ข้อมูลทุจริตโครงการเรียนฟรี 15 ปี


ข้อมูลทุจริตโครงการเรียนฟรี 15 ปี

 

“ประสม” งัดข้อมูลทุจริตโครงการเรียนฟรี 15 ปี หลังพบโรงเรียนกว่า 1,000 แห่งยังไม่ได้หนังสือแบบเรียน พร้อมเผยมีการเบิกจ่ายเงินก้อนแรกไปแล้วกว่า ร้อยละ 70 หวั่นรัฐ สูญงบฯ เรียนฟรี 6,000 ล้านบาท

เมื่อวันที่ 5 ก.ย.54 ที่ห้องประชุมชั้น 1 บรัษัท ศึกษาภัณฑ์ขอนแก่น จำกัด นายประสม ประคุณสุขใจ ประธานบริษัทศึกษาภัณฑ์ขอนแก่นและบริษัทในเครือ ในฐานะนายกสมาคมส่งเสริมการค้าหนังสือและเครื่องเขียนไทย ได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชน ถึงความไม่ชอบพามากลในการทุจริตโครงการเรียน ฟรี 15 ปี โดยเรียกร้องให้รัฐบาลเข้ามาตรวจสอบในเรื่องดังกล่าวอย่างจริงจัง หลังพบว่าสถาบันศึกษากว่า 1,000 แห่ง ทั่วประเทศ ยังคงไม่ได้รับหนังสือและบางรายวิชามีการจัดส่งไม่ครบ ทั้งที่รัฐบาลมีการเบิกจ่ายเงินงวดแรกไปแล้วกว่า ร้อยละ 70 นายประสม กล่าวว่า รัฐบาลเร่งตรวจสอบการทุจริตโครงการดังกล่าวอย่างจริงจัง เพราะส่งผลกระทบโดยภาพรวมกับนักเรียน นักศึกษา และเงินงบประมาณของแผ่นดิน เพราะงบฯ ใการจัดซื้อหนังสือแต่ละปี มีมากถึง 6,000 ล้านบาท ในจำนวนนี้มีการชำระเงินงวดแรกไปแล้วร้อยละ 70 แต่หนังสือเรียนใน 8 กลุ่มสาระวิชาของโรงเรียนอีกกว่า 1,000 แห่ง ยังคงไม่ได้รับ ขณะที่มีบางโรงเรียนมีการรับมอบหนังสือในจำนวนที่ไม่ครบเช่นกัน และเหลือเวลาเพียงไม่ถึงเดือนก็จะปิดภาคเรียนที่ 1 ของปีการศึกษา 2554
"นโยบายเรียนฟรี 15 ปี เป็นเรื่องที่ดี ที่จะทำให้เยาวชนของเรานั้นได้รับการศึกษาที่สมวัยและมีโอกาสเข้ามาศึกษาในระดับชั้นต่างๆ ในจำนวนที่เพิ่มขึ้น เพราะเป็นที่ทราบกันว่าปัญหาเรื่องการเรียนสิ่งหนึ่งเกิดขึ้นมาจากเรื่องของรายได้ของแต่ละครอบครัว จนทำให้เด็กและเยาวชนเสียโอกาส แต่เมื่อมีการดำเนินโครงการดังกล่าวมา 2 ปี กับพบปมปัญหาการทุจริตหลายอย่าง หลายพันโรงเรียนยังคงได้หนังสือไม่ครบ แต่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) รายงานผลการจัดซื้อไปยัง สพฐ.ด้วยข้อมูลที่ไม่ตรงกับความจริง เพราะกลัวความผิด แต่จากการสำรวจพบว่าอีกร้อยละ 30 ไม่มีการสั่งซื้อหนังสือ และงบฯ นั้นได้หายไป แสดงให้เห็นว่าต้องมีหนังสือปลอมกลับมาระบาดในวงการศึกษาไทยอีกครั้ง นอกจากนี้ยังคงพบว่าสถานศึกษาบางแห่งมีการซื้อบิลลม คือมีส่วนได้เสียกับร้านค้าบาง แห่งเพื่อปลอมแปลงบิลนำไปเบิกจ่ายกับต้นสังกัด และแก้ไขปัญหาด้วยการนำหนังสือเรียนไปถ่ายเอกสารและนำมาจำหน่ายให้กับนักเรียนในราคาต้นทุน"

นายประสม กล่าวและว่า รัฐบาลจะต้องเล็งเห็นถึงความสำคัญในแวดวงการศึกษาไทย ด้วยการเริ่มต้นจากการจัดหาหนังสือเรียนให้เป็นวาะเร่งด่วน เพราะขณะนี้จะหมดภาคเรียนที่ 1 ปี 2554 และจะเข้าสู่ภาคเรียนที่ 2 และควรมีคำสั่งให้แต่ละโรงเรียนนั้น แจกจ่ายหนังสือเรียนให้กับนักเรียนตั้งแต่วันแรกของการเปิดภาคเรียนและหนังสือเรียนทุกเล่มต้องยกให้เป็นสมบัติของนักเรียนเพื่อจะได้ใช้ทบทวน โดยเฉพาะระดับชั้น ม.1, ม.3 และระดับอุดมศึกษา อีกทั้งในช่วงที่เศรษฐกิจยังคงผันผวน ราคาต้นทุนทางวัตถุดิบนั้นเริ่มแพงขึ้น รัฐบาลก็ต้องมากำหนดและควบคุมราคาหนังสือเรียนเช่นกัน เพราะแนวโน้มของการเตรียมปรับขึ้นราคากระดาษนั้น มีอย่างแน่นอนซึ่งหากต้นทุนสูงขึ้น นักเรียน และนักศึกษาก็จะมีค่าใช้จ่ายในด้านการศึกษาที่เพิ่มขึ้นด้วย

ที่มา สยามรัฐ

หมายเลขบันทึก: 458932เขียนเมื่อ 6 กันยายน 2011 14:15 น. ()แก้ไขเมื่อ 29 เมษายน 2012 17:31 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท