พิพิธภัณฑ์มัลติมีเดียพุทธคยา
ตรงทางเข้าจากถนน พิพิธภัณฑ์จะตั้งอยู่ทางซ้ายมือ
การได้ไปราชการที่พุทธคยาเมื่อวันที่ 26 สค. 2554 ผมได้มีโอกาสแวะชมพิพิธภัณฑ์มัลติมีเดีย Maltimedia Museum ของมหาโพธิมหาวิหารด้วย ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์ที่ตั้งขึ้นมาประมาณ 5 ปีที่แล้ว เป็นสถานที่นำเสนอเรื่องเกี่ยวกับพุทธศาสนาในรูปแบบของมัลติมีเดียที่น่าสนใจ ดำเนินการโดยคนรุ่นใหม่ที่อาสามาทำตรงนี้โดยไม่หวังผลกำไร
พิพิธภัณฑ์มัลติมีเดียหรือจะให้ถูกคือห้องแสดงภาพยนตร์ขนาดเล็ก ดัดแปลงจากอาคารมาเป็นห้องฉายภาพยนตร์ขนาดจุคนได้ 80 คน ผู้บริหารพิพิธภัณฑ์คือนาย Naveen Sharma ผู้ก่อตั้งและผู้บริหารแห่งบริษัท Prachin Bharat Tourism Technologies Pvt.Ltd. สำนักงานตั้งอยู่ที่เมืองบังกาลอร์ นาย Naveenบอกว่าเป็นความตั้งใจของเขาที่จะอาสามาทำงานตรงนี้เนื่องจากที่ผ่านมายังไม่มีใครทำ นาย Naveen ได้ตั้งทีมคนทำงานรุ่นหนุ่มสาวจัดทำพิพิธภัณฑ์มัลติมีเดียที่พุทธคยาและนาลันทาซึ่งก็ได้รับความเห็นชอบจากมุขมนตรีรัฐพิหารจัดสรรที่ดินและอาคารในพุทธโบราณสถานทั้งสองแห่งให้ ที่พุทธคยาเป็นอาคารเก่าๆ ขนาดเล็กแต่ก็เหมาะสมเพราะอยู่ติดกับวัดมหาโพธิมหาวิหาร ด้วยความที่คนอินเดียรุ่นใหม่เก่งเรื่องไอทีและซอฟท์แวร์ จึงริเริ่มที่จะนำเสนอพุทธศาสนาในรูปแบบภาพยนตร์แอนิเมชั่นประวัติพระพุทธเจ้าความยาวประมาณ ครึ่ง ชม. เล่าเรื่องประวัติของพระพุทฌจ้าตั้งแต่ทรงเยาว์วัยจนบรรลุธรรม ทั้งนี้เป็นประวัติพระพุทธเจ้าในมุมมองของคนอินเดีย
ผมได้รับชมแล้ว ก็ถือว่าสร้างได้ดีพอสมควรเหมาะสำหรับเยาวชนและคนทั่วไป ในแง่ของความตั้งใจถือว่าทำได้ดี น่าชื่นชมแต่ในแง่ของคุณภาพของแอนิเมชั่นอาจต้องปรับปรุงเพื่อให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น ทั้งรูปทรงกายภาพและการเคลื่อนไหวของบุคคลต่างๆ ในภาพยนตร์ที่อาจยังไม่สมบูรณ์นัก เมื่อเทียบกับแอนิเมชั่นที่ดีๆ เกี่ยวกับพระพุทธเจ้า ซึ่งของไทยเองก็มีการดำเนินการสร้างภาพยนตร์แอนิเมชั่นประวัติพระพุทธเจ้าหลายเรื่องและทำได้ดีมาก
นอกจากประวัติพระพุทธเจ้าแล้วก็ยังมีสารคดีสไลด์โชว์ประวัติความเป็นมาของมหาโพธิมหาวิหาร รวมทั้งสาระสำคัญของธรรมะที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ นาย Naveen บอกว่ามีคนสนใจเข้ามาชมมากพอสมควรซึ่งเป็นกำลังใจให้เขาเป็นอย่างมาก
นาย Naveen บอกว่าจะยินดี หากจะมีผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศในเรื่องแอนิเมชั่นมาช่วยงานตรงนี้ ซึ่งผมก็ได้ปรารภกับนายนาวีนว่าประเทศไทยเองก็มีการจัดทำภาพยนตร์แอนิเมชั่นเรื่องพระพุทธเจ้า และคงจะเป็นการดีหากไม่ติดขัดเรื่องลิขสิทธิ์ ก็อยากจะให้นำภาพยนตร์ดังกล่าวของคนไทยไปเผยแพร่ที่พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ด้วยซึ่งเขาก็ยินดี
ผู้สนใจสามารถติดต่อนาย Naveen Sharma ได้ตามที่อยู่ที่นี่ครับ
Mr.Naveen Sharma
Prachin Bharat Tourism Technologies Pvt.Ltd.
#371 Mahadeshwara Nilaya, 23th Main
1:Phase, 11 Stage, BTM Layout
Bangalore-76
Ph. 91-9739801968
http://www.prachinbharat.com/Bodhgaya.htm
ข้อดีในการนำภาพยนตร์แอนิเมชั่นของไทยไปฉายที่พิพิธภัณฑ์
ผมคิดว่าในฐานะที่ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีเปอร์เซนต์คนนับถือพุทธศาสนามากที่สุดประเทศหนึ่งของโลกและในปัจจุบันพุทธศาสนามีความเจริญมั่งคงมากในประเทศไทย การไปปรากฏตัวของประเทศไทยที่พุทธคยาซึ่งเป็นสังเวชนียสถานที่สำคัญแห่งหนึ่งจะเป็นการประกาศให้ชาวอินเดียและชาวพุทธจากทั่วโลกได้ทราบถึงศักยภาพและเกียรติภูมิของประเทศไทย
การนำภาพยนตร์แอนิเมชั่นประวัติพระพุทธเจ้าที่คนไทยสร้างไปเผยแพร่ที่สังเวชนียสถานไม่ว่าจะที่พุทธคยาหรือที่นาลันทาจะเป็นการประกาศให้คนอินเดียและชาวพุทธ(จากทั่วโลก)ทราบถึงความสามารถของคนไทยในด้านแอนนิเมชั่นซึ่งทำได้ดีไม่แพ้ประเทศใดในโลก
สุดท้าย เป็นการไปช่วยส่งเสรมิงานพุทธศาสนาในอินเดียถือเป็นงานกุศลที่ชาวพุทธสามารถทำได้เพื่อถวายแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในดินแดนพุทธภูมิ
ก็หวังว่าข้อเขียนนี้จะทำให้ผู้ที่เกี่ยวข้องเกิดแรงบันดาลใจ คิดต่อยอด ในการดำเนินการใดๆ เพื่อกุศลทั้งของตนเองและของประเทศชาติต่อไป
เห็นด้วยว่า น่าจะมีความร่วมมือ แลกเปลี่ยนเรียนรู้เทคโนโลยีซึ่งกันและกันคะ อาจทำในรูปวิจัย..การทำการ์ตูน บุคคลสำคัญ ทำยาก..เพราะ มีรายละเอียดมาก ทำพลาดไปนิด มีโอกาสถูกสังคมตำหนิสูง
คุณหมอ
เห็นประเด็นอยุ่ครับ การร่วมมือ แลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างกันเป็นสิ่งที่ดีแน่นอนครับ แต่ในเรื่องที่เป็นงานศาสนานี้ ส่วนใหญ่ต้องเป็นการอาสาครับ
ส่วนเรื่องการ์ตูน กำลังคิดว่า อาจจะประสาน สนับสนุนให้นำการ์ตูนของไทยไปเผยแพร่ที่นั่น แต่เป็นเฉพาะช่วงของเทศกาลทางศาสนาสำคัญๆ เพื่อเป็นจุดเริ่มต้นครับ
ขอบคุณสำหรับดอกไม้กำลังใจและข้อคิดเห็นที่มีประโยชน์ครับ
ในปัจจุบันมีคลินิคในวัดไทย ณ สังเวชนียสถานเกือบทุกแห่งนะครับ ส่วนใหญ่คลินิครักษาคนอินเดีย มีหมออินเดียประจำอยุ่ แต่ในช่วงฤดูกาลแสวงบุญ ซึ่งมีผู้แสวงบุญชาวไทยไปสังเวชนียสถานกันเยอะ ก็จะมีทีมแพทย์ไทยไปคอยให้การรักษาผู้แสวงบุญชาวไทยด้วยครับ ก็เป็นข้อมูล เผื่อในอนาคต คุณหมอจะมีโอกาสไปสังเวชนียสถาน จะได้ไปดูงานตรงนี้ที่คลินิคด้วยครับ:)
สวัสดีค่ะท่านเอกฯ
นับเป็นนิมิตหมาย ของความร่วมมือ แลกเปลี่ยน และเผยแพร่เทคโนโลยี บูรณาการงานด้านศาสนา
ขอบพระคุณค่ะ
น้าจ้าก็แวะมาอ่านข้อเขียนของคุณบ่อยๆค่ะ ขอขอบคุณสำหรับข้อเขียนและข้อคิดเห็นดีๆค่ะ
น้าจ้า
ดีใจครับที่กัลยาณมิตร (เจ้าเก่า) ยังแวะเวียนมาอ่านบันทึกของคนชอบเขียน เป็นกำลังใจที่ดีครับ
บันทึกหน้า เรื่องเกี่ยวกับหลวงพ่อองค์ดำ นาลันทา ซึ่งเป็นพระพุทธรูปองค์เดียวที่รอดพ้นการทำลายของพวกเตริ์กในยุคโบราณ ท่านถูกฝังใต้ดินมานานกว่าพันปี จนมีการค้นพบและเป็นพระที่ศักดิ์สิทธิ์ ชาวฮินดูและชาวไทยนับถือมากครับ
ติดตามตอนต่อไปครับ