จากบันทึกนี้ http://www.gotoknow.org/blog/poldejw/453242 ผมคิดต่อเรื่องการสร้างพลังบวกเพื่อให้เกิดแรงต้านกับพลังลบ ซึ่งพลังลบนี้ เกิดขึ้นแล้ว ในหลายประเทศ และยังมีพลังส่งต่อไปอีกยังไม่รู้ว่าจะหยุดเมื่อใด ดังนั้นเพื่อให้เกิดแรงต้าน จึงต้องมีการสร้างพลังบวกขึ้นมา ซึ่งวิการนี้ ก็เป็นกฏธรรมชาตินั่นเอง สมดุลย์ เราช่วยธรรมชาติได้ ซึ่งก็เท่ากับเราช่วยมนุษย์เราเอง
ทุกวันนี้ มนุษย์เราก็ใช้สัญชาติญานนี้เอาตัวรอดอยู่แล้ว เช่นไฟใหม้ ก็ช่วยกันดับ คลื่นยักษ์มา ก็สร้างสิ่งป้องกันและเตือนภัย..........ก็ทำนองเดียวกัน สัญญานสติของคนในสังคมโลกตกต่ำมาก จนเกิดระเบิดในหลายประเทศ ก็เป็นภัยที่เข้ามาแล้ว สมควรที่เราจะช่วยกันสร้างสิ่งป้องกัน ในเรื่องนี้คือพลังบวก แผ่เมตตา ให้เกิดพลังเย็นไปคลายร้อนที่เกิดขึ้นในจิตคนในโลก
ก็อยากฝากรัฐบาลใหม่ครับ เป็นโอกาสแล้วที่จะแสดงให้ชาวโลก สังคมโลกเห็นว่าประเทศไทยมีของดี สามารถนำมาใช้ในการช่วยโลกได้ ในฐานะที่ประเทศไทยเป้นพุทธที่เข้มแข็งที่สุดในโลก(จากการที่องค์การสหประชาชาติได้ไว้วางใจให้ประเทศไทยจัดงานวิสาขบูชาโลกทุกปีมานานหลายปีแล้ว...) อีกทั้ง ณ มุมหนึ่งของโลก พระสงฆ์ไทยองค์หนึ่ง(พระอาจารย์อารยะวังโส แห่งลำพูนก็ได้จัดงานมาฆบูชาโลกขึ้นเป็นครั้งที่สองแล้วที่เวฬุวันมหาวิหาร อินเดีย ......ในส่วนของพระอาจารย์อารยะวังโสนั้น ได้เล้งเห็นภัยที่กำลังเกิดขึ้นจึงได้จัดสวดมนต์พระปริตรที่วัดพระแก้วเดือนละ 1 ครั้งมานานกว่า 30 ครั้งแล้ว สิ่งนี้ช่วยโลกได้แน่นอน
จึงอยากจะให้มีการสวดมนต์โดยพระสงฆ์ ชาวพุทธไทยและชาวพูทธทั่วโลก ผ่านมหาจุฬาฯ ทางวัดยานนาวา ก็มีศูนย์พระสงฆ์นักเผยแพร่พุทธศาสนา มีโทรทัศน์พระพุทธศาสนา....เหล่านี้ ช่วยกันจัดงานสวดดังกล่าว โดยให้แจ้งองค์การสหประชาชาติด้วยว่าประเทศไทยกำลังทำอะไรอยู่
เราชาวพุทธทราบดีว่า พลังแผ่เมตตานั้นมีผลมากอย่างไร เพราะชาวพุทธไทยนั้นทำบุญเก่ง แผ่เมตตามาก จึงมีสิ่งนี้คุ้มกันอยู่มาจนทุกวันนี้ แต่ถ้าไม่ป้องกัน ไม่เตรียมพร้อม วันหนึ่งก็จะทานไม่อยู่เช่นกัน
จึงขอเชิญชวนชาวโกทูโนทั้งหลายครับ ช่วยกันคิดช่วยกันทำ ช่วยโลก โดยเการแผ่เมตตาจากตัวเองก่อน ให้ชาวโลกเท่าที่จะทำได้
ชว่ยกันต่อยอด แลกเปลี่ยนความเห็นว่าจะทำอย่างไรให้ชาวโลกได้รับพลังเมตตาดังกล่าว ช่วยกันเสนอแนะ สนับสนุน ผลักดันให้สิ่งนั้นเกิดขึ้น ผมมั่นใจว่าพลังที่จะสร้างกันนี้ ไม่สูญเปล่า
ที่สำคัญ ในวโรกาสที่เป็นมหามงคลสมัย 84 พรรษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เราสมควรที่จะเทอดพระเกียรติและร่วมใจสร้างกุศลถวายพระองค์ท่าน ซึ่งก็ทำกันแล้ว การสวดมนต์เพื่อโลกนี้ ก็สามารถเป็นสิ่งหนึ่งที่เราจะทำเพื่อพระองค์ได้.....ผมเริ่มทำแล้ว ของผมเองก่อนนอน นั่งสมาธิเพื่อการนี้ และจะทำต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าจะถึง 5 ธันวาคม
จริงๆ แล้ว หากโลกเป็นสิ่งมีชีวิต ก็เป็นทั้งพ่อและแม่ของเราชาวประชาโลกที่อาศัยอยู่นะครับ ดังนั้นการทำเพื่อโลกก็เหมือนทำเพื่อพ่อเพื่อแม่ ผู้มีพระคุณเหมือนกัน....ฝากด้วยนะครับ
เจริญสุขครับ
เหตุการณ์ในอังกฤษนั้น สะเทือนกระตุกให้คิดถึงศีลธรรมของมนุษย์ จริงๆคะ
การเบียดเบียนคนอื่น กลายเป็นความ "สนุก"
เขาหล่านั้น ขาดเมตตา..ความมีเมตตา จึงน่าเป็นสิ่งป้องกันเหตุร้ายได้
รบกวนถามความหมายภาพเขียคะ ดอกบัวขึ้นกลางดิน และมีเลือด หมายถึงอะไรคะ
คุณหมอ
ผมวาดภาพนี้ด้วยความรู้สึกปลงธรรมสังเวช ในช่วงที่พุทธศาสนาเกิดข่าวไม่ค่อยดี ทั้งพระที่ไม่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบหรือชาวพุทธที่แฝงเข้ามาหากินกัยพุทธศาสนา รวมทั้งประเทศไทยซึ่งเป็นประเทศที่นับถือพุทธศาสนาแต่ชาวพุทธกลับประพฤติที่สวนทางกับศีล 5 ทั้งนั้น
เห็นไกลลิบคือเจดีย์ที่อยู่ท่ามกลางทะเลทราย ที่กว้างใหญ่ มีแต่ทราย เม็ดทรายนับไม่ถ้วน ตามธรรมชาติของทะเลทราย ก็แปรรูปไปตามกระแสลม พายุที่พัดใส่
เจดีย์นั้นคือพุทธศาสนาครับ สำหรับผมหากมีเจดีย์ ก็มีวัด มีพระ มีอุบาสก อุบาสิกา แต่เจดีย์อยู่ท่ามกลางทะเลทราย เพราะอะไร ก็คงพอจะเดากันได้นะครับ
ดอกบัวนั้น ผมหมายถึงพุทธศาสนาในแง่ของการปฏิบัติ คือความหลุดพ้น ความรู้แจ้งซึ่งเกิดมาจากแดนพุทธภูมิ ใบโพธิ์จึงมีอยู่ในก้านบัวด้วย เพราะถ้าไม่มีโพธิ์เป็นฐาน ก็คงไม่มีดอกบัว
ใบโพธิ์ที่แห้งแต่ยังอยู่นั้นเหมือนเปรียบเสมือนสังเวชนียสถานที่ยังคงมีอยู่ให้เราเห็น และที่เห็นโผล่แทรกขึ้นมาจากทรายไม่ใกล้นั้น ผมจะบอกว่า แม้จะอย่างไรก็ตาม ก็ยังมีความหวังที่สิ่งดีงามจะเกิดขึ้นใหม่ได้เสมอ ยังจะมีการหลุดพ้นอยู่เสมอ
ดอกบัวที่มีหยดเลือดนั้น ก็จากการที่มีคนทำลายพุทธศาสนา ทำลายธรรมะของพุทธศาสนา ซึ่งก็พวกเราเองนั่นแหละครับ ชาวพุทธที่ทำลายกันเอง ทั้งพระที่มิได้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ชาวพุทธที่หลงงมงาย ไม่ปฏิบัติธรรมที่ควรปฏิบัติ แต่หากินกับพุทธศาสนา ข่าวการแฝงตัวของคนในคราบพุทธศาสนาเกิดขึ้นทุกระยะๆ ทำลายศรัทธาของชาวพุทธมากเหลือเกิน ผมจึงสะท้อนด้วยการบาดเจ็บ หลั่งเลือดของดอกบัว ซึ่งหากเป็นเช่นนี้ ก็คงไปไม่รอด
หากชาวพุทธช่วยกัน ดอกบัวก็สามารถจะบานได้ครับ ด้วยการปฏิบัติตามที่พระพทุธองค์ทรงสั่งสอนเอาไว้
หัวใจพุทธศาสนามีเพียง 3 ข้อที่เราทุกคนปฏิบัติได้ คือ ละการทำชั่ว ทำแต่ความดี และทำจิตใจให้ผ่องใส
ก็เหมือนจะบอกว่าในภาพที่ผมวาด หยุดทำร้ายดอกบัว ดูแลดอกบัวด้วยการปฏิบัติ และทำดอกบัวให้บาน
อย่างไรก็ดี ภาพศิลป์นี้ดีตรงที่ว่า ผู้ดูไม่จำเป็นต้องมีความรู้สึกและความเห็นเหมือนผู้วาดครับ ซึ่งผมก็คิดว่าดีเพราะทุกคนต่างมีเสรีที่จะจินตนาการตามแต่จะคิดครับ
เจริญสุขนะครับ
และที่เห็นโผล่แทรกขึ้นมาจากทรายไม่ใกล้นั้น ผมจะบอกว่า แม้จะอย่างไรก็ตาม ก็ยังมีความหวังที่สิ่งดีงามจะเกิดขึ้นใหม่ได้เสมอ ยังจะมีการหลุดพ้นอยู่เสมอ
ขอบคุณสำหรับคำอธิบายอย่างละเอียดคะ รวมทั้งขอมีความหวังด้วยคน
เริ่มแผ่เมตตาก่อนนอนให้โลกตั้งแต่คืนวันที่ 13 สค.เพื่อให้โลกลดความร้อนลง
วันก่อนดูรายการโทรทัศน์ทีจีเอน มีเรื่องของร้านอาหารมังสะวิรัตที่ชื่อว่า Loving Hut ที่มีแนวทางเชิญชวนทานอาหารมังสะวิรัตเพิ่อลดความร้อนของโลก น่าสนใจมากและคิดว่าน่าจะมีผลต่อโลกเช่นกัน
วันนี้พบกับคณะผู้พิการ ได้สนทนากันและได้แนะนำเรื่องการปฏิบัติธรรมโดยการแผ่เมตตา ว่าจะเป็นการสร้างพลังบวก ช่วยคลายโลกร้อนได้ ที่สำคัญ คิดว่าในแง่ของการปฏิบัติธรรม ผู้พิการที่มิได้พิการทางสมองหรือพิการโดยอุบัติเหตุหรือที่มิได้พิการมาโดยกำเนิด คนเหล่านี้ สามารถจะปฏิบัติธรรมได้เท่ากับคนปรกติ
ได้เชิญชวนให้ผู้พิการปฏิบัติธรรมอย่างจริงจัง เพราะนอกจากจะพัฒนาจิตตนเองแล้ว ยังจะสามารถช่วยคนอื่นและช่วยโลกได้เช่นกัน
ในส่วนตัว จะได้ศึกษาเรื่องการทานมังสะวิรัตเพื่อลดความร้อยของโลกด้วย
บันทึก ณ คืนวันที่ 16 สค. 2554
แผ่เมตตาให้โลก
บันทึก ณ คืนวันที่ 17 สค.2554
แผ่เมตตาให้โลก
บันทึก ณ วันที่ 18 สค.2554
แผ่เมตตาให้โลก
บันทึก ณ วันที่ 19 สค. 2554
แผ่เมตตาให้โลก
พร้อมด้วยไอเดียบุญให้กัลยาณมิตรคนพิการ ซึ่งยังไม่รู้ว่าจะทำได้หรือไม่ แต่อยากทำ
บันทึก ณ วันที่ 20 สค. 2554
แผ่เมตตาให้โลก
วาดภาพสีน้ำมันอีก 2 ภาพ เผื่อจะใช้ประโยชน์สำหรับทำกุศลในอนาคต
บันทึก ณ วันที่ 21 สิงหาคม 2554
แผ่เมตตาให้โลก พรุ่งนี้จะมีหรือไม่(สำหรับตัวเอง) ไม่ทราบ แต่คืนนี้ขอแผ่เมตตาให้เช่นเคย
แต่งภาพสีน้ำมันจนพอใจและพอดี พุทธศิลป์อีก...เช่นเคย
บันทึก ณ วันที่ 22 สิงหาคม 2554
แผ่เมตตาให้โลก
นำภาพ BudAura ขึ้นโกทูโน เป็นภาพสีน้ำมันภาพแรกหนึ่งในสามภาพที่วาดตั้งแต่เขียนบันทึกนี้ในวันที่ 13 สค. 2554
หวังว่าในอนาคตคงจะใช้ประโยชน์จากภาพทั้งสามนี้เพื่อทำการกุศลอย่างใดอย่างหนึ่ง เท่าที่จะมีโอกาส
บันทึก ณ วันที่ 23 สิงหาคม 2554
แผ่เมตตาให้โลก
พรุ่งนี้จะเดินทางไปพุทธคยา จะได้นำเรื่องมาเล่าสู่กันฟังต่อไป
ภาพที่สองจะนำขึ้นคืนนี้ หากมีเวลา
บันทึก ณ วันที่ 24 สิงหาคม 2554
(จะแผ่เมตตาให้โลกจนถึงวันที่ 30 สิงหาคม 2554)
แผ่เมตตาให้โลก ช่วงที่อยู่ที่พุทธคยา 2 คืน ได้ปลงธรรมสังเวชมากอีกครั้งหนึ่ง จากการเดินทางไปพุทธคยา เห็นสภาพของวิถีชีวิตของคนที่นั่น
แต่สิ่งที่ได้คือสติและปัญญา
บันทึก ณ วันที่ 28 สค. 2554
แผ่เมตตาให้โลก
ณ วันใหม่ วันเริ่มต้นการเดินทาง
สิ้นสุดการแผ่เมตตาให้โลก ตามที่ได้ตั้งใจไว้ทุกประการ
ปล.ได้กิ่งต้นพระศรีมหาโพธิ์ที่พุทธคยา มา 1 กิ่ง นับเป็นบุญส่วนตัวมหาศาล
อนุโมทนาบุญกับกัลยาณมิตรทุกท่านที่เข้ามาอ่านด้วย