จากดวงใจอุดมการณ์สู่แผ่นดิน


อุดมการณ์ที่ถืออุดมคติเป็นที่ตั้งให้ความดีเป็นรูปธรรมเพื่อที่จะตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน

จากดวงใจอุดมการณ์สู่แผ่นดิน จดหมายนี้ถึงพ่อ

จากวันนั้นจนถึงวันนี้ อุดมการณ์ก็ยังไม่เคยเปลี่ยน

 "การตอบบุญคุณแทนแผ่นดิน"

 

เด็กชนบทคนนึงตัดสินใจไปศึกษาต่อ โรงเรียนในเมืองใหญ่เป็นเวลา 3ปี จากสังคมชนบทที่ เห็นใจเริ่มเข้าสู่สังคมเมืองที่ เห็นแก่ตัวเริ่มซึมซับแต่รับไม่ได้ แต่ก็ต้องยอมรับว่ามันคือสังคมที่ต้องอยู่  เพราะนี่แหละความเสื่อมถอยของสังคมที่เด็กอย่างเราต้องศึกษาเรียนรู้เพราะมันคือ ปัจจุบันของชาติ ส่วนที่ผู้ใหญ่ไม่เคยสนใจเพราะเป็นตัวผู้ใหญ่นั่นเอง พูดแต่อนาคตของชาติ แล้วจะให้ประเทศเดินไปในทิศทางใดในเมื่อท่านชี้ให้เราเดิมทางที่ไม่เสื่อมแต่ท่านเดินทางเสื่อมสะงั้น ท่านอย่าคาดหวังอะไรกับอนาคตของชาติมากนักท่านทำปัจจุบันของชาติให้ดีก็พอ อนาคตมันก็ดีขึ้นเอง

เรื่องนี้ผมเจอในโรงเรียน จะบอกว่าน่าหัวเราะหรือร้องไห้ดีสถานที่หล่อหลอมปัญญาชนกลับมีคนใช้เพื่อประโยชน์ส่วนตน และพวกพ้องเท่านั้น

นี้คือบทเรียนที่ได้จากการเรียน 3 ปี ทำให้อุดมการณ์เริ่มจะถดถอยเพราะไม่มีกำลังใจ

แต่กำลังใจของผมก็คือ "พ่อ" พ่อไม่ได้สอนให้ผมเป็นเป็นคนเก่งแต่พ่อสอนให้ผมเป็นคนดีที่เป็นรูปธรรม สอนให้ผมทำเพื่อส่วนรวมรู้จักบุญคุณ(ไม่ใช่เฉพาะคน) สอนให้รู้ว่าครูจริงๆแล้วก็คือทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกและนอกโลกนี้  ที่เราดูแล้วเราเอามาแก้ไขจากสิ่งผิดให้ถูกต่างหาก สิ่งที่เปลี่ยนเราให้ดีขึ้นในทางที่ถูกหรือสิ่งที่ทำให้เรารู้ผมก็เลยมีครูเยอะกว่าคนอื่นทีนี่เมื่อมีครูครูให้ความรู้ครูมีบุญคุณ ทีนี้แหละ ต้นไม้ก็คือครู คนก็คือครู ทุกอย่างก็คือครู แล้วจะตอบแทนยังงัยหล่ะ เลยคิดว่าทุกสิ่งอยู่บนแผ่นดินนี้ จะตอบแทนบุญคุณทุกอย่าง"ก็ต้องตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน"

หลังจากจบ ม.6 เด็กคนนี้ก็ตัดสินใจทำตามฝันออกเดินทางตามหา สะพายเป้ลูกใหญ่ออกจากบ้าน กลั่นน้ำตาไว้ ออกจากบ้านไปนอนที่สงขลา เพื่อไปขึ้นรถไฟไป กทม. ขึ้นรถเมย์ก็ยังไม่เคยขึ้น จากไปไหนหลายคนก็เดินทางคนเดียว เหมือนคนที่ไม่มีจุดหมายแต่จริงๆความหวังความฝันอยูในเป้ข้างหลัง นั้นคือใบรายงานตัวเข้าเป็นนิสิตมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ สกลนคร สาขาทรัพยากรธรรมชาติและอุตสาหกรรมเกษตร

สุดท้ายก็ถึงสถานีรถไฟ ลำบากแล้วไงซื้อตั๋วไม่เป็น ก็เลยไปถามพี่ทหาร เค้าก็บอกแล้วพาไปขึ้นรถไฟผมขอขอบคุณพี่มาก

ทำไมถึงขึ้นรถไฟไม่ไปเครื่องบิน ผมเป็นคนชอบดูความเป็นอยู่บ้านคนอื่นว่าเค้าอยู่กันยังไง วัฒนธรรมเค้าเป็นยังไง แล้วชีวิตเค้าเป็นยังไง ก็เลยยอมทนนั่งรถไฟ ถึง กทม.สะที แล้วก็ถามไปเรื่อยๆ จนถึงสกลนคร แล้วถึง มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน เกือบร้องให้นึกว่าไม่ถึงเสียแล้ว จนเรียนที่นี่ในที่สุด

ทำไมถึงเรียนที่นี่ ? เพราะตอนเรียน ม.ปลาย 3 ปีทำให้ไม่ชอบสังคมเมือง และอีกอย่างไม่ชอบคนเยอะ และอากาศที่นี่ก็ดีมาก

จนวันนี้ผมรู้สึกท้ออีกแล้ว ทำไมสังคมเห็นแก่ตัวต้องมีด้วย พวกอยากได้หน้าก็เจอ พวกแหงนหน้ามองฟ้าแล้วลืมเท้าตัวเองที่สัมผัสดินก็มี ทำไม หรือสักวันนึงเราต้องเป็นแบบนี้

พ่อครับผมต้องทำงัย ตอนนี้ไม่มีใครอยู่ข้างกายนอกจากเพื่อนสนิทไม่กี่คน

เดินทางมาถึงขนาดนี้ผมจะทิ้งไม่ได้แค่ 4 ปี ผมต้องทำได้

วันนี้ผมจับปากกาเขียนบนกระดาษวาดความฝัน

 

สักวันปากกาของผมก็จะเป็นจอบเป็นเสียม เขียนบนกระดาษคือแผ่นดิน ตัวหนังสือคือต้นไม้ และต้นไม้ก็จะออกลูกออกผลไปทั่วทั้งผืนแผ่นดิน

และจะทำงานรับใช้ประชาชนเพราะประชาชนคือเจ้าของประเทศชาติ จะเป็นผู้อำนวยการ ไม่ใช่ผู้บัญชาการ

บทเรียนของชีวิต ลูกลิขิต พ่อคือกำลังใจ

หมายเลขบันทึก: 456431เขียนเมื่อ 27 สิงหาคม 2011 16:44 น. ()แก้ไขเมื่อ 31 สิงหาคม 2012 23:04 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

ดีใจนะที่คุณมีอุดมการณ์  ขอให้สำเร็จตามอุดมการณ์  ครูจะเป็นกำลังใจให้นะ

เป็นกำลังใจให้นะค่ะ ครูชอบ.."จะทำงานรับใช้ประชาชนเพราะประชาชนคือเจ้าของประเทศชาติ จะเป็นผู้อำนวยการ

ไม่ใช่ผู้บัญชาการ"

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท