บทคัดย่อ
เรื่อง “ผลลัพธ์ของโปรแกรมการควบคุมเบาหวานที่ผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 มีส่วนร่วมแบบสมัครใจ”
ชื่อหน่วยงาน/เจ้าของผลงาน : วัลย์ลดา เลาหกุล ห้องตรวจประกันสังคม โรงพยาบาลสมุทรสาคร (นักศึกษาระดับปริญญาโท สาขาการพยาบาลผู้ใหญ่ขั้นสูง มหาวิทยาลัยคริสเตียน จังหวัดนครปฐม)
หลักการและเหตุผล : ปัญหา สาเหตุ ความต้องการพัฒนา
จากการศึกษาประเมินผู้ป่วยเบาหวานที่มารับบริการ ที่ห้องตรวจผู้ป่วยนอกประกันสังคม (OPD EXPRESS WAY) โรงพยาบาลสมุทรสาครจากการสุ่มตัวอย่างจำนวน 20 ราย พบว่ายังมีการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดไม่คงที่เพราะพอผ่านไป2-3เดือนก็จำความรู้ที่เคยได้รับจากการเข้ากลุ่มไม่ได้ ไม่มีเวลาออกกำลังกาย ควบคุมอาหารไม่ได้ น้ำหนักมากเกินมาตรฐาน (ค่าBMI>25) ระดับน้ำตาลในเลือดก่อนอาหารไม่คงที่ บางครั้งไม่สัมพันธ์กับผลHbA1C ไม่ชอบการเข้ากลุ่มเบาหวาน กลัวเสียเวลาในการทำงาน จึงส่งผลทำให้ผู้ป่วยเบาหวานไม่สามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ และมีน้ำหนักเกินมาตรฐานมากขึ้น
ดังนั้นผู้วิจัยจึงศึกษาผลลัพธ์ของโปรแกรมควบคุมเบาหวานแบบสมัครใจ จำนวน 3โปรแกรม เพื่อให้ผู้ป่วยเบาหวานสามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพได้แบบสมัครใจ และช่วยให้ผู้ป่วยเบาหวาน สามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดและควบคุมน้ำหนักที่เกินมาตรฐานได้ตามโปรแกรมการควบคุมเบาหวานที่ผู้ป่วยเป็นผู้เลือกโปรแกรมเอง และเพื่อศึกษาดูผลของโปรแกรมการควบคุมเบาหวาน โปรแกรมใดที่มีผลประสิทธิภาพมากที่สุดระหว่าง โปรแกรม 1 การควบคุมอาหาร โปรแกรม 2 การออกกำลังกาย หรือโปรแกรม 3 การควบคุมอาหารร่วมกับการออกกำลังกาย เมื่อเทียบกับกลุ่มควบคุมที่ไม่ได้เลือกโปรแกรม การควบคุมเบาหวานแบบใดที่มีประสิทธิผลดีที่สุดสำหรับผู้ป่วยเบาหวานของห้องตรวจประกันสังคม โรงพยาบาลสมุทรสาคร
วัตถุประสงค์
ศึกษาผลลัพธ์ของโปรแกรมควบคุมเบาหวานโดยผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 มีส่วนร่วมแบบสมัครใจ จำนวน 3 โปรแกรม ได้แก่ โปรแกรม 1 การควบคุมอาหาร โปรแกรม 2 การออกกำลังกาย และโปรแกรม 3 การควบคุมอาหารร่วมกับการออกกำลังกาย ต่อระดับน้ำตาลในเลือดก่อนอาหาร ค่าน้ำตาลเฉลี่ย HbA1C และค่าดัชนีมวลกายในผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ที่มารับการรักษา ณ ห้องตรวจประกันสังคม รพ. สมุทรสาคร ว่าโปรแกรมแบบใดที่มีผลต่อการควบคุมเบาหวานได้อย่างมีประสิทธิผลมากที่สุด
ตัวชี้วัดความสำเร็จของโครงการ
วิธีดำเนินการ:รูปแบบการพัฒนาคุณภาพการพยาบาล
การวิจัยนี้เป็นวิจัยกึ่งทดลองเพื่อศึกษาผลลัพธ์ของโปรแกรมการควบคุมเบาหวานโดยผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2มีส่วนร่วมแบบสมัครใจ ต่อระดับน้ำตาลในเลือดก่อนอาหาร FBS ระดับ HbA1C และค่า BMI โดยผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 ของห้องตรวจประกันสังคม โรงพยาบาลสมุทรสาครเป็นผู้เลือกโปรแกรมเองแบบสมัครใจ ระยะเวลาศึกษาอยู่ในช่วงวันที่ 1 พฤศจิกายน 2553 – 28 กุมภาพันธ์ 2554 จำนวน 80 คน ซึ่งศึกษาในผู้ป่วยเบาหวานกลุ่มเสี่ยงที่มีระดับน้ำตาลในเลือดก่อนอาหารสูงมากกว่า 140 mg% ค่า HbA1C > 7% และมีค่า BMI > 25 เปรียบเทียบ 2 กลุ่ม คือกลุ่มทดลองโปรแกรมควบคุมเบาหวานแบบสมัครใจ 3 โปรแกรม และกลุ่มควบคุมที่ไม่ได้เลือกโปรแกรม โดยแบ่งกลุ่มทดลองโปรแกรม 1 การควบคุมอาหาร จำนวน 20 คน โปรแกรม 2 การออกกำลังกาย จำนวน 20 คน โปรแกรม 3 การควบคุมอาหารร่วมกับการออกกำลังกาย จำนวน 20 คน และกลุ่มควบคุมที่ไม่ได้เลือกโปรแกรม จำนวน 20 คน
กลุ่มทดลอง คือกลุ่มผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 ที่มารับบริการ เป็นผู้เลือกโปรแกรมควบคุมเบาหวานด้วยตนเองแบบสมัครใจ
1. ผู้เข้าร่วมวิจัย ก่อนให้โปรแกรมควบคุมเบาหวานแบบสมัครใจโปรแกรม 1 การควบคุมอาหารแบบสัดส่วน โปรแกรม 2 การออกกำลังกาย โปรแกรม 3 การควบคุมอาหารร่วมกับการออกกำลังกาย ต้องมีการตรวจเลือดหา ค่าระดับน้ำตาลในเลือด (FBS) ค่าเฉลี่ยระดับน้ำตาลในเลือดช่วง 3 เดือน (HbA1C) ค่าดัชนีมวลกาย( BMI )ก่อนรับโปรแกรมคู่มือผู้ป่วยเบาหวาน ไปปฎิบัติปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพตามโปรแกรมที่เลือก โดยผู้ป่วยปฎิบัติทำตามตารางโปรแกรมที่ให้ไป ทางผู้วิจัยต้องแนะนำขั้นตอนการควบคุมอาหารแบบสัดส่วน การออกกำลังกาย ว่าควรเลือกปฎิบัติอย่างไร จึงจะได้ผลดี
2. แนะนำหากมีอาการที่ไม่พึงประสงค์ขณะควบคุมอาหาร เช่นเวียนศรีษะ คลื่นไส้ หน้ามืด อ่อนเพลีย ควรมาพบแพทย์ที่โรงพยาบาลทันที เพื่อป้องกันภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ
4. การนัดครั้งที่ 2 ห่างจากครั้งแรก 1 เดือน นัดตรวจค่าระดับน้ำตาลในเลือดก่อนอาหาร(FBS) ค่าดัชนีมวลกาย( BMI ) พร้อมให้คำแนะนำ ให้คำปรึกษาพร้อมให้กำลังใจผู้ป่วยเบาหวานในการควบคุมเบาหวานแบบสมัครใจ
5. การนัดครั้งที่ 3 นัดตรวจค่าระดับน้ำตาลในเลือดก่อนอาหาร(FBS)ค่าเฉลี่ยระดับน้ำตาลในเลือดช่วง 3 เดือน (HbA1C) ค่าดัชนีมวลกาย( BMI ) หลังทดลองโปรแกรมควบคุมเบาหวานแบบสมัครใจ โปรแกรม 1 ประเมินความพึงใจของผู้ป่วยโดยการทำแบบประเมินความพึงพอใจ เพื่อประเมินผลหลังทดลองใช้โปรแกรม
6. นำข้อมูลที่ได้จากผู้เข้าร่วมวิจัยที่เลือกโปรแกรมที่ผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 เลือกแบบสมัครใจมาตรวจสอบความถูกต้อง ก่อนนำข้อมูลไปวิเคราะห์ทางสถิติต่อไป
กลุ่มควบคุม คือผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 ที่ไม่ได้เลือกโปรแกรม
1. ผู้เข้าร่วมวิจัยที่ไม่ได้เลือกโปรแกรมใดๆเลย แต่ได้มารับการดูแลรักษาตามปกติ
2. ผู้เข้าร่วมวิจัย ที่ไม่เลือกโปรแกรมควบคุมเบาหวานแบบสมัครใจ ต้องมีการตรวจเลือดหา ค่าระดับน้ำตาลในเลือด (FBS) ค่าเฉลี่ยระดับน้ำตาลในเลือดช่วง 3 เดือน (HbA1C) ค่าดัชนีมวลกาย( BMI )ก่อนปฎิบัติปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพ โดยการดูแลตนเอง มีดังนี้
2.1. ผู้เข้าร่วมวิจัยที่ไม่ได้เลือกโปรแกรม จะได้รับคำแนะนำและได้รับการรักษาตามแผนการรักษาปกติ
2.2. ให้คำแนะนำ และนัดผู้ป่วยมาตรวจระดับน้ำตาลในเลือดทุก 1 เดือน
3. นัดผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 มาตรวจตามนัดครั้งที่ 2 ห่างจากนัดครั้งแรก1 เดือน โดยนัดตรวจค่าระดับน้ำตาลในเลือด (FBS) ค่าดัชนีมวลกาย( BMI ) พร้อมให้คำแนะนำ ให้คำปรึกษาพร้อมให้กำลังใจผู้ป่วยเบาหวานในการควบคุมเบาหวาน
4.การนัดครั้งที่ 3 นัดตรวจค่าระดับน้ำตาลในเลือดก่อนอาหาร (FBS) ค่าเฉลี่ยระดับน้ำตาลในเลือดช่วง 3 เดือน (HbA1C) ค่าดัชนีมวลกาย( BMI )
5. นำข้อมูลที่ได้จากผู้เข้าร่วมวิจัยที่ไม่เลือกโปรแกรมการควบคุมอาหารหรือการออกกำลังกาย มาตรวจสอบความถูกต้อง ก่อนนำข้อมูลไปวิเคราะห์ทางสถิติต่อไป
ผลการดำเนินการ และการนำไปใช้
ภายหลังจากการทดลองพบว่าผลลัพธ์ของโปรแกรมควบคุมเบาหวานแบบสมัครใจ กลุ่มทดลอง โปรแกรมทั้ง 3 โปรแกรมโปรแกรมที่ 1 การควบคุมอาหาร โปรแกรมที่ 2 การออกกำลังกาย และโปรแกรมที่ 3 การควบคุมอาหารร่วมกับการออกกำลังกาย มีค่าเฉลี่ยผลระดับน้ำตาลในเลือดก่อนอาหารหลังทดลองโปรแกรมที่ 1,2,3 ระดับน้ำตาลในเลือดลดลง ทั้ง 3 โปรแกรมไม่แตกต่างกันคือ 137.85, 130.15, 135.45 ตามลำดับ ส่วนกลุ่มควบคุมมีค่าเฉลี่ยระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มขึ้นคือ 198.90 ค่าเฉลี่ยฮีโมโกลบินเอวันซี หลังทดลองโปรแกรมที่ 1,2,3 ลดลงคือ 7.91, 8.02, 7.97 ตามลำดับ ส่วนกลุ่มควบคุมมีค่าเฉลี่ยฮีโมโกลบินเอวันซีเพิ่มขึ้นคือ 9.125 ค่าดัชนีมวลกายหลังทดลองโปรแกรมที่ 1,2,3 และกลุ่มควบคุมลดลงไม่แตกต่างกันคือ 28.32, 28.04, 28.23, และ 29.02 ตามลำดับ ดังนั้นจึงสรุปได้ว่ากลุ่มทดลองที่เลือกโปรแกรมควบคุมเบาหวานแบบสมัครใจทั้ง 3 โปรแกรม สามารถช่วยให้ผู้ป่วยสามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ดีกว่ากลุ่มควบคุมกลุ่มผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 ที่ไม่ได้เลือกโปรแกรมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05(p < 0.05)
จากการศึกษาครั้งนี้ พบว่า การที่ผู้ป่วยเลือกโปรแกรมควบคุมเบาหวานแบบสมัครใจ ช่วยให้ผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 มีความตั้งใจ พร้อมที่จะปรับเปลี่ยนพฤติกรรม โดยเลือกวิธีการควบคุมเบาหวาน ในการดูแลสุขภาพด้วยตนเอง สามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ดีขึ้น ทั้งยังสามารถนำไปใช้ปรับเปลี่ยนระบบการจัดการรูปแบบแนวทางในการดูแลผู้ป่วยเบาหวาน โดยนำรูปแบบของโปรแกรมควบคุมเบาหวานแบบสมัครใจ ไปใช้ในการดูแลผู้ป่วยเบาหวานตามหน่วยบริการปฐมภูมิมากขึ้น เกิดเป็นรูปธรรมในหน่วยงานที่ให้บริการผู้ป่วยเบาหวานในด้านปฎิบัติการพยาบาล และด้านการศึกษา ยังสามารถนำรูปแบบโปรแกรมการควบคุมเบาหวานแบบสมัครใจ ไปสอนนักศึกษาพยาบาล หรือผู้ที่สนใจ ให้มีความรู้ ความเข้าใจในการดูแลผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่2 แบบสมัครใจ ทั้งยังสามารถนำไปใช้ในพื้นที่อื่นๆที่ให้บริการผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่2 โดยให้ผู้ป่วยเบาหวานเป็นผู้เลือกโปรแกรมด้วยตนเอง สามารถดูแลตนเองได้ถูกต้องทั้งด้านการควบคุมอาหาร การออกกำลังกาย ช่วยให้ผู้ป่วยสามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ด้วยตนเองแบบสมัครใจ มีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม สามารถดูแลสุขภาพด้วยตนเอง และสามารถนำความรู้ รูปแบบโปรแกรมควบคุมเบาหวานแบบสมัครใจไปประยุกต์ใช้กับผู้ป่วยโรคเรื้อรังอื่นๆต่อไป
หมายเหตุ งานวิจัยนี้ได้รับทุนสนับสนุนการวิจัย จาก ทุนหม่อมเจ้าหญิงมัณฑารพ กมลาศน์ ของสมาคมพยาบาลแห่งประเทศไทย
อ่านแล้วได้รับความรู้ดีมากค่ะ ขอบคุณมากค่ะ และจะแนะนำให้คนอื่นได้รับความรู้ด้วย