ครูเฮ! “วรวัจน์” เตรียมตั้งโครงการปลดหนี้ครู 5 หมื่นล้านบาท


ครูเฮ! “วรวัจน์” เตรียมตั้งโครงการปลดหนี้ครู 5 หมื่นล้านบาท

               ครูเฮ! “วรวัจน์” เตรียมตั้งโครงการปลดหนี้ครู 5 หมื่นล้านบาท

ครูมีหนี้มาก ได้เฮ “วรวัจน์” ผุดโครงการปลดหนี้ครู วงเงิน 5 หมื่นล้านบาท ใช้งบปี 55 ดำเนินการ ส่วนรายละเอียดยังไม่ชัด แต่ย้ำไม่ใช่การให้เงินครูกู้ไปโปะหนี้ เตรียมเสนอขอดึงงบ กรอ.จาก ก.คลัง มาดูแลเอง

นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ(รมว.ศธ.) เปิดเผยว่า กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เตรียมเสนอของบประมาณปี 2555 วงเงิน 5 หมื่นล้านบาท เพื่อนำมาใช้ในโครงการปลดหนี้ครู ซึ่งตามรายงานล่าสุดของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) สำรวจพบว่า ยอดหนี้สินครูทั้งหมดสูงถึง 7 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวจากปีที่แล้วซึ่งตัวเลขหนี้สินครูแค่ 3 แสนล้านบาท เฉลี่ยแล้วครูมีหนี้สินประมาณคนละ 2 ล้านบาท ทั้งนี้ หนี้สินครูส่วนใหญ่เป็นหนี้ที่กู้มาจากสหกรณ์ออมทรัพย์ครูมากที่สุด สำหรับรายละเอียดของโครงการปลดหนี้ครูนั้น ยังต้องพิจารณาอีกครั้งว่าจะดำเนินการในวิธีใด แต่อาจจะดำเนินการในรูปของกองทุน อยู่ระหว่างศึกษารายละเอียด
“ที่สำคัญ โครงการปลดหนี้ครูครั้งนี้ จะไม่ใช่การนำงบประมาณมาปล่อยกู้ให้ครูนำไปล้างหนี้เก่า เพราะครูแต่ละคนเป็นหนี้ถึงกว่า 2 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม สินเชื่อที่ครูกู้ส่วนใหญ่คิดดอกเบี้ยที่ประมาณร้อยละ 7 ถ้าสามารถหาทางให้ครูจ่ายดอกเบี้ยเงินกู้ลดลง ครูก็จะมีรายได้เพิ่มขึ้นต่อปีเป็นจำนวนมาก คำนวณคร่าวๆ ครูที่กู้เงิน 2 ล้านบาทจะมีเงินเหลือปีละเป็นแสนบาทถ้าไม่ต้องจ่ายดอกเบี้ย และกระทรวงจะเป็นผู้ดูแลโครงการปลดหนี้ครูเองโดยตรง ซึ่งจะดีกว่าให้ สกสค.ดำเนินการเหมือนที่ผ่านมา เพราะเห็นว่า โครงการแก้ปัญหาหนี้สินของ สกสค. ไม่สามารถแก้ปัญหาได้จริง หนี้สินครูเป็นหนี้สหกรณ์ออมทรัพย์ครูซึ่งไม่ได้ปล่อยกู้ตามระบบของธนาคารพาณิชย์ แต่สหกรณ์อมมทรัพย์ครูนั้น เหมือนบริษัทที่ครูตั้งขึ้นมาปล่อยกู้กันเอง เมื่อครูเข้าโครงการปลดหนี้ครูแล้ว ส่วนใหญ่ก็จะไปกู้เงินสหกรณ์ฯอีก ที่สุดก็ต้องกลับมาเข้าโครงการปลดหนี้ครูอีกรอบ ไม่มีที่สิ้นสุด” รมว.ศธ.กล่าวและว่า นอกจากช่วยครูปลดหนี้แล้ว ศธ.จะลงไปดูแลขบวนการปล่อยกู้ให้ครูในรูปแบบต่างๆ ด้วย เพื่อป้องกันไม่ให้ครูไปเป็นหนี้ซ้ำอีก ยกเว้นรายที่มีความจำเป็นจริงๆ จึงสมควรผ่อนผันให้สร้างนี้เพิ่มได้

นายวรวัจน์ กล่าวต่อว่า ศธ.จะเสนอให้โยกงบประมาณกองทุน กยศ. ซึ่งจะเปลี่ยนไปเป็น กรอ.มาตั้งที่กระทรวงศึกษาธิการแทนตั้งที่กระทรวงการคลัง เหตุผล หลักการของ กองทุน กรอ.นั้น ต้องการปล่อยกู้ในสาขาที่จบแล้วมีงานทำ เมื่อเจ้าตัวมีรายได้ถึง 16,000 บาทต่อเดือนตามเกณฑ์ จึงจะได้เริ่มใช้หนี้คืน กรอ.เพราะฉะนั้น จะต้องมีการดูแลเรื่องการปล่อยกู้อย่างรอบครอบ ต่างจากการปล่อยกู้ กยศ.ซึ่งกำหนดให้ลูกหนี้ใช้คืนทันทีเมื่อขึ้นปีที่ 3 หลังจากจบการศึกษา จึงไม่ต้องกลั่นกรองสาขาปล่อยกู้มากเท่า กรอ.ดังนั้น ให้ ศธ.ดูแลเองจะเหมาะสมกว่า

 ที่มา ASTVผู้จัดการออนไลน์ 1 กันยายน 2554

 


 

"แจกแหลก"ตั้ง5หมื่นล้าน รับปลดหนี้คุณครูทั่วไทย

"วรวัจน์"ประชานิยมสุดๆ เตรียมของบปี 2555 จำนวน 5 หมื่นล้านบาท ตั้งกองทุนปลดหนี้ครู หลังพบยอดหนี้ครูล่าสุดสูงถึง 7 แสนล้านบาท พร้อมดึงโครงการจาก สกสค.มาไว้ที่ ศธ. และเล็งดึงกองทุน กรอ.จากคลังมาไว้ที่ ศธ.

นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวว่า ศธ.เตรียมเสนอของบประมาณปี 55 วงเงิน 5 หมื่นล้านบาท เพื่อนำมาใช้ในโครงการปลดหนี้ครู ซึ่งจากรายงานสำรวจล่าสุดของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) พบว่า ยอดหนี้สินครูทั้งหมดสูงถึง 7 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวจากปีที่แล้ว จากยอดทั้งหมด 3 แสนล้านบาท ดังนั้น เฉลี่ยแล้วครูจะมีหนี้สินประมาณคนละ 2 ล้านบาท หนี้ส่วนใหญ่เป็นเงินกู้มาจากสหกรณ์ออมทรัพย์ครู แต่เบื้องต้นก็ต้องกลับไปพิจารณาอีกว่าจะดำเนินการในรูปแบบใด

รมว.ศธ.กล่าวอีกว่า ศธ.จะเป็นผู้ดูแลโครงการปลดหนี้ครูเองโดยตรง ซึ่งจะดีกว่าให้ สกสค.ดำเนินการเหมือนที่ผ่านมา เพราะเห็นว่าโครงการแก้ปัญหาหนี้สินของ สกสค. ไม่สามารถแก้ปัญหาได้จริง อย่างไรก็ตาม นอกจากช่วยครูปลดหนี้แล้ว ศธ.จะลงไปดูแลขบวนการปล่อยกู้ให้ครูในรูปแบบต่างๆ ด้วย เพื่อป้องกันไม่ให้ครูไปเป็นหนี้ซ้ำอีก ยกเว้นรายที่มีความจำเป็นจริงๆ จึงสมควรผ่อนผันให้สร้างนี้เพิ่มได้”

นอกจากนี้ ศธ.จะเสนอให้โยกงบประมาณกองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา(กยศ.) ซึ่งจะเปลี่ยนไปเป็นกองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษาผูกกับรายได้ในอนาคต ( กรอ.) มาอยู่ในความดูแลของ ศธ.แทน จากเดิมที่อยู่ภายใต้การดูแลของกระทรวงการคลัง เหตุผลหลักมาจากกองทุน กรอ.นั้นต้องการปล่อยกู้ในสาขาที่จบแล้วมีงานทำ เมื่อเจ้าตัวมีรายได้ถึง 16,000 บาทต่อเดือนตามเกณฑ์ จึงจะได้เริ่มใช้หนี้คืน เพราะฉะนั้น จะต้องมีการดูแลเรื่องการปล่อยกู้อย่างรอบคอบ ต่างจากการปล่อยกู้ กยศ. ซึ่งกำหนดให้ลูกหนี้ใช้คืนทันทีเมื่อขึ้นปีที่ 3 หลังจากจบการศึกษา จึงไม่ต้องกลั่นกรองสาขาปล่อยกู้มากเท่า กรอ. ดังนั้น ให้ ศธ.ดูแลเองจะเหมาะสมกว่า.

ที่มา ไทยโพสต์ วันที่ 2 กันยายน 2554

หมายเลขบันทึก: 457673เขียนเมื่อ 2 กันยายน 2011 09:31 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 20:30 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท