ดิฉันมอบรองศิริชัยมาดูแลเรื่องศูนย์รายได้ให้เป็นรูปธรรม ไม่มีเรื่องรั่วไหลเพราะเป็นเรื่องที่ส่งผลต่อคนส่วนใหญ่ถ้าไม่มีเงินมาใช้จ่าย รองนัดส่วนที่เกี่ยวข้องมาปรึกษาและกำหนดข้อตกลงร่วมกันในการทำงาน ทั้งจากตึกผู้ป่วย การเงิน ห้องบัตร ไอที งานข้อมูล เรามีข้อตกลงที่จะร่วมกันใส่ ข้อมูลให้ครบถ้วน หมอต่อสงสัยว่าคนไข้ที่มีเบาหวานแต่รับไว้ด้วยโรคอื่นๆทำไมต้องใส่โรคด้วย
เราสรุปที่จะทำตามมาตรฐานเพราะระบบคงมีการคิดมาอย่างดีแล้ว แพทย์จะใส่โรคให้ครบ
หมอนภาแนะนำให้หมอชยนันท์มาช่วยงานเพราะเข้าใจระบบและเข้าใจหมอและการcode โรค ดิฉันคงต้องหาตัวช่วยหลายคนเช่นหมอก้อง น้องรักของหมอรุจนีมาช่วยงานนี้เพื่อคุณสุริวรรณ์จะได้ไม่เหนื่อยเกินไปค่ะ
ดิฉันขอฝากให้ทุกตึกดูแลเรื่องนี้ให้เป็นสิ่งที่ต้องทำก่อนค่ะ แล้วเราจะช่วยตัวเองได้ค่ะ
ดีมากเลยครับ
1. เรื่องใส่ข้อมูลโดยเฉพาะสิทธินี่ทางห้องยาในจะงงมากเป็นพิเศษ เพราะ เดี๋ยวบอกว่าไม่มีสิทธิ (จ่ายเองหมด) เดี๋ยวบอกว่ารอสิทธิ์ 30 บาท ตบท้ายไปสงเคราะห์ครับ
ล้อเล่นครับ (แต่ก็เคยมีจริงๆ)
ที่เป็นปัญหาบ่อย คือ ในใบคำขอยาจะเขียนหน้าแรกว่า มีสิทธิ์เบิกได้ หน้าต่อมาเขียนว่า 30 บาท (เอาละสิ) หน้าถัดไปไม่เขียน (คิดว่าเราคงรู้แล้ว) หน้าจบเขียนว่า ประกันสังคม ตกลงผมต้องถามทุกครั้งที่ขึ้นใบใหม่ครับ
ที่เป็นปัญหาคือ ยาบางตัวแต่ละสิทธิ์จ่ายไม่เหมือนกันครับ เช่น
ตัวนี้ 30 บาทต้องจ่ายเอง ประกันสังคม/ต้นสังกัดใช้ได้
ตัวนี้ 30 บาท/ประกันสังคมไม่ได้ แต่ต้นสังกัดได้
ตัวนี้ไม่ได้เลยทุกสิทธิ์ จ่ายเองหมด
แถมมีข้อยกเว้นกรณีที่หมอเซ็นต์ให้กรณีจำเป็นต้องใช้..........
แต่ถ้ามีการกรอกข้อมูลครบจริงๆ จะลดปัญหาตรงนี้ลงครับเพราะโปรแกรมห้องยาในจะดึงสิทธิ์โชว์ให้ดูในใบทุกครั้ง (ไม่ใช่คนติ้ก)
ทั้งนี้ข้อมูลต้องกรอกถูกต้องนะครับ
2. แถมท้ายอีกนิด ช่วยร่วมมือลงข้อมูล น้ำหนัก ส่วนสูงหน่อยนะครับเพราะยาบางตัวจำเป็นต้องใช้คำนวณ
ตัวอย่างล่าสุด เจอคนไข้เด็กมาครับ อายุ 13 ปีไม่ระบุน้ำหนัก ยาหมอก็ไม่เขียนขนาดยามา
เอาละ ถามคนไข้ก่อนสิ เจอหน้าคนไข้ถึงบางอ้อครับ เด็กอายุ 13 แต่หนัก 65 กิโลกรัม (เฮฟวี่เวท)
ที่ตอนแรกว่าจะโทรถามหมอต่อก็ไม่ต้องแล้วครับ นี่คือ ประโยชน์ของข้อมูลน้ำหนักครับ
ขอบคุณที่อ่านคำบ่นจบครับ