ถึงหน้านาเดือนแปดเหนือหรือเดือนหกใต้ฝนโปรยเม็ดพรมผืนนาผืนกว้างไกลสุดหูลูกตา นับเป็นแสนเป็นล้านไร่ นี่แหละเขาเรียกขานกันว่าเมืองล้านนา หมายถึงเป็นแหล่งอุดมสมบูรณ์ด้วยทรัพยากรไร่นาผืนแผ่กว้างจรดขอบฟ้า
ย่างเข้าเดือนแปดหรือหน้าฝนเสียงไล่วัวควายไถนาว่า ขวา..ขวา..บอกให้วัวควายเดินแอบมาด้านขวาเพื่อให้รอยไถตรงดิ่งเป็นแนวแปลงดินในผืนนาเป็นการสะดวกในการปักดำข้าวกล้า รอยไถเป็นริ้วร่องน้ำเจิ่งนองในท้องนาท่ามกลางเสียงกบเขียดร้องเซ็งแซ่ วัวควายต่างใช้แรงลากคันไถกรีดดินหน้านาผืนแล้วผืนเล่านับเป็นร้อยเป็นพันไร่ เจ้าวัวควายไม่รู้จักคำว่าเหนื่อยอ่อน แม้บางครั้งเรี่ยวแรงแข้งขาอาจล้าไปบ้างแต่จำทน ตามคำสั่ง คำก่นด่าที่ผู้เป็นเจ้าของจะส่งเสียงให้รับรู้ วัวควายบางตัวเดินกระเพลกเพราะริมแข้งขาด้านนอกหนังถลอกบอกเปิกเพราะผิวหนังครูดกับเส้นเชือกคร่าวที่ผูกโยงแอกกับคันไถ แต่เจ้าของก็ให้ความสำคัญเอาใจใส่ดูแลโดยใช้น้ำมันสมุนไพรมาทาแผลให้เจ้าวัวควายที่มีน้ำใจใช้แรงช่วยทำนาต่อไปจนเสร็จงาน
การทำนา ไถนาปลูกข้าวกล้าจะร่วงเลยมาจนถึงเดือนสิบเอ็ดเหนือหรือเดือนเก้าใต้ ต้นข้าวกล้าในนาแตกใบใหม่เขียวไสวพริ้วเป็นระลอกคลื่นล้อไล่กันสวยงามยิ่งนัก ชาวนาเห็นว่าทุกอย่างเสร็จงานดีแล้ว จึงหันมานึกถึงบุญคุณของวัวควายที่ได้เคยลากคันไถ คันเฝือผืนนามาก่อน จึงนำสวยข้าวตอกดอกไม้ มาเตรียมพิธีมัดมือวัวควาย บางแห่งเรียกกันว่าฮ้องขวัญวัวควาย
ถึงเวลาเจ้าของจะอาบน้ำให้วัวควายจนสะอาด แล้วนำอาหารหวานคาวใส่ขันโตกเหมือนดั่งจะเลี้ยงผู้คน พร้อมกับเก็บเกี่ยวหญ้าอ่อนฟ่อนใหญ่งดงามมากองไว้ใกล้กับขันโตก เจ้าพิํํธีจะนำสวยดอกไม้มาผูกมัดที่เขาซ้ายขวาสมมุติว่าเป็นมือของเจ้าวัวควาย แล้วกล่าวเอื้อนเอ่ยโองการถึงบุญคุณที่วัวควายได้ใช้แรงช่วยทำนาขณะเดียวกันนั้น เจ้าของได้เผลอไผลด่าว่า เฆี่ยนตีให้วัวควายได้เจ็บเมื่อเสร็จสิ้นการทำนาก็มาขออโหสิ ขอโทษ ขออภัยแก่กันและกันอย่ามีเวรต่อกัน เมื่อกล่าวโองการขออโหสิ ขอโทษกันแล้ว เจ้าของจะเอาน้ำขมิ้นส้มป่อยผะผายหรือประพรมแก่วัวควาย นำเข้ามาให้กินหญ้าอ่อนเป็นการดูแลรักษาวัวควายให้พลิกฟื้นคืนกำลังหลังจากตรากตรำกรำงานหนักมานาน
วัวควายบางตัวเหมือนดั่งจะรู้ถึงความสำคัญพิธีกรรมนี้ ขณะที่กำลังประกอบพิธีมันจึงมีน้ำตาปริย้อยหยดแทนเสียงคำพูดที่จะบอกให้เจ้าของว่า ตัวข้าได้รับรู้ว่าท่านผู้เป็นเจ้าของได้สำนึกถึงบุญคุณของพวกข้านี้แ้ล้ว
เมื่อเสร็จสิ้นพิธีกรรมเจ้าของจะปล่อยวัวควายไปหากินตามป่าเขา นานครั้งจึงไปตามดูว่าพวกมันพากันไปอยู่ตรงไหนโดยฟังเสียงฮอก(กระพรวน)ที่แขวนคอของพวกมัน แต่บางท้องที่ไม่มีป่าเขา เจ้าของก็จะเลี้ยงดูวัวควายตามไร่นา พอตกเย็นก็จะต้ิอนเข้าแหล่ง(คอก)วัวควายเป็นปกติแล้วสุมไฟไล่ยุง แมลงต่างๆที่จะมารบกวนในเวลากลางคืน
พิธีกรรมดังกล่าวเป็นพิธีกรรมของผู้คนส่วนใหญ่ในล้านนา เจ้าของวัวควายไม่นิยมขายวัวควายหลังจากการทำนา ดั่งคำพังเพยที่ว่า "เสร็จนาฆ่าโคถึก" มันหมายถึงเนรคุณอย่างสาหัสของผู้คนที่มีใจโหดเหี้ยม
แม้ว่าปัจจุบันการไถนาผู้คนนิยมใช้รถแทนควาย จนมีคำพูดว่า ควายเหล็ก แต่เมื่อเสร็จหน้านาเจ้าของควายเหล็กบางคนยังนำสวยดอกไม้มาผูกมัดคันมือถือของควายเหล็กก็พอยังมีให้เห็น
ผู้คนล้านนาภาคเหนือแปดจังหวัดมีความรู้คุณแม้กระทั่งสัตว์เลี้ยงจึงเกิดพิธีกรรมอันงดงามในวิถีชีวิต แต่พิธีกรรมนี้ผู้คนจากที่อื่นมารู้ มาเห็นและไม่เข้าใจอาจเผลอไผลดูถูกว่า เอ๊ย..คนล้านนานี่งี่เง่าชะมัดทำพิธีเรียกขวัญ มัดมือแม้แต่วัวควาย ไม่น่าเล่าพวกมันจึงไม่เจริญก้าวหน้าทันสมัยกับโลกซักที....
พิธีการมัดมือวัวควายบ่งบอกถึงความมีเมตตารู้คุณต่อผู้มีพระคุณแม้ว่าจะเป้นสัตว์พวกมันก็มีเลือดเนื้อและหัวใจ นอกจากนี้ยังเป็นการรักษาดูแลสัตว์เลี้ยง ความเอื้่ออาทรต่อสัตว์ผู้ใช้ชีวิตร่วมโลก หากใครมาดูถูกว่าเป็นพิธีกรรมที่งี่เง่า ไอ้คนคิดนั่นแหละมันเง่างี่ยิ่งกว่างี่เง่ากว่าวัวควาย...แม่นบ๋อหมู่เฮา
เป็นพิธีกรรมที่มีคุณค่า เป็นเอกลักษณ์เฉพาะจริงๆค่ะ
หากท่านไม่บันทึกเล่าขาน คนรุ่นหลังก็คงไม่รูจัก
ขอบคุณค่ะ
ยินดีเจ้าที่เข้ามาแว่อ่าน...
ขอบคุณครับคุณBy Jan ที่เข้ามาแว่อ่านและให้ความคิดเห็นดีๆ...
ลุงหนาน..... พรหมมา.
เสียดายที่ไม่ได้เห็นพิธีกับตา แต่เป็นเรื่องที่น่าอนุรักษ์ไว้
สวัสดีหลาน deawche
หากต้องการเรียนรู้เกี่ยวกับพิธีกรรมการทำนาของผู้คนล้านนา ขณะนี้มีหนังสือออกหลายเล่มลองไปดูแถวห้างหนังสือใหญ่ครับ....
ขอบคุณที่ร่วมสืบสานเพื่อท้องถิ่นครับ...
ด้วยความปรารถนาดีจากลุงหนาน......พรหมมา