ทุกวันนี้อาหารดีๆ เราทำส่งขายนอก ไปบำรุงคนต่างชาติ ของเหลือ ที่เหี่ยวๆ ปนสารพิษมากๆ ที่ตรวจไม่ผ่านมาตรฐานเมืองนอก ก็เอามาขายให้คนไทยด้วยกันกิน ลองอ่านข่าว คำให้การของคนปลูกผักส่งขายนอกชิ้
“คุณป้านุช เล่าว่า จะคัดกะเพราใบสวย กิ่งตรง ขายให้บริษัทผู้ส่งออก 3 ราย คือ บริษัท วีเอส เฟรช โก้, บริษัท เฟรชพาสเนอร์, บริษัท ชัชวาลฟาร์ม ในราคากิโลกรัมละ 15 บาท ส่วนสินค้าที่ตกเกรดก็จะนำไปขายที่ตลาดนครปฐมในราคากิโลกรัมละ 4-5 บาท” (ตัดมาจากวารสาร เทคโนโลยีชาวบ้าน)
เคยอ่านพบมานานแล้วว่า ซีอิ๊วไทย ส่งไปขายมาเลย์ ไม่ผ่านการตรวจ ก็ตีกลับเอามาขายให้คนไทย ..นี่ขนาดมาเลย์ เขายังตีกลับสินค้าไทยเราเลย อีกหน่อยประเทศโลกที่สี่คงตีกลับสินค้าอาหารเอามาให้ลูกหลานไทยกินกันพุงกาง..จนสมองฝ่อกลายเป็นประเทศโลกที่ห้าในที่สุด ...เพราะสมองถูกพ่นด้วยสารพิษตั้งแต่ยังเด็ก จนพิกลพิการ ไอคิวต่ำกันหมด
เรื่องสินค้าอาหารปนสารพิษถูกตีกลับแบบนี้เราได้ยินกันบ่อยจนชินหูแล้ว ..เกิดมาเป็นคนไทยมันน่าน้อยใจจริงๆ
ทุกวันนี้ไม่อยากกินอะไรที่ทำในไทยเลย (ทั้งที่เป็นคน “คลั่งชาติ” นิยมแต่สินค้าไทย จะซื้อกระดาษเช็ดก้นยังยอมตะเวณเหนื่อยเพื่อหายี่ห้อไทย ) เรื่องนี้ยอมทรยศชาติ..อยากไปหาซื้ออาหารนำเข้าจากเมืองนอกมากินให้มันสิ้นเรื่องสิ้นราว (ไม่รู้ว่าพอทำส่งออกมาขายประเทศด้อยพัฒนามันลดมาตรฐานลงหรือเปล่า) หรือไม่ก็ทำนา ปลูกผัก หมักปลาร้ากินเองไปซะเลยให้สิ้นเรื่องสิ้นราว
ก่อนจะเป็นครัวโลก เราควรเป็นครัวไทยที่สะอาดเสียก่อน เหลือทิ้งจึงส่งขายต่างประเทศ
ผมเป็นนายกรัฐมนตรีวันไหน สิ่งแรกที่ผมจะดำเนินการคือ การทำอาหารไทยให้สะอาดที่สุดในโลก ถ้ามีพรรคการเมืองไหน มีนโยบายด้านนี้ ผมเลือกแน่นอน ไม่ว่าใส่เสื้อสีไหน
หรือว่ามันคงยากส์เพราะบริษัทค้ายาบ้าให้พืชกินนี้มันมีกำลังเงินล็อบบี้สูงมาก แถมนักการเมืองไทยก็ขายชาติกินเป็นอาชีพเสียอีก
เรามาตั้งพรรค “ปัญญาธิปัตย์” ส่งคนลงสมัครสมัยหน้ากันดีไหม
...คนถางทาง (๑๘ สิงหาคม ๒๕๕๔)
ตกลง ท่านจะลงสมัคร หรือ ทำนา ปลูกผัก หมักปลาร้า กินเอง ล่ะคะ
เลือกอย่างหลังจ้ะ ..แบบขงเบ้ง หนีไปหลังเขา ปลูกหม่อน ส่วนเล่าปีก็ลงสมัครไปกะแล้วกัน อิอิ
ปล. ขอบใจนะจ๊ะ ที่ตามอ่าน ตามเม้นท์ และให้ดอกไม้เสมอมา