปลี่ยนแล้วดีก็เชิญเถอะครับ ท่านรองฯ อดีตท่านเป็นนักชกของโรงเรียนครับ   ฝีมือพอใช้ได้ครับ แต่คงจะสู้น้องสมรักษ์ คำสิงห์ไม่ได้หรอก...อีกท่านเป็นนายดาบอยู่แถวภาคตะวันออกนี่แหละครับ !  ประจำอยู่ที่ตำรวจทางหลวง แม้ว่าจะเป็นเพียงตำรวจชั้นประทวนแต่นิสัยดีครับ ชอบช่วยเหลือ  บางครั้งไม่มีอำนาจแต่ให้เพื่อนคอยช่วยเหลือครับแค่เอ่ยชื่อก็ยังใช้ได้ครับมีหลายครั้งที่ผมถูกตำรวจทางหลวงเรียกจอด ยังไม่ทันทราบข้อหาเลยครับ..พอบอกว่าผมเป็นเพื่อนกับไอ้เปา ตำรวจก็ไม่พูดอะไรเลย ไป ไป ไป พูดเพียงสามคำเท่านั้นเอง ! เห็นไหมครับว่า..คนเราถ้ามีเพื่อนเป็นตำรวจบ้างก็ดีใช่ไหมครับ ?  นายดาบเพื่อนผมคนนี้คือดาบไพโรจน์ จันทร์เจริญ.ต่อมาพี่แกเปลี่ยนเป็นเกียรติศักดิ์ อย่างว่าน่ะครับ ! เปลี่ยนแล้วดี  ก็เอาเลยครับ. เพื่อนผมคนนี้มีฉายาว่าเปา  พี่แกตัวดำและอ้วนใหญ่คล้ายเปาบุ้นจิ้นจากหนังจีนที่ฮิตในทีวี พี่แก..ยังมีใฝดำกลางหน้าผาก อีกหนึ่งเม็ดใหญ่เสียด้วยสิครับ.ใครมีโอกาสถูกตำรวจทางหลวงแถวๆภาคตะวันออกเรียกจอดจะอ้างชื่อท่านเปาดูบ้างก็ได้น๊ะครับ  ไม่สงวนสิทธิ์. ระวังจะจุดใต้ตำตอก็แล้วกัน เดินทางโดยสวัสดิภาพครับ.  ยังมีอีกหลายท่านที่ผมมิได้เอ่ยถึง  อย่างไรก็ดีขอให้ท่านที่ยังรับราชการอยู่จงก้าวหน้าไปให้ถึงที่สุดน๊ะครับ ว่าไปแล้วเพื่อนๆที่รุ่นราวคราวเดียวกันเหลือเวลาอีกไม่เกินสี่-ห้าปีแล้วล่ะครับ คงต้องเกษียณอายุกัน.ไหนว่าจะพาไปเที่ยวที่สหรัฐฯไงล่ะ ? ทำไมมาเกษียณอายุเสียก่อน แล้วใครจะพาผมไปล่ะนี่..! พอจบม. ๖ ผมก็ได้สมัครไปทั่ว เฉกเช่นที่เด็กหนุ่มในวัยเดียวกันปรารถนาไม่ว่าจะเป็น ตามรร.ทหารต่างๆเช่นที่รร.เตรียมทหาร.   ผมสอบได้๙๕คะแนนยังไม่ได้เลยผมอุตส่าห์ดีใจ พี่แกมาบอกทีหลังว่าคะแนนเต็มสี่ร้อย. รร.ช่างกลปทุมวัน และรร.ชุมพลทหารเรือ ที่เกล็ดแก้ว สัตหีบ ชลบุรี.สถาบันนี้เป็นที่สุดท้ายที่ผมเลือกและผมได้ถูกจัดเข้าทำเนียบรุ่นคือทร.๐๙ ที่นี่มีนร.รุ่นพี่จากรร.วัดธาตุทองอยู่ ๑ คน ชื่อพี่ชลอน่าเสียดายที่จำนามสกุลไม่ได้.  พี่เขาจบมาก่อนผมจึงมาเป็นนรจ.ชั้นปีที่สอง ในขณะที่ผมกำลังอยู่ชั้นปีหนึ่ง โดยมีครูซึ่งจบจากรร.นายเรือมาเป็นนายตอนหลายนายครับ.ต่อมาหนึ่งในจำนวนนี้ท่านได้รับตำแหน่งผบ.ทร.คือครูชุมพลหรือพล.รอ.ชุมพล ปัจจุสานนท์ ขณะที่เขียนครูได้เกษียณอายุแล้วและด้วยความดีของครู -ท่านจึงมีโอกาสเป็นถึงองคมนตรี. ถ้าครูมีโอกาสมายังพื้นที่เดิมที่สัตหีบ ขอให้นายธงแจ้งล่วงหน้าด้วยน๊ะครับทร.๐๙ทุกนาย ยังอยากจะกราบคุณครูเหมือนเดิมครับ ครูของเรายังไม่ถูกฝ่ายใดไล่ออกเหมือนบางท่าน.การเมืองเรื่องน่าเบื่อ. ผมอยู่ที่บ้านเกล็ดแก้วตอนเป็นนักเรียนจ่าปีที่หนึ่ง. พอได้ขึ้นชั้นปีที่สองก็มาอยู่ที่รร.จ่านาวิกโยธินจนจบและติดยศจ่าโท.มีผบ.ร้อยคือร.อ.ธำรง ไก่แก้ว รน.ต่อมาได้เกษียณอายุเป็นพลเรือตรี.และท่านได้กลับไปประกอบอาชีพที่จันทบุรี นรจ.รุ่นผมได้รับการประดับยศและได้รับเงินเดือนเริ่มจาก ๗๒๐ บาท ถ้าไปราชการจะได้เบี้ยเลี้ยงเพิ่มวันละ๑๖ บาท.ครับ. ผู้อ่านหลายๆท่านอาจสงสัยว่าเงินขนาดนี้เขาดำรงชีพกันได้อย่างไร ?  

 * ผมคงต้องขอไปต่อครั้งหน้าน๊ะครับ..เพราะคอมฯราคาถูกของผม เริ่มงอแงแล้ว  ทีแรกคิดว่าจะได้ค่าเรื่องบ้าง จะได้พาพี่แกไปอั๊พเกรดเสียหน่อย..ไม่ทราบว่าใครไปแอบบอกน้องคอมฯว่า..ไม่มีค่าตัว..น้องแกจึงเริ่มออกลายเสียเลย..อย่าเพิ่งตำหนิผมเลยน๊ะ..ผมจะรีบกลับมาเขียนแล้วส่งต่อหลังการออกกำลังกายประจำวันครับ อะดิอ๊อส - โตนี่ - ฟาง.

หมายเลขบันทึก: 459474เขียนเมื่อ 9 กันยายน 2011 14:01 น. ()แก้ไขเมื่อ 7 กรกฎาคม 2013 13:10 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

สวัสดีครับ " เดินหน้าเต็มตัว ".......เลยนะครับ

พี่ชลอ แกเป็นนายตอน 8 พรรคกลิน ครับ..

ผู้เขียนคิดว่านักอ่านที่ดีไม่ควรเบื่อในการอ่าน ถ้าคิดกลับกันผู้เขียนต่างหากที่น่าจะเบื่อเพราะต้องลงมือเขียน. ที่จริงยังมีอีกตั้งหลายเรื่องที่อยากให้ท่านได้อ่านกัน เขียนเสร็จแล้วเพียงแต่รอแก้ไขอีกหน่อยเท่านั้นเอง เช่น :

- ทหารเรือไทยในอเมริกา รวม ๓ ตอน.

- ผมเป็นจนท.ติดต่อในการแข่งขัน - "กระโดดร่มนานาชาติ" รวม ๓ ตอน.

- เมื่อผมทำงานกับ ยู - เอ็น.

- มอเตอร์ไซค์รับจ้าง.

- ไปเป็นล่ามงานขุดเจาะน้ำมันที่..- บังคลาเทศ. รวม ๒ ตอน.

- กว่าจะได้งานถาวร.

* แค่นี้ผมว่าหลายท่าน คงจะไม่อยากอ่านกันแล้ว..เยอะเหลือเกิน..

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท