กระบวนการนอกกรอบ


การสรรหาอย่างยุติธรรมที่เหลืออยู่ในระบบราชการ

วันนี้ได้ไปช่วยงานเทศบาลนครขอนแก่น อีกงานหนึ่ง (รู้สึกว่าหมู่นี้ เทศบาลใช้งาน ค่อนข้างถี่)  แต่แม่ใหญ่ก็เต็มใจไปช่วยในฐานะภาคประชาชน   งานที่ไปคือการไปเป็นกรรมการสรรหารองผู้อำนวยการ โรงเรียนเทศบาล 10 โรง  คณะกรรมการประกอบด้วยเจ้าหน้าที่สำนักการศึกษา 2-3 ท่าน คณะข้าราชการการเมือง เช่น  ที่ปรึกษานายกเทศมนตรี   รองนายกเทศมนตรี  นายกสภาเทศบาล และสมาชิกเทศมนตรี  4-5 ท่าน  มีแม่ใหญ่เป็นคนนอก สังกัดเอกชนตนเอง  หลุดรอดเข้าไปแค่คนเดียว ก็ภูมิใจนะที่เขาอุตส่าห์เลือกไปใช้งาน

ขั้นตอนการเลือกครั้งนี้กินเวลายาวนานถึง 11 เดือน   เพิ่งมาเสร็จสิ้นในวันนี้   แรกๆมีคนมาสมัครเข้ากระบวนการยี่สิบกว่าคน   แต่หลังจากผ่านกระบวนการ อันหลากหลายตลอดเวลา 11 เดือน   ก็ค่อยๆมีคนถอยออกไป  จนวันนี้มีเหลือ  ให้เลือกแค่ 13 คนเท่านั้น   และตำแหน่งก็มีตั้ง 10 ตำแหน่ง  ดังนั้นจะมีคนไม่ผ่านการสรรหาเพียง สามคนเท่านั้นเอง  เป็นการแข่งขันที่ไม่น่ากลัวเลย  แต่ก็แปลกที่คนสมัครทำไมถึงน้อย!!!!!

ถ้าแม่ใหญ่สาธยายกระบวนการฯ  ให้ฟังคนอ่านก็จะถึงบางอ้อ  ว่าทำไมคนจึงไม่ค่อยอยากจะสมัครเข้ามา   เพราะมันไม่ใช่แค่เข้ามาสอบข้อเขียน  สัมภาษณ์แล้วก็ผ่านเข้าไปเป็นรอง ตามระบบเดิมๆที่ทำกัน    ผู้สมัครทั้งหมด จะต้องเข้าไปเรียนรู้จากแหล่งเรียนรู้  5  เรื่องด้วยกัน คือ

  1. อบรมเรื่องจิตตปัญญาศึกษา  กับอาจารย์วิศิษฐ์ วังวิญญู  ประมาณ 5 วัน  
  2.  เข้าอบรมเรื่องการลดอัตตากับอาจารย์ประชา หุตานุวัตร  อีกราวๆ 5 วัน 
  3. ไปนอน,ไปกิน,ไปอยู่  ล้างชาม   กับสติที่หมู่บ้านพลัมอีก 1 คืน 1 วัน
  4. ไปเรียนรู้ที่โรงเรียนนอกกะลาของอาจารย์ วิเชียร ไชยบัง ที่ลำปลายมาศอีก  3 วัน    
  5.  ไปเรียนรู้การโค้ชชิ่งเพื่อนครู   ที่โรงเรียนรุ่งอรุณ     และหลังจากนั้น   ให้กลับมาทำวิจัยส่งให้กับอาจารย์ที่สอนเรื่องโค้ชชิ่ง อีกคนละ 1 เล่ม

ดังนั้น   ใครใจไม่ถึง  ไม่เสียสละเวลาขนาดนี้  ก็คงจะไม่สมัครเข้ามา

นายกเทศมนตรี  คุณพีระพล พัฒนะพีระเดช  เป็นคนหนุ่ม รุ่นใหม่ ไฟแรง  มีนโยบายชัดเจนว่า  การจะเข้าสู่ตำแหน่งใดใด ต้องเป็นการเข้ามาด้วยธรรมาภิบาล  ไม่เลือกที่รักมักที่ชัง  และเปิดโอกาสให้กับผู้มีสิทธิทุกคน    แต่ต้อง ผ่านการอบรมเพื่อพัฒนา มิใช่มาด้วยเส้นสาย  หรือต้องเสียเงินซื้อตำแหน่ง  อย่างที่เราเคยได้ยินกัน  แต่จับไม่ได้ไล่ไม่ทันสักที   ท่านนายกฯ  ทำแบบนี้มาเป็นครั้งที่ หก แล้ว    ใช้งบประมาณกับกระบวนการนี้ ไม่น้อยเลย    เพื่อหวังจะได้คนดีดีเข้ามา บริหารโรงเรียน  แม้จะถูกนินทาและคัดค้านเงียบๆ จาก หลายๆเสียงที่ไม่ชอบผ่านกระบวนการนี้  (แต่อยากเป็นรองฯ) ท่านก็ไม่หวั่นไหว  ยังเดินหน้าต่อไป โดยไม่หวั่นไหว ด้วยความเชื่อที่ว่า  กระบวนการนี้เป็นกระบวนการที่ได้พัฒนาคน  และมีความยุติธรรม

คณะกรรมการมาจากหลายส่วน  กลุ่มที่แม่ใหญ่เกี่ยวข้องเรียกว่า  กรรมการสรรหา  มีสิทธิให้คะแนน   40%    อาจารย์ผู้ดูแลการวิจัย  30 % ผู้ให้การอบรมจาก  แหล่งเรียนรู้   20 %   คะแนนสังคมมิติ  คือผู้เข้ากระบวนการให้กันเอง  อีก 10 %  รวมเป็น 100 %

ด้วยการที่คะแนนมาจากหลากหลายแหล่ง  และจากผู้ไม่ได้มีผลประโยชน์เกี่ยวข้องนี่เอง  จึงเป็นที่มั่นใจได้ว่า   จะไม่มีเด็กฝากของใครคนใดคนหนึ่ง  ก้าวเข้ามาได้โดยง่าย 

วันนี้เราสรรหาไปได้แล้ว 10 คน  เราก็จะส่งคนที่เราเลือกได้ทั้ง 10 คน  ไปเข้ากระบวนการสอบคัดเลือก ตามระบบราชการอีกครั้ง  โดยมีการสอบข้อเขียน และการสอบสัมภาษณ์   ตามปกติ   กรรมการสอบคัดเลือกของจังหวัด   ก็จะมี กรรมการสรรหาฯ ของกลุ่มเรา คือ ท่านปลัดเทศบาล   ท่านผู้อำนวยการสำนักการศึกษา   และรองฯ เข้าไปนั่งอยู่ด้วย    ดังนั้นก็เชื่อได้ว่า  คนกลุ่มนี้  คงจะผ่านการสอบคัดเลือก เข้ามาโดยไม่มีการพลิกล็อคใดใด   แต่ใครจะได้ลำดับที่เท่าไหร่  ก็คงจะไปดูกันที่ คะแนนการสอบข้อเขียน และสัมภาษณ์อีกครั้ง

แม่ใหญ่รู้สึกโล่งใจที่กระบวนการสรรหาของเราผ่านไปอีกรุ่นหนึ่ง    กลับมาถึงโรงเรียน เจอหน้าผู้อำนวยการโรงเรียน  โดนกระเซ้าว่า  ไปทำงานให้เทศบาลเสร็จแล้วเหรอ  หมู่นี้ชักไปบ่อยนะ   สัปดาห์นี้ ก็สามวันซ้อน  ทั้งเลือก รองฯ และเยี่ยมโรงเรียน  แม่ใหญ่ก็เลยบอกไปว่า นี่แหละเอาไว้อวดเวลา สมศ. มาตรวจโรงเรียนไง ว่า ได้ส่ง แม่ใหญ่ไปมีสัมพันธ์กับชุมชน ในนามโรงเรียน   ตามมาตรฐานที่ระบุไว้ เรียบร้อยแล้ว

หมายเลขบันทึก: 455688เขียนเมื่อ 23 สิงหาคม 2011 17:54 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 20:23 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

แม่ใหญ่คะ

กระบวนการสรรหาและคัดเลือกรูปแบบนี้ ดีจังเลยค่ะ

หนูอ่านแล้วก็รู้สึกชื่นชมผู้ริเริ่มและผลักดัน นั่นคือท่านนายกเทศมนตรี คุณพีระพล พัฒนะพีระเดช ค่ะ

โดยจากการอ่านขั้นตอนของเรียนรู้จากแหล่งเรียนรู้ 5 เรื่องนั้น หนูตีความเอาเองว่าการเรียนรู้ดังกล่าวเป็นกระบวนการที่ช่วยสร้างจิตวิญญาณและขัดเกลาทักษะพื้นฐานที่สำคัญของผู้บริหารที่สำคัญมากๆ เลยนะค่ะ

นอกจากนี้แล้ว หนูไม่แน่ใจว่าแม่ใหญ่พอจะมีข้อมูลเกี่ยวกับกระบวนการเรียนรู้หรือไม่ค่ะ คือหนูอยากจะขอรบกวนแม่ใหญ่เล่าเรื่องกระบวนการดังกล่าวเพิ่มเติม ซึ่งน่าจะเป็นข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านและยังเป็นการช่วยเผยแพร่กระบวนการสรรหาที่ดีแก่สาธารณะด้วยค่ะ

ขอบคุณแม่ใหญ่มากๆ นะค่ะ ที่แบ่งปันเรื่องราวดีๆ ค่ะ ^___^

Ico48กระบวนการจิตตปัญญามีคนเล่าใน gotoknow แยะแล้วนะคะ และเรื่องการลดอัตตาของอาจารย์ประชาแม่ใหญ่ ก็คงเคยเขียนแล้ว  เพราะแม่ใหญ่ก็ไปร่วมกระบวนกับเขาทุกครั้งที่มีโอกาส   รู้สึกแม่ใหญ่ก็เคยเขียนไปบ้างแล้ว  เดี๋ยวจะลองกลับไปค้นดู ส่วนเรื่องโรงเรียนนอกกะลา  ทางโรงเรียนเขาเขียนลงอยู่แล้วค่ะ

ขอบคุณมากค่ะ แม่ใหญ่

หนูเองก็ไม่ได้ย้อนกลับไปดูบันทึกเก่าๆ ต้องขอโทษด้วยนะค่ะ

เดี๋ยวหนูย้อนไปดูบันทึกจากสารบัญบล็อกแล้วกันค่ะ

^_^

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท